เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 4)
นำท่านสู่ อุทยานคานาสือ (อุทยานคานาส ) (ระยะทาง 120 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง) หัวใจสำคัญของอุทยานคานาส ทะเลสาบสีฟ้าเข้มที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาอัลไต เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและน้ำฝน ด้วยบรรยากาศโรแมนติกของน้ำใสสะอาดสะท้อนเงาภูเขา ท่ามกลางไอหมอกที่ล่องลอยในยามเช้า และยังเป็นที่เล่าขานถึงสัตว์ลึกลับ "มังกรคานาส" ที่ชาวบ้านเชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบลึกแห่งนี้
นำท่านเดินทางสู่ หอส่องมัจฉา หนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของคานาส ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 660 เมตรจากระดับทะเลสาบ ให้คุณสามารถชมทะเลสาบคานาสจากมุมสูงได้แบบ 360 องศา ท่ามกลางเมฆหมอกที่ปกคลุมขุนเขา และถ้าหากโชคดี อาจได้เห็น "มังกรคานาส" ที่ว่ากันว่าปรากฏตัวในน้ำลึก จุดชมวิวแห่งนี้มีโครงสร้างโดดเด่นด้วยรูปทรงปีกนกอินทรีและหางมังกร สะท้อนถึงตำนานแห่งคานาส
จากนั้นเดินทางสู่ หมู่บ้านโบราณของชนเผ่าตูวา หนึ่งในชนกลุ่มน้อยที่เก่าแก่ที่สุดในแถบอัลไต ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ บ้านเรือนสร้างจากไม้ซุงแบบดั้งเดิม คล้ายกับบ้านของชาวไซบีเรีย นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง และฟังเสียงขับร้องด้วยลำคอ(Throat Singing) อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ระหว่างทาง นำท่านเดินชม ป่าสนไทก้า เส้นทางเดินป่าระยะทาง 4.5 กิโลเมตร ที่จะพาคุณเข้าสู่ป่าทางตอนเหนือของซินเจียง ซึ่งเต็มไปด้วยต้นสนไทก้าที่หนาแน่น ตลอดเส้นทาง คุณจะพบกับลำธารใสไหลผ่าน ป่าสนที่มีอายุนับร้อยปี และรากไม้ขนาดมหึมาที่เกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)
บ่ายนำท่านชม อ่าวซ่อนมังกร หนึ่งในทิวทัศน์สุดมหัศจรรย์ระหว่างทางไปทะเลสาบคานาส ที่โค้งน้ำไหลเป็นรูปตัวมังกรเลื้อยไปตามภูมิประเทศธรรมชาติ สองฝั่งล้อมรอบด้วยป่าสนเขียวชอุ่ม สะท้อนภาพบนผิวน้ำราวกับสรวงสวรรค์ เหมาะแก่การหยุดพักดื่มด่ำความงามของธรรมชาติ
จากนั้นนำท่านสู่ อ่าวเทพเทวดา อ่าวเทพเจ้าเป็นจุดมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่บริเวณตอนบนของแม่น้ำคานาส มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำตื้นที่เกิดจากกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยผ่านโค้งแม่น้ำ ท่ามกลางม่านหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งเหนือลำน้ำในยามเช้า จนได้รับการขนานนามว่า "ดินแดนแห่งเทพเจ้า" เมื่อยามพระอาทิตย์สาดแสงกระทบผิวน้ำ สายน้ำจะระยิบระยับราวกับถูกโปรยด้วยไข่มุกนับพัน ทำให้ที่นี่มีอีกชื่อว่า "หาดไข่มุก" ล้อมรอบผืนป่าเบิร์ชสีเขียวชอุ่ม โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูง และน้ำใสราวกระจกสะท้อนภาพฟ้าครามและเมฆหมอก สร้างบรรยากาศที่เหนือจริงเหมือนภาพในเทพนิยาย ความงดงามที่ตราตรึงในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสีของฤดูใบไม้ร่วง หรือภาพลำธารที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว
ขึ้นเหนือจากอ่าวเทพเจ้าเพียง 1 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับ อ่าวเสี้ยวจันทรา สายน้ำที่โค้งเว้าตามแนวภูเขาราวกับพระจันทร์เสี้ยวที่ทอดตัวอยู่กลางขุนเขา คือนิยามของความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของคานาส ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของนักเดินทาง แต่ยังเป็นจุดหมายในฝันของนักถ่ายภาพ เพราะน้ำในอ่าวจันทราจะเปลี่ยนเฉดสีไปตามฤดูกาลและมุมของแสงแดด สร้างความมหัศจรรย์ที่ไม่เคยซ้ำกันในแต่ละวัน ตำนานที่เล่าขานกันมาเกี่ยวกับอ่าวจันทรานั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ หนึ่งในนั้นคือ "รอยเท้าของเจงกิสข่าน" ซึ่งเป็นที่มาของสองเกาะเล็กกลางน้ำที่มีรูปร่างคล้ายรอยเท้าขนาดยักษ์ เชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่เหยียบผ่านพื้นที่นี้ในอดีตกาล ความลึกลับนี้ทำให้อ่าวจันทราเป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง และเมื่อท่านได้มายืนอยู่บนเส้นทางที่สูงขึ้นไป มองลงมายังอ่าวจันทราเบื้องล่าง จะสัมผัสได้ถึงความงามที่เกินบรรยาย ที่แม้แต่เพียงการจ้องมองเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้ภาพนี้ติดตรึงอยู่ในหัวใจไปตลอดกาล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 6)
สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ เมืองคานาส (นอกอุทยาน)
ที่พัก HONGFU KANAS LAKE RESORT หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (มาตรฐานประเทศจีน)
วันที่สี่ : หมู่บ้านเหอมู่ (รวมรถอุทยาน) – ลานชมวิว – หาดห้าสี - เบอร์จิ้น
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 7)
นำท่านสู่ หมู่บ้านเหอมู่ (ระยะทาง 68 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง) ท่ามกลางขุนเขาแห่งเทือกเขาอัลไต ที่ซึ่งแม่น้ำเฮมู่และแม่น้ำคานาสไหลมาบรรจบกัน หมู่บ้านเหอมู่เปรียบเสมือนภาพวาดจากเทพนิยาย ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมาอย่างลงตัว หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อันห่างไกลของ เขตคานาส ใกล้พรมแดนรัสเซีย มองโกเลีย และคาซัคสถาน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วย ชุมชนชาวตูวาที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างน่าหลงใหล บ้านไม้หลังคาสามเหลี่ยมเรียงรายอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ทอดยาวไปตามแนวแม่น้ำเฮมู่ ซึ่งไหลผ่านใจกลางหมู่บ้าน เสียงสายน้ำกระทบโขดหิน คลอเคล้ากับเสียงกระดิ่งของฝูงม้าและแกะที่เล็มหญ้าท่ามกลางทิวทัศน์ของขุนเขา นำท่านแวะถ่ายรูป ณ ลานชมวิว สัมผัสทัศนียภาพอันน่าหลงไหลของหมู่บ้านเหอมู่ท่ามกลางไอหมอกและแสงแรกของวัน เป็นหนึ่งในภาพที่งดงามที่สุดของซินเจียง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)
บ่ายจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หาดห้าสี (ระยะทาง 162 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ท่ามกลางทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของซินเจียง หุบเขาหลากสี เปรียบเสมือน "แดนสวรรค์ของสีสัน" ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมาด้วยแรงลม น้ำ และกาลเวลา ที่นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มี ภูมิประเทศแบบย่าตัน ที่งดงามที่สุดของจีน หุบเขาแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำเออร์ติช ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเดียวในจีนที่ไหลลงสู่มหาสมุทรอาร์กติกทางขั้วโลกเหนือ ฝั่งใต้เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีและทะเลทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ส่วน ฝั่งเหนือ คือหน้าผาหลากสีที่เกิดจากตะกอนหินทรายและหินโคลนที่ผ่านกระบวนการกัดเซาะเป็นเวลานับล้านปีจนเกิดเป็นชั้นหินที่ไล่เฉดสีราวกับจิตรกรรมจากธรรมชาติ เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงทองของอาทิตย์อัสดงจะย้อมหน้าผาให้กลายเป็นเฉดสีแดง ส้ม ม่วง เหลือง และเขียว ตัดกับฟากฟ้าและแม่น้ำสีฟ้าเข้ม เกิดเป็นภาพที่งดงามเกินคำบรรยาย ได้รับการขนานนามว่า "ยอดเม็ดหยกหลากสีแห่งซินเจียง"
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 9)
สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ เมืองเบอร์จิน
ที่พัก BURQIN SUTONG HOLIDAY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (มาตรฐานประเทศจีน)
วันที่ห้า : เบอร์จิ้น - ขุยถุน – แกรนด์แคนยอนตู๋ซานจื่อ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 10)
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองขุยถุน (ระยะทาง 459 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.5 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ในแถบ เทือกเขาเทียนซานทางตอนเหนือ และบริเวณขอบตะวันตกเฉียงใต้ของ แอ่งซุงการ์ เป็นจุดพักที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการผ่อนคลายและดื่มด่ำบรรยากาศแห่งความสงบสุข มีประชากรจากหลากหลายชาติพันธุ์ เช่น ชาวฮั่น, คาซัค, และอุยกูร์ รวมถึงอีกกว่า 35 ชาติพันธุ์ ที่ร่วมกันสร้างเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่หลากหลายให้กับเมืองนี้ ความกลมกลืนของผู้คนในเมืองแห่งนี้จะทำให้คุณสัมผัสถึง ความอบอุ่นและมิตรภาพ ที่เต็มเปี่ยม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 11)
บ่ายนำท่านสู่ แกรนด์แคนยอนตู่ซานจื่อ (ระยะทาง 40 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง) ดินแดนอันยิ่งใหญ่ที่ทอดตัวอยู่ในเขตเมืองคาราเมย์ มณฑลซินเจียง กับลักษณะภูมิประเทศแบบหุบเขาอันโดดเด่น ความกว้างของก้นหุบเหว 100-400 เมตร ได้รับการจัดอันดับใน นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่งดงามที่สุดบนถนนตู๋คู่ (独库公路) อันเลื่องชื่อ ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ จากกระแสน้ำจากเทือกเขาเทียนซาน ที่ไหลผ่านและกัดเซาะพื้นที่หุบเขานี้มานานนับล้านปี จนเกิดเป็นชั้นดินที่แยกชั้นกันอย่างชัดเจน ในเฉดสีเทาและดำ ตัดกับพืชพรรณธรรมชาติอย่างต้นหญ้าทุ่ง ท่านจะได้เห็นธรรมชาติอันงดงามและลุ่มน้ำที่ตัดผ่านหุบเขานี้ พร้อมภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากจิตรกรรมชิ้นเอก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 12)
สมควรแก่เวลานำท่านเข้าสู่ที่พัก
ที่พักKUITUN YUJIN INTER HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (มาตรฐานประเทศจีน)
วันที่หก : ทะเลสาบโซรัม - เจงกิสข่านชักธงรบ – ผ่านชมสะพานกัวจื่อโกว - อี้หนิง - ถนนหกดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 13)
นำท่าน สัมผัสความงดงามของ ทะเลสาบโซรัม (ระยะทาง 340 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง) ด้วยการเดินทางรอบทะเลสาบผ่านเส้นทางวงรอบที่ทอดยาวกว่า 79 กิโลเมตร ชื่นชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ผสานกันระหว่างน้ำใสสะท้อนแสงแดดและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ทัศนียภาพที่นี่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับความสงบและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ที่ "จุดประกาศศึกเจงกิสข่าน" สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตของความยิ่งใหญ่ของกองทัพมองโกลในยุคเจงกิสข่านที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับประวัติศาสตร์โลก พื้นที่นี้เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและรับชมวิวที่โดดเด่น ภายในบริเวณริมทะเลสาบมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปั่นจักรยาน ขี่ม้า ทั้งนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่ได้รวมอยู่ในรายการทัวร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 14)
บ่ายนำท่านผ่านชม หุบเขากัวจื่อโกวหรือหุบเขาผลไม้ (ระยะทาง 49 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง) เส้นทางเส้นทางคอขวดสำคัญเชื่อมระหว่าง ทะเลสาบโซรัมทางเหนือและหุบเขาแม่น้ำอีหลี่ ทางใต้ ด้วยความยาวกว่า 28 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้เคยเป็นเส้นทางสายไหมใหม่ทางตอนเหนือที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เชื่อมต่อจีนกับเอเชียกลางและยุโรป ในอดีตที่นี่ถูกขนานนามว่า "ประตูเหล็กไหล" ด้วยเส้นทางที่สูงชันและอันตราย จนครั้งหนึ่งในยุคเจงกิสข่านเคยต้องเจาะเขาสร้างทางขึ้นมา และยังได้รับการยกย่องว่าเป็น "แดนสวรรค์แสนมหัศจรรย์" ความงดงามของที่นี่เทียบได้กับกุ้ยหลิน และล้ำหน้าด้วยหน้าผาที่แปลกตา ขึ้นชื่อว่าเป็น "ขุมทรัพย์แห่งธรรมชาติ" พื้นที่เต็มไปด้วยป่าไม้และผลไม้ป่าชนิดต่าง ๆ รวมถึงพืชสมุนไพรหายากมากมาย ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง หุบเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากสีสัน ส่งกลิ่นหอมละมุนไปทั่วบริเวณ
จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองอี้หนิง (ระยะทาง 101 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง) เส้นทาง หรือที่รู้จักในชื่อ “หนิงหยวน” ในอดีต เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของ เขตปกครองตนเองคาซัคซินเจียงอีหลี่ ตั้งอยู่กลางหุบเขาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมืองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของ เส้นทางสายไหมภาคเหนือ และเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างจีนกับเอเชียกลาง เมืองนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เนื่องจากมี 40 กลุ่มชาติพันธุ์ อาศัยอยู่ร่วมกัน อาทิ อุยกูร์ ฮาซัค และฮั่น ทำให้อีหนิงเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก
จากนั้นเดินชม ย่านถนน 6 ดาว ย่านประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในภูมิภาค ที่ซึ่งสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความงามแห่งประวัติศาสตร์ โครงสร้างเมืองทรงกลม ถูกออกแบบโดยวิศวกรชาวเยอรมันในช่วงปี 1934-1936 โครงสร้างของย่านนี้แผ่ออกเป็นรูปทรงกลม โดยมีถนนสายหลัก 6 สายแผ่ออกจากจุดศูนย์กลาง เสมือนรังผึ้งหรือใยแมงมุมที่เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งหมด
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 15)
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
ที่พักYINING TIANYUN INTER HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (มาตรฐานประเทศจีน)
วันที่เจ็ด : อี้หนิง – อูลูมู่ฉี (โดยรถไฟ) - ตลาดแกรนด์บาซาร์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 16)
นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟเมืองอี้หนิง เพื่อ โดยสารรถไฟความเร็วปานกลาง กลับสู่เมือง อูลูมู่ฉี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง) หมายเหตุ รถไฟอาจจะมีการเปลี่ยนขบวนเวลา ขอสงวนสิทธิ์จัดขบวนและเวลาตามความเหมาะสม การเดินทางด้วยรถไฟ ท่านจะต้องทำการยกกระเป๋าด้วยตัวท่านเอง และภายในสถานีอาจจะไม่มีบันไดเลื่อนหรือลิฟต์เปิดให้บริการ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ BOX SET หรือ แฮมเบอร์เกอร์บนรถไฟ (มื้อที่ 17)
บ่ายเดินทางถึง เมืองอูลูมู่ฉี เมืองหลวงและเมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ชื่ออูรูมู่ฉี คาดว่าได้มาจากภาษามองโกเลียที่แปลว่า เขตเลี้ยงสัตว์อันสวยงาม ปัจจุบันเป็นเมืองการค้าที่ส่งต่อจากเขตอุตสากรรมทางตะวันออกไปยังยุโรปผ่านเส้นทางสายไหมใหม่ในโครงการ BRI
นำท่านอิสระช็อปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (ต้าปาจา) หรือ แกรนด์บาซาร์ หรือที่ในภาษาอุยกูร์แปลว่า "ตลาดนัด" ถือเป็นหัวใจของวิถีชีวิตและการค้าขายของชาวอุยกูร์ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองใหญ่หรือหมู่บ้านเล็กๆ บาซาร์กระจายอยู่ทั่วไปทั่วทุกมุมของภูมิภาคนี้ เป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร ผู้ค้า และผู้คนในชุมชน สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาและเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง และบาซาร์แห่งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 39,888 ตารางเมตร และอาคารรวมกว่า 100,000 ตารางเมตร บาซาร์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมศิลปะ วัฒนธรรม การค้า และการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลาง ในบาซาร์ ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งซื้อขายสินค้า แต่ยังเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ ผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนเรื่องราว เล่าข่าวคราว และสัมผัสชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสีสัน ความมีชีวิตชีวานี้ทำให้บาซาร์เป็นดั่ง "เวทีชีวิต" ที่รวมเอาหลากหลายมิติของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 18)
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
ที่พักURUMQI HANTANG HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (มาตรฐานประเทศจีน)
วันที่แปด : อูลู่มู่ฉี (สนามบินตีโวพู) – กวางเจา (สนามบินไป๋หยุน) (CZ6883 : 12.45-18.10) – กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) (CZ361 : 20.15-23.50)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 19)
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอุรุมชีติโวพู เช็คอิน ณ เคาน์เตอร์สายการบิน ไชน่า เซาเทิร์น(CZ)
12.45 น.ออกเดินทางสู่ สนามบินไป๋หยุน เมืองกว่างโจว โดย สายการบิน ไชน่า เซาเทิร์น(CZ) เที่ยวบินที่ CZ6883 ** บริการอาหารร้อนหรือ SNACK BOX บนเครื่อง
18.10 น.เดินทางถึงสนามบิน สนามบินไป๋หยุน เมืองกว่างโจว นำท่านผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นพักผ่อนภายในสนามบินเพื่อรอต่อเครื่อง
20.15 น.ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย สายการบิน ไชน่า เซาเทิร์น(CZ) เที่ยวบินที่ CZ361 ** บริการอาหารร้อนหรือ SNACK BOX บนเครื่อง **
23.50 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ