ทัวร์อเมริกาใต้ ชิลี โบลิเวีย โคลอมเบีย 15 วัน เดินทาง เมษายน และ พฤษภาคม 2568 | TURKISH AIRLINES (TK)

รหัสสินค้า : H002_TK-15D11N-CHILE BOLIVIA COLOMBIA_APR-MAY25

ราคา

339,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 339,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ชิลี (เกาะอีสเตอร์) - โบลิเวีย - โคลอมเบีย | 15 วัน

สุดยอด..ทริปพิเศษ กับการเยือนเกาะอีสเตอร์ และ ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

#อเมริกา #อเมริกาใต้ #ชิลี #โบลิเวีย #โคลอมเบีย     

ราคา: 339,900 บาท

โดยสายการบิน: TURKISH AIRLINES (TK)

ซานเตียโก (ชิลี) บัลปาราอีโซ วิลนาเดลมา ชิมไวน์ชิลี เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) รูปปั้นโมอาย อะตาคามา หุบเขาพระจันทร์ ทะเลสาบสีเขียว ทะเลสาบสีแดง ทะเลเกลืออูยูนิ ลาปาซ (โบลิเวีย) โบโกตา (โคลอมเบีย) 

***ลิ้มลองเมนูปูยักษ์***

เดินทาง: 5 - 19 เมษายน และ 3 - 17 พฤษภาคม 2568

หมายเหตุ กรุณาสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

ชิลี (เกาะอีสเตอร์) - โบลิเวีย - โคลอมเบีย

โปรแกรมการเดินทาง

วันแรก  กรุงเทพ

08.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

11.00 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.15 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน

17.10 น.  เดินทางถึงกรุงอิสตันบูลแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK215 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินอิสตันบูล ตามอัธยาศัย

20.05น.  ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล สู่ สนามบินซานเตียโก โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส สายการบินมีบริการอาหารบนเครื่อง (ใช้เวลาบินประมาณ 19.40 ชั่วโมง)

***** บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *****

สายการบินมีบริการอาหารบนเครื่องบิน ระหว่างบิน

วันที่สอง  ซานเตียโก (ชิลี) - จตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม - มหาวิหารแห่งซานเตียโก - พระราชวังโมนิดา

08.45 น.  เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

10.00 น.  นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชสู่กรุงซานเตียโก

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Seafood พร้อมลิ้มลองเมนูปูยักษ์

บ่าย  นำท่านสู่ย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้  นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลียน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย นำท่านเดินทางสู่เนินเขาซานตาลูเซีย (Santa Lucia Hill) ซึ่งเป็นเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และ ทัศนียภาพของเมืองซานเตียโกในมุมสูง นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทฮิลดาโก (Hildalgo Castle) เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการในอดีตสำหรับเป็นจุดเฝ้าระวังการรุกรานของข้าศึก เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาสูง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองซานเตียโก ตามอัธยาศัย

ค่ำ  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH Ciudad De Santiago**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่สาม  บัลปาราอีโซ, วินนาเดลมา, หุบเขาคูลาคาฟว์, ชิมไวน์ชิลี

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญที่สุดและศูนย์กลางวัฒนธรรมที่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ของชิลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เป็นเมืองหลักของแคว้นบัลปาราอีโซ ในขณะที่ซานเตียโกเป็นเมืองหลวงของประเทศ ในปี ค.ศ. 2003 รัฐสภาชิลีได้มีมติประกาศให้บัลปาราอีโซเป็น "เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชิลี" และเป็นที่ตั้งของสำนักงานกระทรวงวัฒนธรรมแห่งใหม่ของประเทศ บัลปาราอีโซมีบทบาทสำคัญทางภูมิศาสตร์การเมืองในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเป็นที่พักกลางทางของเรือที่เดินทางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านทางช่องแคบแมกเกนแลน ชาวยุโรปได้อพยพเข้ามาอย่างมาก บัลปาราอีโซในขณะนั้นได้รับการขนานนามจากกะลาสีจากชาติต่างๆ ว่าเป็น "ซานฟรานซิสโกน้อย" หรือ "อัญมณีแห่งแปซิฟิก" ซึ่งช่วงนี้เองที่ถือเป็นยุคทองของเมือง จนกระทั่งการเปิดใช้คลองปานามาและความซบเซาของการเดินเรือได้ทำให้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองชะงักลง นำท่านชมเมืองบัลปาราอีโซ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2007 เนื่องจากเป็นเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงยุคทองทางการค้าในสมัยศตวรรษที่ 19 นำท่านเที่ยวชมความแปลกตาของบ้านเมืองที่ทาสีสัน สดใสตลอดแนวชายฝั่งทะเล และหมู่อาคารที่สะท้อนสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล สมัยศตวรรษที่ 19

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองวินนาเดลมา (Vina del Mar) ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองบัลปาราอีโซ เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งสวน” (City of Garden) นอกเหนือจากสวนสวยที่เพิ่มภูมิทัศน์ของเมือง ยังเป็นที่ตั้งสวนพฤษกศาตร์ของชิลีอีกด้วย นำท่านแวะถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock) เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของเมืองแห่งสวนนี้ จากนั้นนำท่านเที่ยวชมความน่ารักของเมืองริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก  นำท่านเดินทางสู่หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley) อันเป็นที่ตั้งของไร่องุ่นพันธุ์ดีที่ใช้ในการผลิตไวน์อันเลื่องชื่อของประเทศชิลี ซึ่งเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศชิลี ตลอดเส้นทางเรียบชายฝั่งทะเลมุ่งสู่ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์อันเลื่องชื่อ ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพ ท้องทะเลสลับกับชายฝั่งเทือกเขาสูง นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือน ท่านจะได้ลิ้มชิมรสไวน์ หลากหลายรูปแบบที่ผลิตและส่งออกนอกประเทศ พร้อมทั้งชมทัศนียภาพและความสวยงามตระการตาของไร่องุ่นอันขึ้นชื่อของชิลี ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองซานเตียโก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารญี่ปุ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก NH Ciudad De Santiago**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

วันที่สี่  เกาะอีสเตอร์ (ชิลี) - ภูเขาไฟราโนเกา – หมู่บ้านโอรองโก

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

06.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก (SCL) เพื่อเชคอิน

09.10 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินอีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) โดยเสายการบินเจ็ทบลูแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ LA 841 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.25 ช.ม.) สายการบินมีบริการอาหารเช้า บนเครื่องบืน

12.35 น.  เดินทางถึงสนามบินอีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) บนเกาะอีสเตอร์

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย  นำท่านเที่ยวชมและเก็บภาพความสวยงามของปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano) จากนั้นนำท่านสู่จุดชมวิวที่ทำให้สามารถเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและชมทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะนก และเกาะอีสเตอร์ ตลอดจนบ้านพักอาศัยของชาวเมืองในสมัยก่อน

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Iorana Hotel ***+หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่ห้า  เกาะอีสเตอร์ – ราโน ราราคู

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่านเดินทางชมโมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านเดินทางชมโมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Nayara Hanga ROA *****หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่หก  เกาะอีสเตอร์ – อาฮู อากิวี โมอาย – ซานเตียโก

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995  เพื่อถ่ายรูปกับโมอาย สัญลักษณ์แห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี โมอาย (Ahu Akivi Moai) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว          

11.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) บนเกาะอีสเตอร์

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box

14.35 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี โดยเสายการบินเจ็ทบลูแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ LA842 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.40 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารเย็น บนเครื่องบิน

21.15 น.  เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Airport Hotel  **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด  ซานเตียโก - คาลามา -  หุบเขาพระจันทร์

เช้า  รับประทานอาหารเช้าแบบ Box Breakfast

05.30 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน

08.11 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินคาลามาโดยเที่ยวบิน LA148 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.08 ชั่วโมง)สายการบินบริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน

10.20 น.  เดินทางถึงสนามบินคาลามา

นำท่านเดินทางสู่เมืองซานเปโตร เดอ อาตาคามา (San Pedro de Atacama) (ระยะทาง 101 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) เมืองท่องเที่ยวกลางทะเลทรายอาตาคามา (Atacama Desert) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเอล โลอา (El Loa) ของ ภูมิภาคอันโตฟากัสตา (Antofagasta)ในภาคเหนือของชิลี ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศชิลี (นำท่านทำวีซ่า Bolivia ณ สถานฑูต)

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกับวัลเลย์ออฟเดอะมูน หรือ หุบเขาดวงจันทร์ (Valley de la luna) ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นภูเขาหินเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์ จึงได้ชื่อว่าหุบเขาดวงจันทร์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติได้ตามอัธยาศัย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Cumbres San Pedro De Atacama Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด  โบลิเวีย - ทะเลสาบสีเขียว - ทะเลสาบสีแดง

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ด่านพรมแดนชิลี – โบลิเวีย ผ่านพิธีการตรวจเอกสารออกจากประเทศชิลี และ ตรวจคนเข้าเมืองประเทศโบลีเวีย นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบเวอเด (Laguna Verde) หรือทะเลสาบมรกต (Green Lake) ทะเลสาบสีเทอควอยส์ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่รังสรรค์ความแตกต่างและความมหัศจรรย์ให้กับโบลิเวีย ทะเลสาบที่สะท้อนผิวน้ำสีเขียวมรกตสวยงามยิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความน่าประทับใจ

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางผ่านทะเลทรายดาลิ  (Desierto de Dali) ทะเลทรายที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่คล้ายนำก้อนกรวดเล็กๆมาโรยหลายพันตารางกิโลเมตร อีกหนึ่งทัศนียภาพอันแปลกตาแห่งโบลิเวีย ท่านจะสัมผัสกับเนินทรายสลับเป็นทิวแถวสุดลูกตา นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางธรรมชาติที่น่าพิศวงแห่งโบลิเวีย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Siloli Dessert Hotel/ Tayka del Desierto / Mullku Vueva Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า  ทะเลสาบแดง – ซานคริสโตบอล - ทะเลเกลือ อูยูนิ (พักค้าง 2 คืน)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโลราดา (Laguna Colorada) หรือที่รู้จักในชื่อ ทะเลสาบแดง (Red Lagoon) เนื่องจากบริเวณทะเลสาบแห่งนี้มีสาหร่ายสีแดงขึ้นเป็นจำนวนมากจึงทำให้มองดูเหมือนน้ำในทะเลสาบเป็นสีแดง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของฝูงนกฟลามิงโก กว่า 3 สายพันธุ์ และเป็นทะเลสาบที่เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนที่สูงที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่เหนือระดับ 4,800 เมตร ให้ท่านได้เก็บภาพความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งโบลิเวีย ที่สวยงามยิ่งและเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมหากได้มาเยือนโบลิเวีย อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามของทะเลสาบโคโลราดา และฝูงนกฟลามิงโกตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองซานคริสโตบอล (San Cristobal) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เล็กๆประจำหมู่บ้านแห่งนี้ “โบสถ์ซานคริสโตบอล” (San Cristobal Church) หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางการทำเหมืองของโบลิเวีย ตลอดสองข้างทางท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพสองข้างที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งภูมิประเทศแบบทะเลเกลือ และเนินดินอันเป็นที่อยู่ของต้นกระบองเพชร ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองอูยูนิ (Uyuni) นำท่านแวะถ่ายรูปกับสุสานรถไฟ (Train Cemetery) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เก็บรถไฟ และหัวรถจักรที่เคยใช้ในอดีต

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Jardines De Uyuni Hotel / Palacio De Sal **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่สิบ  อูยูนิ (โบลิเวีย) - ทะเลเกลือ Uyuni ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก - อินคาฮัวซิ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถ 4 WD มุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) พื้นที่ซึ่งเวิ้งว้างกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา โดยมีน้ำทะเลตื้นๆ ที่ขังอยู่ที่พื้น ได้สะท้อนฟ้าสีครามเบื้องบน ทั้งยังทอดตัวยาวไปจรดกับแผ่นฟ้ายังที่แห่งหนึ่งไกลลิบๆ สุดสายตา ทำให้สถานที่แห่งนี้เสมือนแดนสวรรค์ในความคิดของใครหลายคน  ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม หรือ ทะเลสาบแห้ง (salt flat หรือ dry lake) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 3,600 เมตร บนเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ด้วยความสูงถึงเพียงนี้จึงราวกับว่า Uyuni เป็นดินแดนที่อยู่ท่ามกลางฟากฟ้าและก้อนเมฆ ยามปกติจะเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มีน้ำทะเลขังอยู่เพียงตื้้นๆ ส่วนในบางฤดู น้ำอาจระเหยออกจนกลายเป็นทะเลเกลือขาวโพลนซึ่งให้ความสวยงามไปอีกแบบ อิสระให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาเยือนทะเลเกลือหรือทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน Picnic Set

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่อินคาฮัวซิ (Incahuasi Island) หรือที่รู้จักในนามเกาะปลา (Fish Island) เป็นเกาะหินที่เกิดขึ้นใจกลางทะเลเกลือแห่งนี้เกิดจากการทับถมของซากปะการังเป็นเนินขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นเนินหินเดียวที่เกิดขึ้นในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ และเป็นเนินที่เต็มไปด้วยต้นกระบองเพชร นำท่านถ่ายรูปความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งของทะเลเกลือ ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Jardines De Uyuni Hotel / Palacio De Sal **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

วันที่สิบเอ็ด  อูยูนิ - ลาปาซ – ชมเมือง

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

06.30 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินอูยูนิ

09.15 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินลาปาซ โดยเที่ยวบินที่ OB305 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.05 ชม.)

10.15 น.  เดินทางถึงสนามบินลาปาซ ประเทศโบลิเวีย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านเที่ยวชมกรุงลาปาซ เมืองหลวงประเทศโบลิเวีย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 เมืองมหัศจรรย์แห่งใหม่ของโลกในปี 2014 ทั้งนี้กรุงลาปาซ เป็นเมืองที่ตั้งสูงที่สุดในโลก ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส สูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร นำท่านเดินทางชมจตุรัสมูริลโล (Plaza Murillo) จัตุรัสใจกลางของเมืองลาปาซ และเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมโยงกับชีวิตทางการเมืองของโบลิเวียมากที่สุด อาคารที่โดดเด่นบนจัตุรัส ได้แก่ ทำเนียบประธานาธิบดี สภาแห่งชาติโบลิเวีย อาสนวิหารลาปาซ และหน่วยงานราชการต่างๆ ตลอดจบ โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางชมโบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) เป็นโบสถ์คาทอลิกภายใต้การสนับสนุนของฟรานซิสแห่งอัสซีซี ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1743 ถึง 1772  แต่หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตารคารญี่ปุ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Ritz Hotel Lapaz **** หรือเทียบเท่า

วันที่สิบสอง  ลาปาซ – ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมเมือง - นครโบราณติฮัวนาคู

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่นครโบราณติวานาคู (Tiwanaku) หรือ ติฮัวนาคู (Tihuanaco) เมืองโบราณอีกแห่งที่ยิ่งใหญ่ในช่วงก่อนจักรวรรดิอินคาเรืองอำนาจ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2000 เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและตั้งอยู่สูงที่สุดในโบลิเวีย โดยอารยธรรมของชาวติฮัวนาคู เกิดก่อนอารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอินคา ราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วง ค.ศ. 900 มีการสร้างปิระมิด และ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้าเฉกเช่นเดียวกับชาวอินคา จากนั้นนำท่านเดินทางชมวิหารคาลาซาซายา (Kalasasaya Temple)  เป็นอีกวิหารหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และสันนิษฐานว่าเป็นวิหาร ที่สร้างเพื่อทำนายฤดูกาลต่างๆ ของชาวติฮัวนาคู เพื่อการกสิกรรมและการเก็บเกี่ยวพืชผลในสมัยก่อน อิสระให้ท่านเก็บภาพความยิ่งใหญ่และความเก่าแก่ของนครโบราณแห่งนี้ตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เพื่อชมความสวยงามของเมืองหลวงลาปาซ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะใช้การเดินทางผ่านระบบเคเบิ้ลคาร์ ที่เชื่อมหลายจุดในเมือง เรียกได้ว่า เป็นการสร้างระบบการเดินทางโดยเคเบิ้ลคาร์ที่ยาวที่สุดอีกแห่งหนึ่งในโลก

16.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินลาปาซ

อิสระอาหารค่ำในสนามบินตามอัธยาศัย

19.25 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินโบโกตา โดยเที่ยวบิน AV114 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.45 ชั่วโมง)

22.10 น.  เดินทางถึงสนามบินโบโกตา

นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Holiday Inn Bogota Airport Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สิบสาม  โบโกตา – พิพิธภัณฑ์ทองคำ – แคนเดอลาเรีย – โบสถ์ซานฟรานซิสโก

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum – El Museo del Oro) แห่งโคลอมเบีย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และ วัสดุอื่นๆจากทองคำในช่วง Pre-Hispanic มีชิ้นงานล้ำค่าจัดแสดงกว่า 55,000 ชิ้น นอกจากนี้ในส่วนชั้นสอง และ ชั้นสามของพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดง ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่สามารถขุดพบในประเทศโคลอมเบีย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองในอดีต นำท่านเที่ยวชมย่านแคนเดอลาเรีย (La Candelaria) ย่านประวัติศาสตร์อันเก่าแก่แห่งกรุงโบโกตา ที่ซึ่งมีการรักษาและบูรณะอาคารและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่นับร้อยปี รวมถึงโบสถ์ที่มีอายุกว่า 400 ร้อยปี จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชมความงามของโบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church)

13.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินโบโกตาเพื่อเชคอิน

อิสระอาหารกลางวันในสนามบินตามอัธยาศัย

16.35 น.  ออกเดินทางจากสนามบินโบโกตา สู่สนามบิน อิสตันบูล โดยเที่ยวบิน TK801 (ใช้เวลาบิน 16.05 ช.ม.)

วันที่สิบสี่  โบโกตา (โคลอมเบีย) – อิสตันบูล

***** บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล*****

สายการบินมีบริการอาหารเช้า และ อาหารกลางวัน และ อาหารค่ำ บนเครื่องบิน

16.40 น.  เดินทางถึงนครอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเครื่อง

20.00 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK64 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.40 ชม.)

วันที่สิบห้า  อิสตันบูล – กรุงเทพมหานคร

09.50 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ....

 

*****Travel Around the World by Chic Journey*****

หมายเหตุ...โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมะสม เนื่องจากสภาพ ลม ฟ้า อากาศ การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบินและสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

อัตราค่าบริการ  (บาท)

เม.ย. - พ.ค. 2568

ราคาผู้ใหญ่ พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

339,900

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

47,000

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ (เฉพาะเที่ยวบินของสายการบิน TK เท่านั้น)

 เริ่มต้นที่ท่านละ (มีเพียง 6 ที่นั่งเท่านั้นสำหรับราคานี้ IST-BKK กลับด้วย TK68)

165,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบิน (ผู้ใหญ่) – หักค่าตั๋วคืนท่านละ(BKK- IST-SCL//BOG-IST-BKK)

50,000

ค่าวีซ่าโคลอมเบีย (ไม่รวมในโปรแกรม) ท่านสามารถใช้วีซ่าอเมริกา หรือ เชงเก้น Multiple 1 ปีเข้าได้

5,000

Visitors: 166,343