ทัวร์อเมริกาใต้ SOUTH AMERICE 21วัน เดินทาง 21 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม 2567 | สายการบิน: TURKISH AIRLINES (TK)

รหัสสินค้า : CJN_H002_แกรนด์อเมริกาใต้ Rio Carnival 2025_TK_21.FEB-13.MAR.25

ราคา

550,000.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 550,000.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

SOUTH AMERICA 21 DAYS | เที่ยวประเทศอเมริกาใต้ครบสูตร

(Rio Carnival 2025)

โคลอมเบีย – เปรู – โบลิเวีย – ชิลี (เกาะอีสเตอร์) – บราซิล – อาร์เจนตินา  

ราคา: 550,000.- บาท / ท่าน

สายการบิน: TURKISH AIRLINES (TK)

#ริโอ คาร์นิวัล 2025

▪โบโกตา (โคลอมเบีย) ▪ลิมา (เปรู) ▪มาชูปิคชู ▪ปูโน ▪ล่องเรือทะเลสาบ ▪ติติกากา ▪ลาปาซ (โบลิเวีย) ▪ทะเลเกลืออูยูนิ ▪ทะเลสาบโคโรราดา ▪อะตาคามา (ชิลี) ▪ซานเตียโก ▪เกาะอีสเตอร์ ▪ริโอเดอจาเนโร (บราซิล) ▪พระเยซูคริสต์ ▪น้ำตกอิกวาสุ ▪บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา) 

พิเศษสุดๆ!!

ชมขบวนพาเหรอ Rio Carnival 2025 (ที่นั่งแถวหน้าสุด)

เดินทาง: 21 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม 2567

หมายเหตุ: กรุณาสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

21 วัน แกรนด์อเมริกาใต้ (Rio Carnival 2025)

โคลอมเบีย–เปรู–โบลิเวีย–ชิลี (เกาะอีสเตอร์) –บราซิล – อาร์เจนตินา  

โปรแกรมการเดินทาง

21 ก.พ. 2568  กรุงเทพ – อิสตันบูล

08.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน T (แถว T 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

10.50 น.  ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.15 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารเช้าและอาหารกลางวัน ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี

18.00 น.  เดินทางถึงกรุงอิสตันบูล นำท่านเข้าพักที่โรงแรมใกล้สนามบิน

(กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กเพื่อพักค้าง 1 คืน กระเป๋าใบใหญ่เชคทรู)

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม

ที่พัก Istanbul Airport Hotel 4* หรือเทียบเท่า

22 ก.พ. 2568  อิสตันบูล – โบโกตา (โคลอมเบีย)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

06.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อต่อเครื่อง

08.25 น.  ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่ สนามบินโบโกตา (BOG) โดยเที่ยวบิน TK801 (ใช้เวลาบินประมาณ 13.45 ชั่วโมง)

14.05 น.  เดินทางถึงสนามบินโบโกตา นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนและปรับสภาพร่างกาย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Holiday Inn Bogota Airport Hotel 4* หรือเทียบเท่า 

23 ก.พ. 2568  โบโกตา

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชม กรุงโบโกตา (Bogota) เมืองหลวงของโคลอมเบีย นำท่านชมจัตุรัสโบลิวาร์ (Plaza de Bolivar) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และยังเป็นที่ตั้งอนุเสาวรีย์ ไซมอน โบลิวาร์  ผู้นำแห่งการเคลื่อนไหวให้ประเทศในเขตอเมริกาใต้ปลดแอกตัวเองจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจผู้ล่าอาณานิคม จนได้รับหรือที่รู้จักในนาม “สงครามโบลิวาร์” โดยศิลปินชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นผู้รังสรรค์รูปปั้นนี้ในปี 1846 บริเวณจัตุรัสแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการของรัฐบาล โดยทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งความยุติธรรม (Palace of Justice) อาคารที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมของประเทศ ส่วนทางทิศใต้ของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของรัฐบาลและอาคารรัฐสภาของโคลอมเบีย นำท่านถ่ายรูปกับหมู่อาคารในแบบโคโลเนียลสเปน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและยังคงสภาพสมบูรณ์จวบจนปัจจุบัน ทางตะวันออกของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของวิหารแห่งโบโกตา (Primary Cathedral of Bogota) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างในศตวรรษที่ 17 และยังคงความงามจนปัจจุบัน

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum – El Museo del Oro) แห่งโคลอมเบีย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และ วัสดุอื่นๆจากทองคำในช่วง Pre-Hispanic มีชิ้นงานล้ำค่าจัดแสดงกว่า 55,000 ชิ้น นอกจากนี้ในส่วนชั้นสอง และ ชั้นสามของพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดง ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่สามารถขุดพบในประเทศโคลอมเบีย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองในอดีต นำท่านเที่ยวชมย่านแคนเดอลาเรีย (La Candelaria) ย่านประวัติศาสตร์อันเก่าแก่แห่งกรุงโบโกตา ที่ซึ่งมีการรักษาและบูรณะอาคารและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่นับร้อยปี รวมถึงโบสถ์ที่มีอายุกว่า 400 ร้อยปี

นำท่านเข้าชมความงามของโบสถ์ ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church)

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

ที่พัก Holiday Inn Bogota Airport Hotel 4* หรือเทียบเท่า 

24 ก.พ. 2568  โบโกตา – คูซโก้ (เปรู)

เช้า  รับอาหารเช้าแบบ Breakfast box

04.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินโบโกตา เพื่อเชคอิน

07.45 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินคูซโก้ ประเทศเปรูโดยเที่ยวบิน AV105 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.30 ชั่วโมง)

เที่ยวบินที่บินตรง มีเพียงวันละ 1 เที่ยวบินเท่านั้น

11.05 น.  เดินทางถึงสนามบินคูซโก้

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย  นำท่านเข้าชมวิหารโคริคันชา หรือที่รู้จักในนาม วิหารพระอาทิตย์ (Qoriqancha, The Sun Temple) ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าดวงอาทิตย์ นำท่านชมเมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แผ่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ นำท่านชมย่านเมืองเก่าของเมืองคูซโก้ เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1983 นำท่านชมกำแพงหิน หรือที่รู้จักในนาม 12 Side Stone ที่สร้างขึ้นโอบล้อมเมืองเก่าคูซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณ โดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ นับได้ ว่าเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองเก่าคูซโก้ จากนั้นสัมผัสกับความมหัศจรรย์ในการก่อสร้างที่แข็งแรงของกำแพงเมืองของชาวอินคา กำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman) ที่สร้างขึ้นพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูและป้องกันแผ่นดินไหว สิ่งเหล่านี้ได้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของชาวอินคาอย่างน่าประหลาดใจ นำท่านเดินชมความสวยงามของเมืองคูซโก้ นำท่านสู่จัตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จัตุรัสนักรบ (Square of the warrior) และเป็นที่ตั้งของ โบสถ์ลาคัมปาเนีย (Church of la Compania de Jesus) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1576 และได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตกรรมโคโลเนียล บาโร๊คที่สวยงามคู่เมืองคูซโก้มานาน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความประทับใจของเมืองคูซโก้ อดีตเมืองราชธานีที่รุ่งเรืองที่สุดของอเมริกาใต้ นำท่านเดินทางสู่หุบเขาซาเครท (Sacred Valley) อันเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ที่จะเปิดให้ท่านเดินทางไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างมาชู ปิคชู  

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม

ที่พัก Casa Adina Premium Valley Hotel 4* หรือเทียบเท่า

25 ก.พ. 2568  นั่งรถไฟไต่เขาขึ้นสู่ มาชู ปิคชู (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลก) – คูซโก้

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองโอลันตาทัมโบ เพื่อขึ้นรถไฟสู่นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชู ปิคชู (Machu Picchu) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลก โดยรถไฟไต่ขึ้นเทือกเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงามและความลึกลับของบรรยากาศโดยรอบที่เข้ากับสถานที่ ข้างทางเป็นแม่น้ำอูรูบัมบา (Urubamba) ไหลแรงคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่ปลายทางที่สถานีที่ เมืองอควาส์ กาเลียนเต้ส์ (Aquas Calientes) จากนั้นเดินทางโดยรถบัสสู่ มาชู ปิคชู (Machu Picchu) นครที่หายสาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ นครโบราณแห่งนี้ถูกค้นพบโดยฮิรัม บิงแฮม ซึ่งตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมืองที่ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฎอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น จึงได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาอันเป็นที่ตั้งคือ Machu Picchu ซึ่งมีความหมายว่า Old Mountain และ ยังมียอดเขา Huayna Picchu  หรือ New Mountain ขนาบข้าง ตัวโบราณสถานมาชู ปิคชู ซ่อนอยู่บนยอดเขาสูงเฉียดฟ้า และ ณ ที่แห่งนี้คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัย ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาปกครองในสมัยศตวรรษที่ 15 อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจตามอัธยศัย

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

***** อิสระให้ท่านชม เก็บภาพ ความสวยงามของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ควรพลาดที่จะได้มาเยือน*****

บ่าย  ออกเดินทางโดยรถไฟกลับสู่เมืองโอลันตาทัมโบ ท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อีกฟาก ของรถไฟ ตลอดเส้นทางการไต่ลงจากเทือกเขาแอนดิส พร้อมความภูมิใจและความประทับใจที่ครั้งหนึ่งท่านได้มาเยือน เมืองโบราณอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอินคา เมืองโบราณที่หายสาบสูญมานาน และได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคูซโก้

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

ที่พัก Sonesta Cusco Hotel 4* หรือเทียบเท่า

26 ก.พ. 2568  คูซโก้ – ปูโน

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองปูโน (Puno) เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเปรู ตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบติติกากา เป็นเมืองหลวงของแคว้นปูโนและจังหวัดปูโน มีประชากรราว 100,000 คน เมืองก่อตั้งในปี ค.ศ. 1668 โดยผู้สำเร็จราชการเปโดร เฟร์นันเดซ เด กัสโตร ในฐานะเมืองหลวงของจังหวัดเปาการ์โกยา ในชื่อ ซานควนเบาติสตาเดปูโน ต่อจากนั้นเปลี่ยนชื่อมาเป็น ซานการ์โลสเดปูโน เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าการ์โลสที่ 2 แห่งสเปน ระหว่างทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพและทิวทัศน์อันสวยงามแห่งเทือกเขาแอนดีส ระหว่างการเดินทาง นำท่านแวะชมเมือง Andahuaylillas และ เมือง Pucara ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรอินคา

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเที่ยวชมเมืองปูโน เมืองที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 3,830 เมตร หากมีเวลา นำท่านถ่ายรูปกับจัตุรัส Plaza Republicana de Puno หรือ จัตรัสอิสรภาพแห่งปูโน จากนั้นนำท่านถ่ายภาพกับหมู่อาคารโบราณและโบสถ์ประจำเมืองปูโน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นผ่อนคลายอิริยาบถตามอัธยาศัย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

ที่พัก Sonesta Posada Puno Hotel 4* หรือเทียบเท่า

27 ก.พ. 2568  ล่องเรือทะเลสาบติติกากา – ลาปาซ (โบลิเวีย)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

07.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบติติกากา (Titicaca lake) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส ระหว่างพรมแดนของประเทศโบลิเวีย (แคว้นลาปาซ) และเปรู (แคว้นปูโน) ถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 3,810 เมตร และยังเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้เมื่อเทียบจากปริมาณน้ำ ซึ่งปริมาณน้ำมากมายเหล่านี้มาจากแม่น้ำสายหลัก 5 สาย ธารน้ำแข็งที่ละลาย น้ำฝน และลำธารขนาดเล็กอีกกว่า 20 แห่ง ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำริโอ เดอ ซากัวเดโร รวมแล้วทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 8,372 ตารางกิโลเมตร นำท่านสัมผัสประสบการณ์ล่องเรือในทะเลสาบติติกากา จากฝั่งเปรูเดินทางข้ามพรมแดนไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบติติกากา เข้าสู่ประเทศโบลิเวีย ณ เมืองโคปาคาบานา หมู่บ้านสวยริมฝั่งทะเลสาบติติกากา ริมพรมแดน เปรู-โบลิเวีย

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  หากมีเวลานำท่านแวะนมัสการรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ พระแม่มารีแห่งคันดาลาเรีย (Virgin de la Candelaria) หรือ พระแม่สีดำ (Dark Virgin or Black Madonna) ที่ มหาวิหารคันดาลาเรีย นำท่านแวะชมโขดหินรูปเสือพูม่า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบติติกากา ได้เวลานำท่านเดินทางต่อสู่เมืองลาปาซ เมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลกแห่งประเทศโบลิเวีย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Mitru Hotel Lapaz 4* หรือเทียบเท่า

28 ก.พ. 2568  ลาปาซ - นครโบราณ ติวานาคู เมืองมรดกโลกแห่งโบลิเวีย

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่นครโบราณติวานาคู (Tiwanaku) หรือ ติฮัวนาคู (Tihuanaco) (ระยะทาง 72 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองโบราณอีกแห่งที่ยิ่งใหญ่ในช่วงก่อนจักรวรรดิอินคาเรืองอำนาจ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2000 เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและตั้งอยู่สูงที่สุดในโบลิเวีย โดยอารยธรรมของชาวติฮัวนาคู เกิดก่อนอารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอินคา ราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วง ค.ศ. 900 มีการสร้างปิระมิด และ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้าเฉกเช่นเดียวกับชาวอินคา นำท่านชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของชาวติฮัวนาคู นำท่านชมปิระมิดขั้นบันได อคาปานา (Acapana Ziggurat) ที่ปัจจุบันก็ยังขุดค้นไม่เสร็จสิ้น สันนิษฐานว่าหินที่ใช้สร้างปิระมิดแห่งนี้ได้ถูกชาวสเปนขนนำไปสร้างโบสถ์และสถานที่สำคัญๆในสเปน ระหว่างช่วงยุคล่าอาณานิคมของสเปน ทำให้ปิระมิดแห่งนี้ไม่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าบริเวณแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ เนื่องจากมีลานกว้างโดยรอบ และยังมีร่องรอยของการสร้างบ้านเรือน รายล้อมปิระมิดแห่งนี้ ได้เวลานำท่านชมประตูพระอาทิตย์ (Puerta Del Sol – The Gateway of the Sun) ประตูหินขนาดใหญ่ ซึ่งสันนิษฐานว่า แกะสลักจากหินขนาดใหญ่ก้อนเดียว มีน้ำหนักกว่า 10 ตัน และเจาะเป็นช่องๆกว่า 48 ช่อง เป็นประตูรับแสงอาทิตย์ในช่วงเช้า นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักเทพพระอาทิตย์บริเวณด้านหน้าประตูอีกด้วย ได้เวลานำชมวิหารคาลาซาซายา (Kalasasaya Temple)  เป็นอีกวิหารหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และสันนิษฐานว่าเป็นวิหาร ที่สร้างเพื่อทำนายฤดูกาลต่างๆ ของชาวติฮัวนาคู เพื่อการกสิกรรมและการเก็บเกี่ยวพืชผลในสมัยก่อน อิสระให้ท่านเก็บภาพความยิ่งใหญ่และความเก่าแก่ของนครโบราณแห่งนี้ตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านสู่กรุงลาปาซ เมืองหลวงประเทศโบลิเวีย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 เมืองมหัศจรรย์แห่งใหม่ของโลกในปี 2014 ทั้งนี้กรุงลาปาซ เป็นเมืองที่ตั้งสูงที่สุดในโลก ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส สูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร ท่านชมจตุรัสมูริลโล (Plaza Murillo) จัตุรัสใจกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของอาคารรัฐสภาและหน่วยงานราชการต่างๆ ตลอดจบ โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง นำท่านถ่ายรูปกับ โบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) อาคารรัฐสภา และ สถานที่ทางราชการที่สำคัญที่ยังคงสถาปัตยกรรม โคโลเนียลอันสวยงาม จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เพื่อชมความสวยงามของเมืองหลวงลาปาซ

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

ที่พัก Mitru Hotel Lapaz 4* หรือเทียบเท่า

1 มี.ค. 2568  ทะเลเกลือ Uyuni ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เช้า  รับอาหารเช้าแบบ Breakfast Box

05.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินลาปาซ

07.40 น.  ออกเดินทางจากสนามบินลาปาซ (Lapas) สู่ สนามบิน อูยูนิ (Uyuni) โดยเที่ยวบิน OB304

08.40 น.  เดินทางถึงสนามบินอูยูนิ นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถ 4 WD มุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) พื้นที่ซึ่งเวิ้งว้างกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา โดยมีน้ำทะเลตื้นๆ ที่ขังอยู่ที่พื้น ได้สะท้อนฟ้าสีครามเบื้องบน ทั้งยังทอดตัวยาวไปจรดกับแผ่นฟ้ายังที่แห่งหนึ่งไกลลิบๆ สุดสายตา ทำให้สถานที่แห่งนี้เสมือนแดนสวรรค์ในความคิดของใครหลายคน  ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม หรือ ทะเลสาบแห้ง (salt flat หรือ dry lake) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 3,600 เมตร บนเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ด้วยความสูงถึงเพียงนี้จึงราวกับว่า Uyuni เป็นดินแดนที่อยู่ท่ามกลางฟากฟ้าและก้อนเมฆ ยามปกติจะเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มีน้ำทะเลขังอยู่เพียงตื้้นๆ ส่วนในบางฤดู น้ำอาจระเหยออกจนกลายเป็นทะเลเกลือขาวโพลนซึ่งให้ความสวยงามไปอีกแบบ อิสระให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาเยือนทะเลเกลือหรือทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน Picnic Set

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่อินคาฮัวซิ (Incahuasi Island) หรือที่รู้จักในนามเกาะปลา (Fish Island) เป็นเกาะหินที่เกิดขึ้นใจกลางทะเลเกลือแห่งนี้เกิดจากการทับถมของซากปะการังเป็นเนินขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นเนินหินเดียวที่เกิดขึ้นในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ และเป็นเนินที่เต็มไปด้วยต้นกระบองเพชร นำท่านถ่ายรูปความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งของทะเลเกลือ ได้เวลานำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Hotel De Sal Cristal Samana Hotel 4* หรือเทียบเท่า

2 มี.ค. 2568  ซานคริสโตบอล 

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองซานคริสโตบอล (San Cristobal) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เล็กๆประจำหมู่บ้านแห่งนี้ “โบสถ์ซานคริสโตบอล” (San Cristobal Church) หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางการทำเหมืองของโบลิเวีย ตลอดสองข้างทางท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพสองข้างที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งภูมิประเทศแบบทะเลเกลือ และเนินดินอันเป็นที่อยู่ของต้นกระบองเพชร

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน แบบ Picnic Lunch

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองทางตอนใต้ของประเทศโบลิเวีย มุ่งสู่ Laguna Honda หรือ Deep Lagoon ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโกอิสระให้ท่านเดินเล่นและเก็บภาพธรรมชาติที่แตกต่างอีกแห่งของโบลิเวีย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Siloli Dessert Hotel Tayka Del Desierto 4* หรือเทียบเท่า

3 มี.ค. 2568  ทะเลสาบโคโลราดา – ทะเลสาบเวอเด – ซานเปโตร เดอ อาตาคามา (ชิลี)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโลราดา (Laguna Colorada) หรือที่รู้จักในชื่อ ทะเลสาบแดง (Red Lagoon) เนื่องจากบริเวณทะเลสาบแห่งนี้มีสาหร่ายสีแดงขึ้นเป็นจำนวนมากจึงทำให้มองดูเหมือนน้ำในทะเลสาบเป็นสีแดง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของฝูงนกฟลามิงโก กว่า 3 สายพันธุ์ และเป็นทะเลสาบที่เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนที่สูงที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่เหนือระดับ 4,800 เมตร ให้ท่านได้เก็บภาพความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งโบลิเวีย ที่สวยงามยิ่งและเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมหากได้มาเยือนโบลิเวีย อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามของทะเลสาบโคโลราดา และฝูงนกฟลามิงโกตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางผ่านทะเลทรายดาลิ  (Desierto de Dali) ทะเลทรายที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่คล้ายนำก้อนกรวดเล็กๆมาโรยหลายพันตารางกิโลเมตร อีกหนึ่งทัศนียภาพอันแปลกตาแห่งโบลิเวีย ท่านจะสัมผัสกับเนินทรายสลับเป็นทิวแถวสุดลูกตา นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางธรรมชาติที่น่าพิศวงแห่งโบลิเวีย

19.24 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก โดยเที่ยวบิน LA 371 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ช.ม.)

21.29 น.  เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม   

ที่พัก Holiday Inn Santiago Airport Hotel 4* หรือเทียบเท่า

4 มี.ค. 2568  เกาะอีสเตอร์ (ชิลี)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

06.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก เพื่อเชคอิน

08.25 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก โดยเที่ยวบิน LA 841 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.35 ช.ม.)

11.50 น.  เดินทางถึงสนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านชมเกาะอีสเตอร์ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ถือว่าตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก โดยเกาะนั้นมีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร แต่ถึงแม้ว่าเกาะจะมีขนาดเล็ก แต่ประวัติศาสตร์ของเกาะอีสเตอร์นั้นยิ่งใหญ่เกินขนาดของเกาะเป็นหลายเท่าตัวเลยโดยสิ่งก่อสร้างที่ถือว่าเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ คือ รูปสลักหินขนาดยักษ์ หรือที่รู้จักในนาม “โมอาย” (Moai)  แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ. 380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมอาย (Moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ โมอาย เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมอายถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โมอายเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995  เพื่อถ่ายรูปกับโมอาย สัญลักษณ์แห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี (Ahu Akivi) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว     

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก Tahatai Hotel 3*+  หรือเทียบเท่า

5 มี.ค. 2568  เกาะอีสเตอร์ – ราโน ราราคู

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน           ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว

กลางวันรับประทานอาหารกลางวันแบบกล่อง (Lunch box)

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับโมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านชมโมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก

ที่พัก Tahatai Hotel 3*+ หรือเทียบเท่า

6 มี.ค. 2568  เกาะอีสเตอร์ – ซานเตียโก

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชมและเก็บภาพความสวยงามของปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano) จากนั้นนำท่านสู่จุดชมวิวที่ทำให้สามารถเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและชมทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะนก และเกาะอีสเตอร์ ตลอดจนบ้านพักอาศัยของชาวเมืองในสมัยก่อน

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

14.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

สายการบินบริการอาหารเย็นบนเครื่องบิน

16.20 น.  ออกเดินทางสู่เมืองซานเตียโก ประเทศชิลี โดยเที่ยวบิน LA844

23.00 น.  เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก

ที่พัก Pullman Santiago Vitacura 4* หรือเทียบเท่า

7 มี.ค. 2568  ซานเตียโก – ริโอเดอจาเนโร

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านสู่ย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้  นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลียน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน Box Lunch

12.30 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก เพื่อเชคอิน

15.35 น.  ออกเดินทางจากสนามบินซานเตียโก สู่ สนามบินริโอเดอจาเนโร

19.50 น.  เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Windsor Excelsior Copacabana Hotel 4* หรือเทียบเท่า

8 มี.ค. 2568  ริโอเดอจาเนโร

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านนั่งรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado Mountain) อันเป็นที่ตั้งของรูปปั้นของพระเยซู ชื่อ Christ of Redeemer ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นพระเยซูที่มีความสูงประมาณ 700 เมตรนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองและชายหาดที่สวยที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้อย่างใกล้ชิด ชาวบราซิลมักจะกล่าวอ้างว่า พระเจ้าเป็นชาวบราซิล ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปปั้นพระเยซู ที่ยืนเพ่งมองมายังเมืองราวกับว่า ริโอ อยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ (ทั้งนี้การขึ้นสู่ยอดเขาขึ้นกับสภาพอากาศ) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและถ่ายรูปตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สู่ยอดเขาชูการ์โลฟ (Sugar Loaf  Mountain) เป็นยอดเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดเลื่องชื่อ โคปาคาบานา ยอดเขาแห่งนี้ มีความสูง 1,400 เมตร ซึ่งสูงตระหง่านอยู่ที่ปลายแหลมสุดของปากอ่าว กวานาบารา และตั้งโดดเด่นคู่กับภูเขาคอร์โควาโด ท่านสามารถชมทิวทัศน์และภาพอันงดงามของเมืองริโอ เดอจาเนโร จากมุมสู่ของยอดเขาชูการ์โลฟ อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัย นำท่านเที่ยวชมเมือง ริโอ เดอจาเนโร ซึ่งเป็นประตูสู่ประเทศบราซิล ได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สนามกีฬามารากาน่า (Maracana stadium) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหารของฟุตบอลบราซิล เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 3 ของเมือง และเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจมาก มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิลเกิดขึ้นที่นี่มากมาย เช่น การยิงประตูที่ 1,000 ของเปเล่ ตำนานลูกหนังแซมบ้าเมื่อ 40 ปีก่อน และยังเป็นสนามที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติเป็นนัดแรกด้วย สนามนี้ถูกใช้เป็นที่จัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ รวมถึงจะใช้จัดพิธีเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ได้เวลานำท่านผ่านชมฟลาเมนโกพาร์ค สะพาน Neteroi ก่อนลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเล ผ่านชายหาดที่มีชื่อเสียงก้องโลก จนถึงหาดโคปาคาบานาที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร นำท่านเชคอินในโรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนมื้ออาหารค่ำ เพื่อปรับร่างกาย หรือหากท่านยังไม่ง่วง ท่านสามารถเดินเล่นริมชายหาดโคปาคาบานา หรือ เลือกช้อปปิ้ง หรือท่านจะเลือกเล่นน้ำทะเล พักผ่อนบนชายหาดอันเลื่องชื่อระดับโลก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

หลังอาหารมื้อค่ำ นำท่านสู่แซมโบโดรม (Sambodrome) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันขบวนคาร์นิวัล อันยิ่งใหญ่งดงามตระการตา ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคาร์นิวัลแบบใกล้ชิด และจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ท่านจะไม่มีวันลืมเลือน (ที่นั่งแถวหน้าสุด Frisas Zone)

ที่พัก Windsor Excelsior Copacabana Hotel 4* หรือเทียบเท่า

9 มี.ค. 2568  ริโอเดอจาเนโร – อิกวาสุ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อิสระให้ท่านได้เดินเล่น ณ หาดโคปาคาบานา

08.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินริโอ เดอ จาเนโร

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch box

11.15 น.  ออกเดินทางจาก สนามบินริโอ เดอ จาเนโร เพื่อเดินทางสู่น้ำตกอิกวาสุ (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)

13.25 น.  เดินทางถึงสนามบินอิกวาสุ

บ่าย  นำท่านชมเขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตนั้นจัดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนในประเทศจีนจะมีการก่อสร้างเสร็จ เขื่อนอิไตปูสร้างในปีค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปีค.ศ.1988 รวมระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปี คำว่า “อิไตปู” มาจากภาษากวารานิของชาวอินเดียนแดงชนเผ่าดั้งเดิม แปลว่า “เสียงเพลงจากก้อนหิน” เขื่อนอิไตปู กั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย ซึ่งนอกจากเป็นผนังกั้นน้ำและผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศอีกด้วย ตัวเขื่อนมีขนาดความสูง 180 เมตร ความยาวกว่า 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการก่อสร้างกว่า 28 ล้านตัน และใช้เหล็กมากขนาดที่ว่าใช้สร้างหอไอเฟลได้ถึง 380 หอเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย เนื่องจากความอลังการของเขื่อนแห่งนี้

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

ที่พัก Viale Cataratas Hotel 4* หรือเทียบเท่า

10 มี.ค. 2568  น้ำตกอิกวาสุ (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) – ล่องเรือ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอิกวาสุ (Iguaza Fall) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani) ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม แปลว่า “สายน้ำอันยิ่งใหญ่”  ค้นพบโดยนักสำรวจชาวสเปนชื่อ AI VARO NUNES CABEZA DE VECA เมื่อปี ค.ศ. 1542 น้ำตกอิกวาสุตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกโดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่าประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา น้ำตกอิกวาสุเกิดจากแม่น้ำอิกวาสุซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกใหญ่น้อยอีกกว่า 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร บนฝั่งประเทศบราซิลจะมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงาม นำท่านสัมผัสบรรยากาศ น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งบราซิล) ซึ่งเป็นฝั่งที่ท่านสามารถมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงามที่สุด ท่านจะได้สัมผัสกับความงามแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติ น้ำตกทรงเกือกม้าที่เกิดจากแม่น้ำริโออิกวาสุทั้งสายไหลมาจากหน้าผาเบื้องบนตกลงสู่หุบเหวย่อยๆ กว่า 30 แห่ง พลังน้ำตกที่ตกลงมากระทบก้อนหินเบื้องล่างก่อให้เกิดละอองน้ำกระเซ็นกระจายไปทั่วปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำสีสวยสดใส ซึ่งท่านสามารถเดินเข้าไปสัมผัสกับพลังของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านชมน้ำตกอิกวาสุ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งอาร์เจนตินา) เพื่อให้ท่านได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความงดงามของน้ำตกอิกวาสุ (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางธรรมชาติ) อย่างใกล้ชิด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความยิ่งใหญ่อลังการตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านล่องเรือเกรท แอดเวนเจอร์ (Great Adventure Boat) ชมความสวยงามของแม่น้ำอิกวาซู และชมความงดงามของน้ำตกแห่งนี้แบบใกล้ชิด (กรุณาเตรียมเสื้อผ้า 1 ชุด สำหรับเปลี่ยนหลังล่องเรือแล้ว) (ทางบริษัทจัดเตรียมเสื้อกันฝนให้ลูกค้าทุกท่าน)

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก

ที่พัก Viale Cataratas Hotel 4* หรือเทียบเท่า

11 มี.ค. 2568  บัวโนสไอเรส

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

07.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิกวาสุ

10.25 น.  ออกเดินทางจากสนามบินอิกวาสุ (IGR) สู่สนามบินบัวโนสไอเรส

12.25 น.  เดินทางถึงสนามบินบัวโนสไอเรส

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านแวะถ่ายรูปกับทำเนียบประธานาธิบดีหรือที่มีชื่อเรียกว่า “คาซา โรซาดา” (Casa Rosada) แปลว่าบ้านสีชมพูหรือบ้านสีกุหลาบเพราะใช้หินสีชมพูก่อสร้าง ตั้งตระหง่านอยู่หน้า จัตุรัสมาโย (Plaza De Mayo) อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามของเมืองและสถาปัตยกรรม อาคารสำนักงานต่างๆที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะยุโรป นำท่านเข้าชมมหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1677 และได้พังทลายลงในปี 1753 ต่อมาได้มีการบูรณะสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่โบสถ์แห่งนี้เป็นที่ฝังศพของ นายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน นักปฎิวัติผู้ยิ่งใหญ่และผู้นำอิสรภาพสู่อาร์เจนตินา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จตุรัสคองเกรส ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ (Parliament House) นำท่าน ผ่านชมถนน 9 กรกฎาคม (Avenida 9 de Julio) ซึ่งชาวอาร์เจนตินาอ้างว่าถนนสายนี้เป็นถนนที่กว้างที่สุดในโลก ผ่านชมที่ตั้งของเสาโอบิลิกส์ (Obelisk El Obelisco) สร้างขึ้น ในปี 1936 ณ ส่วนกลางของถนนแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ธงอาร์เจนตินาถูกเชิญสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรก เป็นที่จัดประชุมทางการเมือง งานดนตรี และเป็นสถานที่ฉลองชัยชนะของทีมฟุตบอลอาร์เจนตินา นำท่านสู่ย่านลาโบกา (La Boca) ย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นแรงงาน มีสีสันสดใสหลากหลายจนลายตา ได้รับการก่อตั้งขึ้นในกลางศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของกรรมกรท่าเรือ โดยได้ตั้งติดอยู่ริมน้ำพอดี ย่านนี้ได้ชื่อว่ามีบ้านเรือนที่สร้างด้วยสังกะสีแต่มีการนำสีสดๆ แปลก ๆ มาทา จิตรกรเบนีโต กินเกลา มาร์ติน เป็นผู้นำในการใช้สีของผู้คนในย่านนี้ในช่วงต้นๆ ศตวรรษ นำท่าน ชมย่านคาร์เมนนิโต้ (Carmanito) หมู่บ้านแทงโก้ที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ความเป็นชุมชนเก่าแก่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

20.00 น.  นำท่านเดินทางสู่เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เพื่อเชคอิน           

อิสระอาหารค่ำในสนามบิน ตามอัธยาศัย

23.55 น.  ออกเดินทางจากสนามบินมินิสโตร ปิสตารินี (EZE) สู่สนามบินอิสตันบูล (IST) โดยเที่ยวบิน TK16

(ใช้เวลาบินประมาณ 16 ชั่วโมง 40 นาที)

12 มี.ค. 2568  บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา) – อิสตันบูล

********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *******

สายการบินมีบริการอาหารเช้า และ อาหารกลางวัน และ อาหารค่ำ บนเครื่องบิน

22.35 น.  เดินทางถึงนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี อิสระช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินตามอัธยาศัย

13 มี.ค. 2568  อิสตันบูล – กรุงเทพมหานคร

01.55 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK68 (ใช้เวลา 8 ชั่วโมง)

15.15 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

  

*****Travel Around the World by Chic Journey****

หมายเหตุ...โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมะสม เนื่องจากสภาพ ลม, ฟ้า, อากาศ การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

 

อัตราค่าบริการ  (บาท)

21 ก.พ. – 13 มี.ค. 2568

ราคาผู้ใหญ่ พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

550,000

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

70,000

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์

(เฉพาะเที่ยวบินของสายการบิน TK เท่านั้น)

เริ่มต้นที่ท่านละ(มีเพียง 10 ที่นั่งเท่านั้นสำหรับราคานี้)

160,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบิน (ผู้ใหญ่)

หักค่าตั๋วคืนท่านละ(BKK- IST-BOG//EZE-IST-BKK)

45,000

ค่าวีซ่าโคลอมเบีย (ไม่รวมในโปรแกรม)

ท่านสามารถใช้วีซ่าอเมริกา หรือ เชงเก้น Multiple 1 ปีเข้าได้

5,000

 

Visitors: 153,142