ท้วร์จอร์แดน Scenic of Jordan เที่ยวครบไฮไลท์ 7วัน 4คืน เดินทาง ตุลาคม - ธันวาคม 2566 : สายการบิน Royal Jordanian (RJ)
รหัสสินค้า : CJN_C002_RJ001-Scenic of Jordan_7D4N_RJ_OCT-DEC.23
ราคา |
69,900.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 69,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
โปรแกรม : Scenic of Jordan
ราคา : 69,900.-บาท (รวมค่าวีซ่าจอร์แดน)
โดยสายการบิน : Royal Jordanian (RJ)
•เมาท์เนโบ•มาคาบา•ปราสาทเครัค•เมืองเพตรา•ทะเลทรายวาดิรัม•นั่งรถปิคอัพแบบ4x4WDท่องทะะเลทราย•อควาบา•ล่องเรือกระจก•นอนทะเลเดดซี•เจราช•อัมมาน
⭐นอนโดมแคมป์ 1 คืน | อาหารครบทุกมื้อ
เดินทาง ตุลาคม - ธันวาคม 2566
หมายเหตุ กรุณาเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
รายละเอียดเที่ยวบิน โดย Royal Jordanian (RJ) |
|||||
วันที่เดินทาง |
เที่ยวบิน |
เส้นทาง |
เวลาออก |
เวลาถึง |
ชั่วโมงบิน |
วันแรก (ขาไป) |
RJ 183 |
กรุงเทพ (BKK) – อัมมาน (AMM) |
00:25 |
05:10 |
|
วันที่เจ็ด (ขากลับ) |
RJ 182 |
อัมมาน (AMM) – กรุงเทพ (BKK) |
02:15 |
15:15 |
|
โปรแกรมเดินทาง
วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ (-/ -/ -)
1.00 น. นัดหมายคณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก ทางเข้าประตู 10 บริเวณพื้นที่จุดนัดพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์คอยต้อนรับ และบริการเรื่องกระเป๋าเดินทาง รับเอกสารประกอบการเดินทาง จากนั้นนำท่านเช็คอินที่เคาร์เตอร์ สายการบิน รอยัล จอร์แดน (RJ)
วันที่สอง กรุงเทพฯ - อัมมาน – เมืองมาดาบา ชมโบสถ์เซนจอร์จ – เม้าท์เนโบชมโบสถ์อนุสรณ์แห่งโมเสส - ปราสาทเครัค – นครเพตรา (-/ -/ D)
1.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน โดยสายการบิน รอยัล จอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ183 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง พร้อมจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง, น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม/ต่อใบ และถือขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม )
05.10 น. ถึงสนามบินควีนอเลีย(AMM), กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เจ้าหน้าคอยต้อนรับ และช่วยอำนวยความสะดวกด้าน วีซ่า ให้แก่คณะ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ และผ่านศุลกากร จากนั้นมีเวลาให้ท่านได้ทำการแลกเงินสกุลท้องถิ่น หรือเลือกซื้อ ซิมโทรศัพท์ (เวลาที่ประเทศจอร์แดนช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง แนะนำให้ทุกท่านตั้งเวลาเป็นเวลาท้องถิ่นทันทีที่ไปถึง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน) ได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางสู่เมืองเนโบ
ประเทศจอร์แดน ใช้เงินสกุลดีนาร์ (Dinars)ตัวย่อสกุลเงิน (JOD) ท่านสามารถเช็คอัตตาแลกเปลี่ยนได้ที่ Superrich สีเขียว หรือ ถือเป็นเงินสกุล ดอลล่าห์สหรัฐ (USD) แล้วนำไปแลกเป็นเงินท้องถิ่นที่สนามบิน 1 USD ประมาณ 0.69 JOD หรือ 1JOD ประมาณ 48THB
สถิติสภาพอากาศถัวเฉลี่ยของประเทศจอร์แดนในแต่ละเดือน อ้างอิง https://www.accuweather.com/
นำท่านเดินทางสู่ เขาเนโบ (Mt’ Nebo) (ระยะทาง 32 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขา สถานที่ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิต และฝังศพ ของโมเสส (ศัพท์ในศาสนายูดาห์ และศาสนาคริสต์) หรือ นบีมูซา (ศัพท์ในศาสนาอิสลาม) ผู้นำชาวยิวเดินทางจากอียิปต์ ไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญาคานาอัน และเป็นผู้นำคำสอนบัญญัติสิบประการของ พระยะโฮวาห์ ลงมาเผยแผ่สู่มนุษย์
ชม โบสถอ์นุสรณ์โมเสส ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส อนุสรณ์แห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 300-400 ในยุคไบเซนไทน์ ตอนต้นคริสต์ศักราช ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่าย ให้ท่านชมวิว และเก็บภาพที่จะมองเห็นทัศนียภาพทั้งแม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี นครเจริโค เมืองเบธเลแฮม และเมืองเยรูซาเล็ม หรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาดาบา (Madaba) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที)หรือเมืองแห่งโมเสก ว่ากันว่าที่นี่มีงานศิลปะโมเสกที่สวยงามมาก เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน ผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่มานานกว่า 4,500 ปี ชม โบสถ์กรีกออโธ ดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จ บนพื้นโบสถ์มีแผนที่ทำด้วยกระเบื้องโมเสกสีสวยงามจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 หรือราว ๆ ปี ค.ศ. 600 (พ.ศ.1143) ในยุคไบเซนไทน์ แผนที่นี่แสดงให้เห็นพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในอดีต เนินเขา หุบเขา หมู่บ้าน ตัวเมือง ครอบคลุม ไปจนถึงปากแม่น้ำไนล์ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เยรูซาเลม จอร์แดน ทะเลเดดซี และอียิปต์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัล-คารัค (AL-Karak) (ระยะทาง 125กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองคารัค ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ เพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพอันงดงามระหว่างทางขึ้นเขา โดยเฉพาะบริเวณ“แกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน” ชม ปราสาทเครัค (Kerak Castle) ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1142 โดยในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของนักรบครูเสด เพื่อควบคุมเส้นทางสำหรับต่อสู้ในสงครามครูเสด ทั้งจากทางเหนือและใต้ กับกองทัพมุสลิมจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ได้ถูกนักรบมุสลิมเข้าทำลายโดยภายใต้การนำทัพของซาลาดินจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองวาดี มูซา (Wadi Musa) (ระยะทาง 138 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) อันเป็นที่ตั้งของ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ ของโลกยุคใหม่ ที่รู้จักกันในนาม เมืองเพตรา (Petra) มหานครสีชมพู นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พัก เพื่อผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก SELLA HOTEL, PETRA ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สาม เพตรา – มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ – เมืองอควาบา เดินชมเมือง (B/ L/ D)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม เขตอุทยานเพตรา (Petra) มหานครศิลาทรายสีชมพู ที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก สถานที่แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หุบเขาวาดี มูซา ที่สูงชันประดุจเป็นปราการอันยิ่งใหญ่ จนถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี กระทั้งในปี ค.ศ.1812 (พ.ศ.2355) มีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบ และออกมาเขียนหนังสือเล่าขานถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของนครเพตรา จึงทำให้เพตราเริ่มปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งและใน ปี ค.ศ.1985 (พ.ศ. 2528) องค์การยูเนสโก้ (Unesco) ได้ประกาศให้เพตรา เป็นเมืองมรดกโลก โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า "เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ"(one of the most precious cultural properties of man's cultural heritage) และยังได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย (แนะนำให้เตรียมผ้าปิดจมูกกันฝุ่นติดตัวไปด้วย ทุกท่านสามารถใช้บริการขี่ม้าที่เดินระหว่างบริเวณที่ประตูทางเข้าจนถึงบริเวณซีคช่องเขาได้ แต่เพียงต้องจ่ายค่าทิปแก่คนจูงม้าตามธรรมเนียมประมาณ 3-5 JOD(จอร์แดนดีน่า) ต่อท่าน ต่อเที่ยว หรือแล้วแต่การตกลง แนะนำให้ทำการตกลงค่าทิปก่อนการใช้บริการ กรณีต้องการ ขี่ลา ขี่อูฐ รถม้าลาก หรือรถกอล์ฟ กรุณาติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่หัวหน้าทัวร์ หรือไกด์ท้องถิ่น)
นำท่านเดินมุ่งหน้าไปบนเส้นทางมหัศจรรย์ที่ทางเข้าออกของเมืองเพตรา พร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป จากนั้นเดินเข้าสู่เมืองบริเวณซอกเขาเรียกว่าซิค SIQ เป็นหุบเขาสูงกว่า 250 ฟุต ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็กๆ ระหว่างหุบเขา ชมสีสันความสวยงามของหินสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีภาพศิลปะแกะสลักจากภูเขา อาทิ รูปปั้นแกะสลักต่าง ๆ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าต่าง ๆ กองคาราวานอูฐ, รูปชาวนาบาเทียน, ชมท่อส่งลำเลียงน้ำเข้าสู่เมือง ฯลฯ อีกมากมาย สุดปลายทางแห่งเขตหน้าผาสูงชั้นสองข้างทาง ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจ กับความสวยงามของ มหานครแห่งศิลาทรายสีชมพู
มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (EL-Khazneh / Treasury) สถานที่แห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่าถูกสร้างโดยชาวนาบาเธียน ในราวศตวรรษที่ 1 - 2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น มหาวิหารถูกแกะสลักเป็นอาคารสองชั้น จากภูเขาสีชมพูทั้งลูก กลมกลืนได้สัดส่วน สวยงาม และน่าอัศจรรย์ อิสระในการเดินชมและเก็บภาพบรรยากาศ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอควาบา (Aquaba) (ระยะทาง 125 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง.) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดนเป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษีมีประชากรอาศัยราว 70,000 คน จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองอควาบา และอิสระตามอัธยาศัยกับบรรยากาศ ริมฝั่งทะเลแดง
ค่ำ บริการอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก ORYX HOTEL, AQUABA ระดับ 4 ดาว
วันที่สี่ อควาบา – ล่องเรือท้องกระจก – BBQ บุฟเฟ่ต์บนเรือ – ทะเลทรายวาดิรัม (B/ L/ D)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน ล่องเรือท้องกระจก (Glass Boat) ในอ่าว ทะเลแดงซึ่งถือเป็นทะเลแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่าเป็นสถานที่โมเสสได้ทำอัศจรรย์โดยการชูไม้เท้าแหวกทะเลแดงเป็นทางเดินพาชาวยิวหนีจากการตามล่าของทหารอียิปต์ เพื่อเดินทางไปสู่ดินแดนคันนาอันแผ่นดินแห่งพันธะสัญญาที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้กับชาวยิวซึ่งปัจจุบันเชื่อกันว่านั่นก็คือกรุงเยรูซาเลมในปัจจุบัน ชมร่องรอยซากวัฒนธรรมโบรานใต้ผืนน้ำทะเล น้ำทะเลที่นี่มีความใสมาก แต่ด้วยความลึกและการมองผ่านกระจกหนา จึงอาจทำให้การดูปะการังและซากเรือไม่ค่อยชัดมากนัก ปะการังโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสีสัน และอาจมีโอกาสได้เห็นสัตว์ทะเล เช่น ปลาสิงโต ปลานกแก้ว Goby fish ปลิงทะเล หอยเม่น แมงกะพรุน ฯลฯ ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียง
หมายเหตุ: สำหรับท่านที่ต้องการลงเล่นน้ำ กรุณาเตรียมชุดไปเปลี่ยน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและกัปตันเรือ
เที่ยง บริการอาหารอาหารกลางวัน แบบบุฟเฟ่ต์ BBQ บนเรือ
จากนั้นนำคณะเดินทางสู่ เขตอุทยานวาดิรัม (Wadi Rum) (ระยะทาง 65 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวาน จากประเทศซาอุฯเดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ (เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียน ก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตรา นำคณะเข้าที่แคมป์ที่พัก เพื่อทำการเช็คอิน และให้ท่านอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศแสงสีทองรำไรของพระอาทิตย์ยามอัสดง ที่ทะเลทรายวาริดัม
ค่ำ บริการอาหารค่ำ แบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก
ที่พัก LUXURY RUM MAGIC WADIRUM(พักโดมแคมป์),WADIRUM หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า ทะเลทรายวาดิรัม – เดดซี (B/ L/ D)
05.30 (OPTIONAL) : ให้ท่านได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศ ของการขี่อูฐ ชมและเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายวาริดัมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 20JOD ต่อท่าน โดยใช้เวลาในการขี่และชมบรรยากาศ ประมาณ 40 นาที สนใจกรุณาติดต่อหัวหน้าทัวร์ ล่วงหน้า 1 วัน)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ที่ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก
จากนั้นนำคณะนั่งรถกระบะ 4x4WD เปิดหลังคารับบรรยากาศท่องทะเลทรายที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดง ปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์ ในสงครามอาหรับ ระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับ ร่วมรบขับไล่กองทัพออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง “Lawrence of Arabia” และในปี ค.ศ.1963 สามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ อีกกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย PETER O'TOOLE, OMAR SHARIF นําคณะท่องทะเลทรายต่อไปยัง ภูเขาคาซารี ชมภาพเขียนแกะสลักก่อนประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพแกะสลักของชาวนาบาเทียนที่ แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจําวันและรูปภาพต่างๆ ผ่านชมเต็นท์ชาวเบดูอิน ที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย จากนั้นทำการเช็คเอาท์ จากแคมป์ที่พัก และนำท่านเดินทางสู่เขตทะเลเดดซี (ระยะทาง 350 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที.)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ระหว่างทางแวะให้ท่านได้ ช็อปปิ้งที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเดดซี เช่น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นที่ทำจากเดดซีอีกมากมาย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน และ อิสระพักผ่อน ลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ความจริงว่าท่านสามารถลอยตัวในน้ำทะเลแห่งนี้ได้จริงหรือไม่ ให้ท่านเลือกบำรุงผิวพรรณโดยการพอกโคลนจากทะเลเดดซี หรือเลือกพักผ่อนตามอัธยาศัยภายในบริเวณโรงแรมที่พัก (การลงเล่นน้ำในทะเลนั้น มีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และหัวหน้าทัวร์)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก GRAND EAST HOTEL, DEAD SEA ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่หก เดดซี – นครเจอราช เมืองพันเสา – กรุงอัมมาน (B/ L/ D)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมือง เจอราช (Jerash) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)เมืองที่รู้จักกันในนาม “เมืองพันเสา” หรือ นครปอมเปอีแห่งตะวันออก อดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกด้านตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปี ก่อนคริสตกาล ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ปัจจุบันถือเป็นเขตเมืองเก่าโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดในโลก (นอกเขตประเทศอิตาลี) ภายในกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ นักโบราณคดีได้พบซากปรักหักพัง ของการตั้งถิ่นฐานของอารยะธรรมมนุษย์ย้อนหลังไปถึงยุคหินสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 6,500 ปี ชั้นใน
นำท่านเดินบนถนน ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า, ฝาท่อระบายน้ำ, ซุ้มโคมไฟ, บ่อน้ำดื่มของม้า ชมซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน และสนามแข่งม้าฮิปโปโดรม ผ่านเข้าประตูทางทิศใต้ โอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุส ฯลฯ โรงละครทางทิศใต้ (สร้างในราว ปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร เชิญท่านทดสอบความอัศจรรย์ เพียงพูดเบา ๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา ชม วิหารเทพีอาร์เทมิส เทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และ บูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และ ชม น้ำพุใจกลางเมือง (Nymphaeum) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำคณะเดินทางกลับเข้าสู่กรุงอัมมาน (ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) นครอันเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นำท่านชมกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา 7 ลูก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปี
ชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) บนยอดเขาสูงสุดในกรุงอัมมาน ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้านการเมืองต่าง ๆ รอบเมือง แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังแต่ยังสวยงามและมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยุคหิน เผยให้เห็นอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมที่มาจากยุคเหล็ก รวมถึงยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์และยุคอุมัยยะฮ์
วิหารเฮอร์คิวลิส(Templeof Hercules) ที่สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.162-166 (พ.ศ. 705-709) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าวิหารที่อยู่ในกรุงโรมโบราณเสียอีก ใกล้กันนั้นมีมือรูปกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนเผยให้เห็นความขาวโพลนจนแทบไม่มีเลือด จากนั้นเดินผ่านทางเข้าที่เป็นแนวเสาระเบียงหินขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณปลายหน้าผา ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิว พาโนรามาอันสวยงามของเมือง ชม โรงละครโรมัน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของนครอัมมาน แต่ปัจจุบันก็ยังทำให้ผู้ที่พบเห็นได้ทึ่งกับการวางแผนทางด้านงานวิศวกรรมของโรมัน อันชาญฉลาดและมีดีไซน์ที่น่าจดจำ โรงละครโรมัน แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดในอัมมาน โรงละคร มีความลาดเอียงลึกลงไป เอื้อให้เสียงที่ได้ยินรอบตัวนั้นมีคุณภาพเยี่ยม การออกแบบสุดสร้างสรรค์นี้สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 6,000 คน สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 (พ.ศ. 704-723) สมัยการปกครองของ แอนโทนิอุส ปิซุส (Antoninus Pius) จากนั้น อิสระให้ท่าน ช็อปปิ้ง ที่ห้าง City Mall Center ซึ่งมีสินค้าให้ท่านเลือกมากมายเป็นของฝากจากจอร์แดนมากมาย จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินควีนอเลีย ระหว่างทานสู่สนามบิน แวะร้านของฝาก Al Shaab Nut Stories อันเป็นร้านของฝากยอดนิยมของจอร์แดน โดยร้านดั้งเดินเริ่มต้นจากร้านเล็กๆที่เมือง Aquaba และได้รับความนิยมมากจนมาเปิดสาขาที่กรุงอัมมาน
21:00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติอัมมาน ควีน อาเลีย ทำการเช็คอินไฟลท์ RJ182 กลับสู่กรุงเทพฯ (กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องได้ น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
วันที่เจ็ด อัมมาน – กรุงเทพฯ (-/ -/ -)
02.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน รอยัล จอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ182 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
15:15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้จัด โดยยืดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
กรุณาอ่านรายละเอียดโปรแกรมทัวร์และรายละเอียดต่างๆของโปรแกรมโดยละเอียดเมื่อท่านทำการซื้อโปรแกรมทัวร์แล้วทางบริษัทถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ ของบริษัท
อัตราค่าบริการ |
||
วันเดินทาง |
ราคาผู้ใหญ่ (พักห้องละ 2-3 ท่าน) |
พักเดียว จ่ายเพิ่ม |
22 – 29 ตุลาคม 2566 12 – 18 พฤศจิกายน 2566 3 – 9 ธันวาคม 2566 |
69,990 |
10,000 |
|