ทัวร์อิตาลี อันซีนอิตาลี เหนือจรดใต้ 13 วัน เดินทาง มกราคม - เมษายน 2568 | สายการบินไทย (TG)
รหัสสินค้า : CJN-H002-TG-13D10N-UNSEENITALY_JAN-APR25
ราคา |
169,900.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 169,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
13 วัน อันซีนอิตาลี เหนือจรดใต้
เส้นทางโรแมนติก ชมเมืองเล็กๆ สวยติดอันดับอันซีนแห่งประเทศอิตาลี
#อิตาลี #อิตาลีเหนือ #อิตาลีใต้
เริ่มต้น 169,900 บาท (รวมค่าวีซ่าเชงเก้น)
สายการบิน: THAI AIRWAYS (TG)
▪มิลาน ▪เบอร์กาโม ▪โมเดนา ▪ราเวนนา ▪สาธารณรัฐซานมารีโน ▪อาเรสโซ ▪เซียนา ▪ปีติญาโน โซราโน ▪อัสซีซี ▪เปรูเกีย ▪สเปลโล ▪เพสการา ▪กาแซร์ตา ▪ช้อปปิ้งเอาท์เลต ▪เนเปิลส์ ▪คาปรี ถ้ำบลูกรอตโต ▪โรม ▪ฟลอเร้นซ์ ▪ปิซ่า ▪ลาสเปเซีย
***หมู่บ้านมรดกโลก ชิงเกว่ แตร์เร่
เดินทาง: มกราคม - เมษายน 2568
กรุณาสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง
อันซีนอิตาลี เหนือจรดใต้
โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก กรุงเทพฯ
21.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
วันที่สอง มิลาน – เบอร์กาโม – มานโตวา
00.40 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบินมัลเพนซา (MXP) บริการอาหารกลางวันบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 11.55 ชั่วโมง)
07.35 น. เดินทางถึงสนามบินมัลเพนซา เมืองมิลาน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์กาโม (Bergamo) (ระยะทาง 50 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) ซึ่งในอดีตเคยเป็นถิ่นฐานของชนเผ่าเซลติกส์ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองของอิตาลีเพียงไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากภัยพินาศครั้งใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นำท่านชม จัตุรัสเวคเคีย (Piazza Vecchia) ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรมยุคกลางอันมีเสน่ห์ นำท่านเข้าชมวิหารซานตามาเรีย (Santa Maria Maggiore) วิหารยุคกลางศตวรรษที่ 11 ศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ซึ่งสร้างเคียงคู่กับ วิหารคอลเลโอนี (Cappella Del Colleoni) ซึ่งโดดเด่นด้วยหอโดมแต่งแต้มไปด้วยหินอ่อนหลากสีสัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับประตูเมืองเบอร์กาโม (Bergamo City Gate) อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมืองเบอร์กาโม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองมานโตวา (Mantova) หรือ เมืองมานตัว (ระยะทาง 143 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) สำหรับตัวเมืองมานตัวนั้นส่วนใหญ่มักถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้ง 3 ด้าน โดยทะเลสาบนั้นเป็นทะเลสาบเทียมที่มีการขุดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 และต่อมาเมืองมานตัวก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2008 นำท่านเข้าชมพระราชวังหลวงดูคาเล (Palazzo Ducale) เป็นกลุ่มอาคารที่มีชื่อเสียงของเมืองมานตัว ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 - 17 โดยในอดีตกลุ่มอาคารเหล่านี้เคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลกอนซากา (Gonzaga Family) ซึ่งภายในประกอบไปด้วยอาคารที่สลับซับซ้อน ซึ่งได้แก่ ปราสาท San Giorgio , โบสถ์ Santa Barbara และอื่นๆ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารมานตัว (Mantua Cathedral) อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ที่ในอดีตถูกสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก แต่ปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่ใน แบบบาร็อค ส่วนหอระฆังยังคงเป็นแบบโกธิคเช่นเดิม ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับปาลาซโซ เดล เล (Palazzo Del Te) เป็นพระราชวังในเขตชานเมืองมานตัว เป็นอีกหนึ่งอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1524-1534 โดยสถาปนิกชื่อ Giulio Romano
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand Hotel San Lorenzo / Best Western Hotel Cristallo **** หรือเทียบเท่า
วันที่สาม โมเดนา – ราเวนนา – สาธารณรัฐซานมารีโน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองโมเดนา (Modena) (ระยะทาง 95 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) เมืองโมเดนาเป็นหนึ่งในเมืองที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองคือ มหาวิหารโมเดนา (Modena Cathedral) เป็นหนึ่งในอาคารแบบโรมันที่สำคัญที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 มหาวิหารแห่งนี้เป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่จากยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของศิลปะโรมาเนสก์ยุคต้น จากนั้นนำท่านชมแกรนด์เปียซซ่า (Piazza Grande) จัตุรัสใจกลางเมือง จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ อาคารศาลากลาง (Town Hall) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 - 18 ตกแต่งด้วยหอนาฬิกา และระเบียงที่สวยงาม ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองราเวนนา (Ravenna) (ระยะทาง 120 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง) ซึ่งอดีตเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท (Ostrogoth Kingdom) แต่ปัจจุบันได้กลายเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของมหาวิหารกระเบื้องโมเสก รวมไปถึงบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ในแบบเมืองเล็กๆของอิตาลีได้เป็นอย่างดี เนื่องเมืองราเวนนา เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ค่อนข้างเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งคริสต์ศาสนาและเป็นศาสนสถานของศาสนาคริสต์สมัยคริสเตียนยุคแรก ที่ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 8 แห่ง ในปี 1996 นำท่านเข้าชมหอศีลจุ่มเนโอเนียน เป็นหนึ่งในคริสต์ศาสนสถานของโรมันคาทอลิกที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่งใน ราเวนนาที่ก่อสร้างบนที่เดิมที่เป็นโรงอาบน้ำโรมัน (Roman bath) บางครั้งก็เรียกว่า “หอศีลจุ่มออร์โธดอกซ์ ” หอศีลจุ่มเนโอเนียนนี้สร้างโดยสังฆราชเออร์ซัสในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ให้เป็นส่วนหนึ่งของบาซิลิกาใหญ่ที่ถูกทำลายไปในปี ค.ศ. 1734 หอสร้างเสร็จโดยบาทหลวงเนออนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 เมื่อมีการเริ่มตกแต่งด้วยโมเสก นำท่านเข้าชมความสวยงามของกระเบื้องโมเสก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่รัฐอิสระซานมารีโน (San Marino) (ระยะทาง 82 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซานมารีโน และอีกชื่อหนึ่งคือ "สาธารณรัฐอันสงบสุขยิ่งซานมารีโน" เป็นประเทศในยุโรปใต้บนเทือกเขาแอเพนไนน์ ล้อมรอบโดยประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในจุลรัฐยุโรป นำท่านเยือน Palazzo Pubblico ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างในแบบสถาปัตยกรรมโกธิก ซึ่งมีความสวยงามมาก ที่เป็นจุดเด่นของศาลาว่าการแห่งนี้ก็คือ หอระฆัง ซึ่งมีการติดตั้งนาฬิกาเอาไว้ด้วย จากนั้นเดินไปตามย่าน Avenue ที่นี่เป็นถนนสายหลักที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ชมอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่อาคารสำนักงานที่สร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความน่ารักสวยงามของเมืองซานมารีโน ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาไททาโน (Mt. Titano)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Palace Hotel Sanmarino**** หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ซานมารีโน – อาเรสโซ – มอนเตริกจิโอนี – เซียนา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองอาเรสโซ (Arezzo) (ระยะทาง 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) เมืองหน้าด่านยุคกลางอันรุ่งเรืองด้วยศิลปะเรเนอซองส์ นำท่านเยือนจัตุรัสใจกลางเมืองหรือเปียซซ่าแกรนด์เด (Piazza Grande) บริเวณโดยรอบจัตุรัสล้อมรอบไปด้วยหมู่อาคารสวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็น พระราชวังเก่า อาคารสำนักงานของรัฐที่ยังคงความสวยงามของศิลปะเรอเนซองซ์ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Duomo San Donato ซึ่งเป็นโบสถ์อายุกว่า 700 ปี สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 ได้เวลานำท่านเที่ยวชมความสวยงามของย่านเมืองเก่าแห่งอาเรสโซ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นอีกเมืองสวยที่หลบซ่อนในอิตาลี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมอนเตริกจิโอนี (Monteriggioni) (ระยะทาง 105 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชม.) อีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ยุคกลางที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองและกำแพงโบราณแห่งนี้ก็ยังคงความสมบูรณ์มาถึงปัจจุบัน นำท่านเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์อย่างดียิ่ง จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสเปียซซ่า เดอ โรมา (Piazza Di Roma) จัตุรัสใจกลางเมือง และแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ซันตา มาเรีย อซันตา (Santa Maria Assunta Church) อันเป็นโบสถ์ประจำเมืองเก่าแห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและดื่มด่ำกับความสวยงามของเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นทัสกานี ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเซียนา (Siena) (ระยะทาง 20 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนท์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์เมืองเซียนายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (Unesco) เมื่อปี ค.ศ. 1995 นำท่านชมความงดงามของ มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral) หรือ ดูโอโมดิเซียนา (Duomo di Siena) เป็น มหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1215 -1263 โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิก และสถาปัตยกรรมเรอเนซองซ์ จากนั้นนำท่านชม เปียซซ่า เดล คัมโป (Piazza Del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามและความสมบูรณ์ของงานสถาปัตยกรรมไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนหลายแห่ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Executive Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า เซียนา – ปิติญาโน – โซราโน– เปรูเกีย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปีติญาโน (Pitigliano) (ระยะทาง 114 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี และเป็นเมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขนานนามวา “เยรูซาเลมน้อย” ตั้งอยู่บนสันเขาทูฟา (Tufa Hill) เป็นย่านเมืองของชาวยิวที่อพยพมาสร้างถิ่นฐานประมาณช่วงศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูป ณ จุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพเมืองโบราณที่สร้างบนหน้าผาเล็กๆแห่งสันเขาทูฟา จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็น Piazza Pietrucciolo และ Piazza Garibaldi อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเมืองโบราณยุคกลางอันแปลกตาอีกแห่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในสันเขาแห่งประเทศอิตาลี ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองโซราโน (Sorano) เป็นเมืองและชุมชนในจังหวัดกรอสเซโต ทางตอนใต้ของแคว้นทัสกานี เป็นเมืองเนินโบราณยุคกลางที่ห้อยลงมาจากหินปอยที่อยู่เหนือแม่น้ำเลนเต นับเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่มีความสวยงามและติดอันดับเมืองเล็กที่น่ามาเยือน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองเปรูเกีย (Perugia) (ระยะทาง 100 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นอุมเบรีย นำท่านเดินเล่นบนถนน Corso Vannucci ชื่อของถนนนี้ได้ตั้งมาจากจิตรกรพื้นเมืองชื่อ Pietro Vannucci (Perugino) จากนั้นนำท่านชมจัตุรัส Piazza IV Novembre ตรงกลางลานมีน้ำพุ Fontana Maggiore ที่เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1275 โดย Nicola และ Giovanni Pisano จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับหมู่อาคารสวยงามกลางเมืองเช่น Palazzo Dei Priori เป็นพระราชวังที่สร้างในยุคกลางตอนท้าย (ระหว่างศตวรรษที่ 13-14) ความยิ่งใหญ่ของกำแพงและ การออกแบบที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ ทำให้วังนี้ดูน่าเกรงขาม อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมืองยุคกลางอีกแห่งของแคว้นอุมเบรีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Relais Dell Olmo Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่หก เปรูเกีย – อัสซีซี – อัสโกลีปีเชโน – เพสการา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองอัสซีซี (Assisi) (ระยะทาง 27 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเปรูเกีย แคว้นอุมเบรีย ทางตะวันตกของภูเขาซูบาซิโอ (Mt. Subasio) เมืองอัสซีซีเป็นเมืองเกิดของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะฟรังซิสกันในปี ค.ศ. 1208 และนักบุญกลาราแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะกลาริส และนักบุญกาเบรียลแห่งแม่พระในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่ง อัสซีซีได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีค.ศ. 2000 มหาวิหารแห่งนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นมหาวิหารสามชั้น ส่วนล่างเริ่มสร้างไม่นานหลังจากที่ฟรังซิสแห่งอัสซีซี ได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อปีค.ศ. 1228 - 1253 ส่วนจิตรกรรมฝาผนังโดย ชิมาบูเอ (Cimabue) และ จอตโต ดี บอนโดเน ซึ่งจิตรกรผู้มีชื่อเสียง ชั้นบนมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นประวัติของฟรังซิสแห่งอัสซีซีโดยจอตโต ดี บอนโดเน นำท่านชมความสวยงามของมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านเที่ยวชมเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งมีอาคารบ้านเรือนอายุกว่าร้อยปีสร้างลดหลั่นบนเนินเขา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่อาคารยุคโบราณได้ตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองอัสโกลีปีเชโน (Ascoli Piceno) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองอัสโกลีปีเชโน ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นมาร์เก (Marche) เป็นเมืองที่ตั้งมานานมากก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะมาค้นพบ คาดว่าเมืองนี้ได้มีการก่อสร้างเมืองขึ้นตั้งแต่ปี 268 ก่อนคริสตกาล นำท่านชมความเก่าแก่ของเมืองอัสโกลีปีเชโน นำท่านเยือนจัตุรัส Piazza Del Popolo และ Piazza Aringo ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีหมู่อาคารบ้านเรือนโบราณและ เป็นที่ทำการของหน่วยงานรัฐบาลในปัจจุบัน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเพสการา (Pescara) (ระยะทาง 92 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเพสการาในแคว้นอะบรูโซประเทศอิตาลี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Plaza Hotel**** หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด เพสการา – กาแซร์ตา – ช้อปปิ้งเอาท์เลต – เนเปิ้ล
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองกาแซร์ตา (Caserta) (ระยะทาง 266 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งจังหวัดกาแซร์ตา แห่งแว้นคัมปาเนียของอิตาลี นำท่านเข้าชมพระราชวังกาแซร์ตา (Palace of Caserta) เป็นอดีตพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์แห่งเนเปิลส์แห่งราชวงศ์บูร์บง ที่ตั้งอยู่ที่เมืองกาแซร์ตาในประเทศอิตาลี พระราชวังกาแซร์ตาเป็นหนึ่งในพระราชวังแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 18 พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะที่เป็นงานชิ้นเลิศของยุคบาโรก การก่อสร้างพระราชวังกาแซร์ตาเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1752 โดยพระเจ้าชาลส์ที่ 7 แห่งเนเปิลส์ ผู้ทรงทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกลุยจี วันวีเตลลี เมื่อทอดพระเนตรเห็นแบบจำลองสำหรับพระราชวัง พระเจ้าชาลส์ก็ทรงพอพระทัยมาก แต่พระองค์ก็มิได้มีโอกาสที่จะได้บรรทมในพระราชวังแม้แต่เพียงคืนเดียว พระเจ้าชาลส์ทรงสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1759 เพื่อไปเป็นพระมหากษัตริย์สเปน การก่อสร้างดำเนินต่อมาโดยพระราชโอรสองค์ที่สามและผู้ครองเนเปิลส์ต่อมาคือพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ La Reggia Designer Outlet ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองกาแซร์ตา สถานที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมือง และจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein, Guess, Etro, Nike, Mariella Burani, Swarovski และอื่นๆอีกมากมาย โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดปี อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
17.30 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองเนเปิลส์ (Naples) (ระยะทาง 26 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี (Napoli) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเนเปิลส์ (Province of Naples) และแคว้นกัมปาเนีย (Campania) แคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลีนั่นเองเมืองเนเปิลส์ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลีติดกับอ่าวเนเปิลส์ (Naples Bay) กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟสองแห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส และกัมปีเฟลเกรย์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เมืองเนเปิลส์จึงถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยเฉพาะบริเวณใจกลางของเมืองเนเปิลยังเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (Unesco) ให้เป็นเมืองมรดกโลก ในปี ค.ศ.1995 นำท่านชมและถ่ายรูปกับจัตุรัสเพิลบิสซิโต (Piazza Del Plebiscito) หนึ่งในจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง เนเปิลส์ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณอ่าว ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าอาคารสถานที่ที่มีความสำคัญของเมือง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Naples Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่แปด เนเปิล – คาปรี – บลูกรอตโต - โรม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เกาะคาปรี (Capri) โดยนั่งเรือ สู่เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวเนเปิลส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอิตาลี มีพื้นที่เพียง 11 ตารางกิโลเมตร สภาพโดยทั่วไปของเกาะ เป็นหินปูนก้อนใหญ่ก้อนเดียวมีความยาว 6.25 กม. และกว้าง 3 กม. อยู่ห่างจากชายฝั่ง ประมาณ 5 กม. เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแหลมซอร์เรนโต้ แล้วหลุดออกมากลายเป็นเกาะ จากผลของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในอดีต เกาะคาปรีเคยถูกใช้เป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ จนกระทั่งมีการส่งผ่านอำนาจปกครองมาหลายยุคหลายสมัย และได้กลับมาอยู่ในฐานะสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูง และผู้มีชื่อเสียงหลายคน ต่างมาจับจองวิลล่าส่วนตัว สำหรับการพักผ่อน นำท่านเที่ยวชมความน่ารักและความงามของเมืองบนเกาะคาปรี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย จากนั้นนำคณะเปลี่ยนลงเรือเล็กเพื่อชมถ้ำบลูกรอตโต้ ที่มีความงดงามอย่างมากและมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก ถ้ำน้ำลอดที่มีการกระทบของแสงกับน้ำทะเลสีคราม ทำให้ภายในบริเวณถ้ำประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงิน จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว (ทั้งนี้การเข้าชมภายในถ้ำขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านนั่งเรือกลับสู่ฝั่งที่เมืองเนเปิ้ลส์ (Naples) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับปราสาทนูโอโว (Castel Nuovo) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1279-1282 โดยพระเจ้าการ์โลที่ 1 แห่งชิชิลี จากนั้นได้ถูกทำลายลง และได้บูรณะใหม่โดยพระเจ้าอัลฟองโซ ในศตวรรษที่ 15 เมื่อเมืองเนเปิ้ลถูกปกครองโดยประเทศสเปนปราสาทแห่งได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ แต่เมื่อในปี ค.ศ. 1734 สมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เข้ามาปกครองจึงเปลี่ยนเป็นปราสาทอีกครั้ง ตัวอาคารสร้างด้วยหินทราย และตัวปราสาทมีซุ้มประตูทรงกลมสูงตระหง่านโดดเด่น สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (Rome) (ระยะทาง 226 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชั่วโมง) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โรมมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,800 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ตอนกลางของประเทศ โดยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรในอดีตมากมาย เช่น ราชอาณาจักรโรมัน สาธารณรัฐโรมัน และจักรวรรดิโรมัน โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตกและในอดีตเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันกรุงโรมคือเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก IH Roma Z3 Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่เก้า โรม – นครรัฐวาติกัน – พิพิธภัณฑ์วาติกัน - โคลอสเซียม – โรมันฟอรั่ม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทาเข้างสู่นครรัฐวาติกัน (Vatican) รัฐอิสระที่เล็กที่สุดและเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกกันสั้นๆว่า เซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) มหาวิหารนี้เป็น มหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี อีก 3 มหาวิหารคือ: มหาวิหารเซ็นต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซ็นต์พอลนอกกำแพง อยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมและเป็นที่ประทับของพระสันตปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Catholic State of the Vatican City ซึ่งนครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก อันมีศูนย์กลางคือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
จากนั้นนำท่านเข้าชม เฟียต้า (Pieta) รูปสลักหินอ่อน พระแม่มารีอุ้มพระเยซู โดยฝีมือของไมเคิลแองเจโล รูปหล่อบรอนซ์ของนักบุญปีเตอร์ ศาลาคาโนปี โดยแบร์นินิ และยอดโดมขนาดใหญ่ และชมแท่นบูชาบัลแดคคิโน (St. Peter’s Basilica) เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินี ซึ่งสร้างตรงบริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระศพนักบุญปีเตอร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านถ่ายรูปโคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นใน สมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งโรมัน สร้างเสร็จในสมัยจักรพรรดิติตัส (Titus) จุคนได้กว่า 50,000 คน ให้ท่านได้เก็บภาพความยิ่งใหญ่ของโคลอสเซียมที่ชาวโรมันในสมัยก่อนได้สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์นี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นสนามกีฬาสำหรับการแข่งขันประลองของนักสู้ Gladiator ได้เวลานำท่านเข้าชมโรมันฟอรั่ม (Roman Forum) ตั้งอยู่ในใจกลางของกรุงโรมในเขตเมืองเก่าที่มีความสวยงามเเละเก่าเเก่อย่างมาก ซึ่งตกทอดมาตั้งเเต่สมัยอาณาจักรโรมัน โดยเป็นหนึ่งในเเหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญอย่างมากของอิตาลีเเละของโลกที่เเสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเเละศิลปกรรมรวมทั้งสถาปัตยกรรมในเเบบโรมันขนานเเท้เลยทีเดียว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก IH Roma Z3 Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่สิบ โรม – ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) หรือที่ชาวอิตาเลี่ยน อ่านออกเสียงว่า ฟิเรนเซ่ (Firenze) (ระยะทาง 274กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) เมืองหลวงของแคว้นทอสกานา (Toscana) เป็นจุดกำเนิดของยุคเรเนซองส์ ศิลปินยุคนี้ย้อนกลับไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของชาวกรีกและโรมันที่สูญหายไปนับพันปีในช่วงยุคกลาง แล้วนำกลับมาฟื้นฟูพัฒนางานสร้างอีกครั้งหนึ่ง ได้มีการใช้หลักคณิตศาสตร์มาช่วยคำนวณเพื่อการออกแบบด้านทัศนียภาพ ในอดีตฟลอเรนซ์เคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปินระดับโลกอย่าง ลีโอนาร์โด ดาร์วินซี และไมเคิล แองเจโล และ ในปี ค.ศ.1982 เมืองเก่าฟลอเรนซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ซานตา มาเรีย เดลฟิโอเร (Basilica Di Santa Maria Del Fiore) โบสถ์ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟิลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู มหาวิหารแห่งนี้ใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรปรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ มหาวิหารเซนต์พอล และมหาวิหารมิลาน จากนั้นนำท่านชม จตุรัสไมเคิล แองเจโล เพื่อชมรูปปั้นจำลองของ "เดวิด" ที่โด่งดังในตำนาน อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองปิซ่า (Pisa) (ระยะทาง 88 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เมืองบ้านเกิดของกาลิเลโอ นักดาราศาสตร์เอกของโลก เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซ่าในแคว้นทอสกาน่า เมืองนี้ที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเกี่ยวกับหอเอนเมืองปิซ่า ซากโบราณวัตถุของเมืองที่ยังหลงเหลือจากศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เมืองปิซ่าได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987 นำท่านถ่ายรูปกับ หอเอนเมืองปิซ่า (The Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ในจัตุรัสเดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว กาลิเลโอเคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซ่ายังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel AC Pisa **** หรือเทียบเท่า
วันที่สิบเอ็ด ปิซ่า -ลา สเปเซีย – หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร่ - มิลาน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองลา สเปเซีย เพื่อ นั่งรถไฟสู่ชิงเกว่ แตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี หมู่บ้านสีสันสดใส 5 หมู่บ้านที่เรียงรายกันอยู่ริมทะเลลิกูเรีย อดีตบริเวณนี้เคย เป็นชุมชนชาวประมงอาศัยการจับปลาและปลูกไร่องุ่นตามแนวชายเขา ด้วยเสน่ห์ของเมืองริมทะเลที่ คงความเป็นธรรมชาติจึงได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก หมู่บ้านทั้งห้า คือ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE นําท่านชมความงามของหมู่บ้าน ริโอแมกจิโอเร (Riomaggiore) หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนสีสันสดใสตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกันกับนํ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ทําให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่หากมีโอกาสต้องเข้ามาสัมผัส อิสระให้ท่านชมความงดงามและถ่ายรูปตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางกลับโดยรถไฟสู่เมืองลาสเปเซีย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองมิลาน (ระยะทาง 226 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ช.ม.) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงโรม มิลานได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงด้านแฟชั่นของโลก งานที่ใหญ่ที่สุดของแต่ละปีคือมิลานแฟชั่นวีค นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันวัฒนธรรม, สถาบันการศึกษา และมหาวิทยาลัยจำนวนมาก นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม (Duomo) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอับดับสอง รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรุงวาติกัน (เป็นมหาวิหารแบบโกธิกและใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า ด้านหน้าของมหาวิหารเป็นลานกว้าง เรียกว่า เปียซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) เป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย ด้านข้างของจัตุรัสหน้าดูโอโม่ทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้า กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน อิสระให้ท่านถ่ายรูปและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Crown Plaza Milan Mapensa Airport Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่สิบสอง มิลาน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
10.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิลาน (MXP) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
14.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินมิลาน สู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ TG941 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.50 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
วันที่สิบสาม กรุงเทพมหานคร
05.55 น. เดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
*****Travel Around the World by Chic Journey*****
ราคาทัวร์ 169,900 บาท: 30 ม.ค-11 ก.พ. 68 / 13-25 ก.พ. 68 / 15-27 มี.ค. 68
ราคาทัวร์ 175,900 บาท: 13-25 เม.ย. 68
อัตราค่าบริการ (บาท) |
พ.ย. 67 - มีค. 68 |
เม.ย. 68 |
ราคาผู้ใหญ่ พักห้องคู่ หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน |
169,900 |
175,900 |
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ |
35,000 |
40,000 |
เด็กอายุ 2-11 ปี (เสริมเตียง – พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน) |
159,900 |
165,900 |
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ เริ่มต้นที่ท่านละ (ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง CONFIRM เท่านั้น) |
100,000 – 170,000 |
|
ไม่เอาตั๋วเครื่องบิน หักค่าตั๋ว (ผู้ใหญ่) BKK-MXP-BKK |
35,000 |
38,000 |
ค่าวีซ่าเชงเก้น (หากมีแล้วคืนเงิน) |
4,500 |
4,500 |