Midnight Sun 22 ก.ค.-2 ส.ค.67 เที่ยวสแกนดิเนเวีย12 วัน 9 คืน บินTG ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน : EURIPE PREMIUM SCANDINAVIA

รหัสสินค้า : CJN-B001-SNV01_TGS CANDINAVIA12D9N

ราคา

219,999.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 219,999.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน

พิชิตแหลม North Cape ตินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน

บินตรงสายการบินไทย พร้อมบินภายในถึง สามเที่ยวบิน

ราคา: 219,999-บาท

โดยสายการบิน : Thai Airways (TG)

เมืองโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก•รูปปั้นนางเงือกน้อย•น้ำพุเกฟิออน•พระราชวังอามาเลียนบอร์ก•ท่าเรือนูฮาวน์•ชอปปิ้ง ณ ถนนสตรอยก์•ท่าเรือสำราญ DFDS•ท่าเรือกรุงออสโล•โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล•สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์•ลานกระโดดสกี•ถนนคนเดินคาร์ลโจฮัน•เมืองกอล•เมืองฟลอม•ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด•นั่งรถไฟสายโรแมนติกฟลอมสบานา•เมืองวอส •โรงแรม Fleischer's Hotel•สถานีรถราง Fløibanen•เมืองเก่าบริกเกิน•มาร์เก็ตสแควร์ •สนามบินเบอร์เกน•สนามบินออสโล•สนามบินอัลต้า•เมืองฮอนนิงสโวก ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป •จับปูจักรพรรดิ•เมืองอินาริ •Siida Sámi Museum •เมืองโรวาเนียมิ•หมู่บ้านซานต้าครอส•สนามบินโรวาเนียมิ•สนามบินเฮลซิงกิวันตา•โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ•จัตุรัสเซเนท•ตลาดปลาเฮลซิงกิ •ถนน ALEKSANTERINKATU•ท่าเรือสำราญ SILJA LINE •กรุงสต็อกโฮล์ม • ศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม • สถานีรถไฟใต้ดินกรุงสตอกโฮล์ม•Stadshuskällaren•แกมล่าสแตน•ถ่ายรูปกับพระราชวังหลวง•มงกุฎสีทอง บนสะพานSkeppsholmen Bridge • พิพิธภัณฑ์เรือวาซา •ท่าอากาศยานสตอกโฮล์มอาร์ลันดา

**พิเศษ พักบนเรือสำราญ 2 คืน,พักบ้านแซตตาคลอส

**สนุกกับกิจกรรมจับปูยกษ์ พร้อมเมนูสุดพิเศษ

เดินทาง 22 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2567

หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

วันแรก:เช็คอิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

22.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4  เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เวย์ประตู 3 เคาน์เตอร์ Thai Airwaysโดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

วันที่สอง :เมืองโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก • รูปปั้นนางเงือกน้อย • น้ำพุเกฟิออน • พระราชวังอามาเลียนบอร์ก • ท่าเรือนูฮาวน์ • ชอปปิ้ง ณ ถนนสตรอยก์ • ท่าเรือสำราญ DFDS (อาหาร -/กลางวัน/เย็น)

01.20 น.     ออกเดินทาง (บินตรง) สู่ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (Kingdom of Denmark) เมืองโคเปเฮเกนโดยเที่ยวบินที่ TG950 บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
**ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 50 นาที **
07.40 น. เดินทางถึง สนามบินโคเปนเฮเกนกาสทรัป ประเทศเดนมาร์กผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ** เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง **  
เดินทางสู่ โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านชม รูปปั้นนางเงือกน้อย (The little mermaid)ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือริมอ่าวโคเปนเฮเกน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญแก่กรุงโคเปนเฮเกน โดย คาร์ล จาค็อบเซน บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ได้มีความประทับใจจากการดูบัลเล่ต์ เรื่อง The Little Mermaid ผลงานของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน เป็นอย่างมาก จึงว่าจ้างศิลปินชาวเดนมาร์กชื่อ เอ็ดวาร์ด อีริกเซน มาปั้นรูปเงือกน้อยนี้ โดยนำแบบใบหน้ามาจากนักเต้นบัลเลต์ชื่อ เอลเลน ไพรซ์ ส่วนร่างกายที่เป็นหญิงเปลือยนำแบบมาจากภรรยาของตัวเขาเองและที่นี่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ
**ที่นี่เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนมาเที่ยว เพื่อเก็บภาพคู่กับรูปปั้น The Little Mermaid และถ้าเรามาถึงโคเปนเฮเกนทั้งทีก็ห้ามพลาดเลยนะคะ
น้ำพุเกฟิออน (Gefion fountain) รูปปั้นของเทพีนอร์ดิกเกฟิออนที่กำลังลากจูงวัวกระทิง 4 ตัว ที่มีความเชื่อว่า เทพีนอร์ดิกเกฟิออนทำการไถคราดเพื่อให้เกิดเป็นประเทศเดนมาร์คนั่นเอง ถ่ายรูปกับ พระราชวังอามาเลียนบอร์ก (Amalienborg palace)เป็นพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์ก ตั้งอยู่ริมน้ำทางเหนือของตัวเมืองโคเปนเฮเกนค่ะ สร้างขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเฉลิมฉลองวาระการครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก และใช้เป็นที่พำนักของเหล่าราชวงศ์ 4 ครอบครัว
เดินทางสู่ ท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn)เป็นเขตท่าเรืออันเก่าแก่ของโคเปนเฮเกน ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของตัวเมือง ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 ทรงรับสั่งให้สร้างท่าเรือใกล้ๆ ตัวเมืองหลวง เพื่อให้สะดวกง่ายต่อการขนย้ายสินค้า และใช้เป็นท่าเรือพาณิชย์สำหรับเรือจากทั่วทุกมุมโลกมาเทียบท่า ในวันอากาศดีๆ สามารถเลือกทานอาหารชมบรรยากาศชิลๆ
ให้ท่านได้ อิสระชอปปิ้ง ณ ถนนสตรอยก์ (Strøget)ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในโลก ร้านบนถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมืองนั้นเต็มไปด้วยแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยดี ตั้งแต่ Louis Vuitton ไปจน Urban Outfitter และ Zara ที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาแล้วกี่เมืองกี่สาขา ก็ไม่สามารถหยุดขาตัวเองไม่ให้เดินเข้าไปซ้ำได้ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือร้านของแบรนด์ดีไซเนอร์ท้องถิ่นชื่อดัง อย่าง Wood Wood, Stine Goya, Henrik Vibskov ที่ตั้งอยู่บริเวณนี้เช่นกัน
15.30 น.ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่ ท่าเรือสำราญDFDS Scandinavian Seawaysเพื่อทำการเช็คอิน DFDS ได้รับรางวัลเรือข้ามฟากชั้นนำของยุโรป Europe's Leading Ferry Operator  ในงาน World Travel Awards ประจำปี 2024 DFDS ถือเป็นเรือสำราญอันโอ่อ่าขนาดใหญ่อันทันสมัยและสะดวกสบายกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆระหว่างทางบนเรือเฟอร์รี่ เช่น เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ ร้านอาหาร สปา การแสดงโชว์ และอื่นๆเป็นต้น
(การนอนบนเรือกรุณาเตรียมกระเป๋าแยกชุดสำหรับค้าง 1 คืนเพื่อความสะดวกสบาย)
17.00 น.ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล (Oslo) ประเทศนอร์เวย์ ให้ท่านอิสระพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ หรือชมวิว สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของเดนมาร์กและนอร์เวย
19.30 น. บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารบุฟเฟต์บนเรือ เมนูซีฟู๊ดและอื่นๆอีกมากมาย
***โดยอาหารบุฟเฟต์ซีฟู๊ดทางเรือจะจัดเตรียมเมนูอาหารขึ้นอยู่แต่ละฤดูกาล***
ที่พัก DFDS Scandinavian Seaways ห้องแบบมีหน้าต่างเตียงคู่ มองเห็นวิวทะเล ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ทะเลอันน่าทึ่งของแนวชายฝั่งสวีเดนและนอร์เวย์จากห้องโดยสารที่สะดวกสบายและคุ้มค่าที่สุดพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในเคบิน

วันที่สาม ซท่าเรือกรุงออสโล • โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล • สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์  • ลานกระโดดสกี • ถนนคนเดินคาร์ลโจฮัน (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
09.45 น. เดินทางถึง ท่าเรือ ณ กรุงออสโล (Oslo port)ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ
ผ่านชม โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล (Opera house Oslo)แลนด์มาร์คสำคัญ เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ เป็นที่ตั้งของคณะอุปรากรและบัลเล่ต์ระดับชาติ อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น มีดีไซน์อแปลกดุดตาไม่เหมือนกับที่อื่นในโลก ออกแบบให้ดูเหมือนธารน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และมีสะพานที่ลาดเอียงสีขาวโพลน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้น ชม สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park) ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน Frogner เป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นไปด้วยผลงานรูปแกะสลักหินและรูปหล่อสำริดจำนวนมากกว่า 200 ชิ้นงาน ที่น่าทึ่งคือ ผลงานทั้งหมดนั้นสรรสร้างโดยศิลปิน Gustav Vigeland เพียงคนเดียว แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของตัวศิลปินเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาในการสร้างรวม 22 ปีเลยทีเดียว
ถ่ายรูปกับ ลานกระโดดสกี (Ski Jumping Holmenkollenbakken)เป็นลานกระโดดสกีขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุผู้ชมได้ถึง 30,000 คนเลย และยังได้รับรองมาตรฐานจาก สหพันธ์สกีนานาชาติ (FIS) เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันสกีในช่วงเทศกาล ซึ่งลานกระโดดสกีแห่งนี้ถูกใช้ในการแข่งขัน สกี (Holmenkollen Ski Festival) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 และในปี ค.ศ. 1980 ก็ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ที่ใช้แข่งขันสกีระดับโลก (FIS Ski Jumping World Cup) และ อิสระชอปปิ้ง ณ ถนนคนเดินคาร์ลโจฮัน (Karl Johan street)แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของนอร์เวย์ ตั้งอยู่กลางกรุงออสโล มีสินค้าทุกสิ่งอย่างให้ได้เลือกช้อป ของฝากของขวัญที่น่าซื้อก็คือ ผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ น้ำมันปลา เนยแข็งเทียนไข และของที่ระลึก เช่น เรือไวกิ้ง หรือตุ๊กตา Troll ตุ๊กตาพื้นบ้านของนอร์เวย์ เครื่องครัว พวงกุญแจ เป็นต้น สินค้าและ ของที่ระลึกต่างๆ ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจาก นอร์เวย์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก แต่ก็ จะมีช่วงลดราคาสินค้าปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์และเดือนมิถุนายน - กรกฎาคมซึ่งจะลด 50-70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เย็น  บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก  Hotel Radisson Blu Alna หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สี่:เมืองกอล • เมืองฟลอม  • ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด ( อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เดินทางต่อไปเมืองกอล (Gol) 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงซึ่งเป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งที่เป็นปากประตูสู่เขตฟยอร์ดของนอร์เวย์
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
เดินทางจากเมืองกอล ไปยัง ท่าเรือเมืองฟลอม (Flam port)นำท่าน ล่องเรือชมซองน์ฟยอร์ด (Sognefjord cruise)ที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ มีความยาวถึง 204 กม. จากทะเลเข้ามาในแผ่นดิน โดยเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะแผ่นดินของธารน้ำแข็งเมื่อหลายล้านปีก่อน ระหว่างทางจะได้พบกับหมู่บ้านเล็กๆ หลายหมู่บ้าน ด้านข้างมีภูเขา จะมีน้ำตกเล็กๆที่ไหลมาจากหน้าผาให้เราเห็นเรื่อยๆ โดยเรือจะเริ่มออกจากเมืองฟลอม (Flam port) ไปถึงท่าที่กู๊ดวาเก้น (Gudvangen port) ใช้ระยะเวลาล่องเรือประมาณ 1 ชม. 45 นาที
การล่องเรือระหว่าง ฟลอม Flam และ กู๊ดวาเก้น Gudvangen เป็นการล่องเรือชมฟยอร์ดที่สวยมากๆ ถ้าใครที่ชอบชมวิวระหว่างทางนั้นถือว่าเป็นทริปที่ห้ามพลาดเลยนะคะ
จากนั้น เดินทางถึง ท่าเรือกู๊ดวาเก้น (Gudvangen port)และเดินทางกลับสู่ เมืองฟลอม (Flam)
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก Flåmsbrygga Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่ห้า :นั่งรถไฟสายโรแมนติกฟลอมสบานา • เมืองวอส •  โรงแรม Fleischer's Hotel • สถานีรถราง Fløibanen • เมืองเก่าบริกเกิน • มาร์เก็ตสแควร์ (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
พาท่าน นั่งรถไฟสายโรแมนติกสายฟลอมสบานา (Flamsbana The Flam Railway)หนึ่งในเส้นทางรถไฟสายสวยงามและมีความสูงชันที่สุดในโลก รถไฟเริ่มต้นจาก สถานีฟลอม (Flam station)ระหว่างทางทุกท่านจะได้ชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติฟยอร์ด อันเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง เส้นทางรถไฟจะผ่านอุโมงค์, ลอดภูเขา, สะพานข้ามหุบเขาและแม่น้ำ รถไฟจะจอดให้ท่านได้ถ่ายภาพกับ น้ำตก Kjosfossen ที่งดงามตลอดฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน ตลอดจนภูมิทัศน์อันงดงามของฟยอร์ดที่มีอยู่มากมาย เปลี่ยนขบวนที่ สถานีมีร์ดาล (Myrdal station)เป็นศูนย์กลางของรถไฟสายโรแมนติก ตั้งอยู่บนความสูง 857 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลใกล้กับฟยอร์ด Aurland ที่มีภูมิทัศน์งดงามสุดสายตา จนถึงปลายทางที่ สถานีวอส (Voss station)
นำท่านเดินชมบรรยากาศ เมืองวอส (Voss)ชม โรงแรม Fleischer's Hotelตั้งอยู่ ใกล้กับทะเลสาบ Lake Vangsvatnet ที่ติดกับสถานีรถไฟสถานีวอส โรงแรมเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1864 มีอายุกว่า 150 ปี โดยคนในตระกูล Fleischer สืบต่อกันมาได้กว่า 5 รุ่นชั่วคนแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนมือให้เจ้าของอื่นคนนอก เป็นหนึ่งโรงแรมในกลุ่ม Historical Hotel  
โรงแรมนี้มีหลักฐานหนึ่งที่คนไทยที่แวะผ่านมาเมืองนี้เข้ามาชมนั่นคือ ลายพระหัตถ์ของ ร.5 พร้อมคณะผู้ติดตาม ในครั้งการเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 1907 แล้วมาประทับที่โรงแรมนี้เมื่อวันที่ 22 July 1907 โดยลายพระหัตถ์ทางโรงแรมนี้ได้ทำใส่กรอบแขวนไว้บนผนังบริเวณด้านหลังของ Reception มีลายพระหัตถ์ของ ร.5 ข้อความว่า “Chulalongkorn R, King of Siam, Bangkok” รวมถึงคณะผู้ติดตาม
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นบุฟเฟ่ต์
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์เกน(Bergen) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองลงมาจากกรุงออสโล ขึ้นชื่อว่าเป็น มรดกโลกกลางหุบเขาและสายน้ำ เนื่องมีหุบเขาล้อมรอบถึง 7 ลูก และมีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆของนอร์เวย์ จึงทำให้เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ พาทุกท่านไปที่ สถานีรถราง Fløibanen เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 มากกว่า 100 ปีแล้ว เก่าแก่มาก แต่ก็ได้มีการปรับปรุงตัวรถรางกับระบบขนส่งเองให้ดูมีรูปแบบที่ทันสมัยขึ้นตามเวลาด้วย สถานีต้นทางไปด้านบนสุด มีความสูง 320 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รถรางจะออกจากใจกลางเมือง ทุกๆ 15 นาที จะเห็นวิว Mt. Floyen (ฟลอยัน) 1 ใน 7 หุบเขาที่ล้อมรอบเบอร์เกน และ มองลงไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองและอ่าวท่าเรือเฟอร์รี่ เที่ยวชม บริกเกิน (Bryggen Hanseatic Wharf)  เป็นท่าเรือเก่าของเมืองเบอร์เกน ที่ UNESCO ได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลก ด้วยหลักฐานแสดงความสำคัญของเมืองในฐานะส่วนหนึ่งของจักรวรรดิการค้าของสันนิบาตฮันเซียติก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เคยเกิดเพลิงไหม้เผาทำลายบ้านไม้อันสวยงามของบริกเกินมาแล้วหลายครั้ง ที่นี้มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก รวมถึงจุดถ่ายรูปต่างๆ เช่น รูปปั้น Troll แถว Troll Forest Park จากนั้นนั่งรถลางกลับสู่สถานีด้านล่างเพื่อเที่ยวชม มาร์เก็ตสแควร์ (Market square)ตั้งอยู่ปลายตะวันออกเฉียงใต้ของท่าเรือหลักที่สวยงามของเมือง Bergen's มาร์เก็ตสแควร์เป็นสถานที่ที่ชาวประมงพื้นบ้านจับสัตว์น้ำได้ทุกเช้า มีสินค้าอาหารทะเลสดสดวางขายอยู่มากมาย ตลาดปลา (Torget) มีอายุมากกว่า 700 ปี
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก Clarion Hotel Admiral หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่หก: สนามบินเบอร์เกน • สนามบินออสโล • สนามบินอัลต้า • เมืองฮอนนิงสโวก • ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้าแบบ BOX SET
07.00 น. เดินทางถึง สนามบินเบอร์เกน (BGO)เพื่อทำการเช็คอิน
10.00 น. ออกเดินทางจาก สนามบินเบอร์เกน โดยสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ (SK) เที่ยวบินที่ SK260  
10.50 น. เดินทางถึง สนามบินออสโล (OSL)แวะพักรอต่อเครื่อง
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ สนามบิน
12.35 น. จากนั้นเดินทางต่อสู่ สนามบินอัลต้า (ALF)เที่ยวบินที่ SK4546
14.30 น. เดินทางถึง สนามบินอัลต้า ประเทศนอร์เวย์ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เดินทางสู่ เมืองฮอนนิงสโวก (Honningsvåg)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศเหนือที่สุดของประเทศนอร์เวย์ จัดตั้งเป็นเมืองขึ้นเมื่อปี 2539 มีพื้นที่ 1.07 ตารางกิโลเมตร มีจำนวนประชากร 2,415 คน
จากนั้น ให้ท่านได้เช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก Hotel Scandic Honningsvag หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
(โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน)
เย็น  บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
20.00 น.เดินทางสู่ ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (North Cape Hall) มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการสำรวจระบบนิเวศของภูมิภาคและของนอร์ธเคปซึ่งเป็นจุดหมายสำหรับนักเดินทางนอร์ธเคปมีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านทัศนียภาพอันงดงามของมหาสมุทรแปซิฟิก ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
คนไทยกลุ่มแรกที่ได้ชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนก็คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และคณะ เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ในปี 2450 (ค.ศ. 1907) ระหว่างที่พระองค์ได้เสด็จฯ ด้วยเรือพระที่นั่งไปยังแหลมเหนือหรือ North Cape (Nordkapp) ประเทศนอร์เวย์ ในคืนวันที่ 10 กรกฎาคม โดยในพระราชนิพนธ์ไกลบ้านได้ระบุหลักฐานดังกล่าวไว้ว่า “ที่ซึ่งได้ถ่ายรูปพระอาทิตย์เวลาสองยามนี้เรียกว่าตำบลเกาะดารเออ ละติจูด 69 ดีกรี 5 มินิตเหนือ ลองจิจูด 17 ดีกรี 35 มินิตตะวันออก รู้สึกปลื้มใจเต็มที คล้ายกับเห็นสุริยุปราคา น่าประโคมแลแจกเงิน” โดยพระองค์ได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธย จปร. และปี ค.ศ. 1907 ไว้เป็นที่ระลึกบนก้อนหินด้วย
หลังจากที่ท่านได้มาถึงแล้วท่านจะได้รับใบรับรอง Certificate ที่มีชื่อของท่าน และดื่มด่ำฉลองกับแชมเปญและเมนูไข่ปลาคาเวียร์ด้วยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก คุ้มค่ากับการเดินทางมาเยือนจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนแห่งนี้

 

วันทีเจ็ด :จับปูจักรพรรดิ • เมืองอินาริ (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น      สุดพิเศษนำท่านลงเรือ SPEED BOAT ไป จับปูจักรพรรดิ(King crab)หรือ คิงแครบ เป็นวงศ์ปูชนิดหนึ่ง มักพบในเขตน้ำเย็น เนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่และเนื้อมาก ประกอบกับมีรสชาติดี ทำให้ผู้คนนิยมรับประทาน จึงมีราคาค่อนข้างสูง

หลังจากกิจกรรมจับปูยักษ์ท่านจะได้ชิมรสชาดของปูยักษ์โดยชาวท้องถิ่นจะปรุงนำไปต้มให้ท่านได้รับประทานกันแบบสดสดเลยทีเดียว เสิร์ฟพร้อมกับขนมปัง และของหวาน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน เมนูขาปูยักษ์
** ชนิดของปูจะขึ้นอยู่กับวันที่จับได้ในวันนั้นๆ**
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองอินาริ (Inari) ระยะทาง 353 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ชายแดนของนอร์เวย์และรัสเซีย เป็นเมืองที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์ที่กว้างขวาง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดในแลปแลนด์ อินาริมีเทือกเขามากกว่า 100 แห่ง มีทะเลสาบมากกว่า 10,000 แห่ง ทะเลสาบอินาริเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศฟินแลนด์ มีความยาวประมาณ 100 กม. และทะเลสาบอินาริมีเกาะมากกว่า 3300 เกาะ

เย็น บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก Inari Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่แปด :Siida Sámi Museum • เมืองโรวาเนียมิ • หมู่บ้านซานต้าครอส • สนามบินโรวาเนียมิ • สนามบินเฮลซิงกิวันตา  (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นพาทุกท่านไปยังSiida Sámi Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Inariในหมู่บ้าน Inari เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Sámi และศูนย์ธรรมชาติ Lapland Northern Laplace Siida จัดนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรม Sámi และธรรมชาติและยังมีร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น สามารถซื้อเป็นของที่ระลึกที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
เดินทางต่อไป เมืองโรวาเนียมิ (Rovaniemi) 326 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงนั้นเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของฟินเเลนด์ ในเขตแลปแลนด์ เเละเป็นเมืองที่มีความสำคัญในระดับตำนานที่เด็กๆ ทั่วโลกต่างรับรู้กันเป็นอย่างดี เพราะที่นี่นับว่าเป็นบ้านของซานตาคลอส จึงไม่น่าเเปลกใจว่าที่นี่จะเป็นอีกเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

จากนั้น ชม หมู่บ้านซานต้าครอส (Santa Claus Village)ดินแดนตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่บนเส้น Arctic ภายในหมู่บ้านมีพิพิธภัณฑ์ของเล่นเล็กๆ ร้านอาหาร ที่พัก ร้านขายของที่ระลึก ปัจจุบัน หมู่บ้านซานตาคลอสแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สามารถมาเจอคุณลุงซานต้าตัวเป็นๆ ได้ตลอดปีและเมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณเส้น Arctic พอดิบพอดี ซึ่งเหนือเส้นนี้ขึ้นไปก็จะนับเป็นเข 9 ขั้วโลกเหนือแล้ว ฉะนั้นกิจกรรมยอดนิยมของคนที่มาเมืองนี้ก็คือการถ่ายรูปกับเส้น Arcticนี่เอง โดนเขาจะมีสัญลักษณ์แสดงชัดเจน ทั้งเสาและเส้นแบ่งเขต ท่านจะได้รับใบประกาศที่แสดงว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ข้ามเขต Arctic
ห้ามพลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับลุงซานต้าเจ้าของหมู่บ้าน และยังมีที่ทำการไปรษณีย์ สำหรับส่งของขวัญและจดหมาย ติดแสตมป์ที่ประทับตราพิเศษของหมู่บ้านซานต้า ส่งไปอวยพรคนสำคัญของคุณด้วย
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินโรวาเนียมิ (RVN) เพื่อเดินทางสู่ประเทศฟินแลนด์
22.10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเฮลซิงกิวันตา โดยสายการบินฟินแอร์ (AY)  เที่ยวบินที่ AY538
**ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง**
23.25 น.เดินทางถึง สนามบินเฮลซิงกิวันตา (HEL) ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

ที่พัก Hotel Scandic Helsinki Aviapolis หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่เก้า:โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ • จัตุรัสเซเนท  • ตลาดปลาเฮลซิงกิ • ถนน ALEKSANTERINKATU • ท่าเรือสำราญ SILJA LINE (อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ หรือ โบสถ์หิน (Rock Church)เป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแปลกกว่าที่อื่น โดยแต่ เดิมพื้นที่ของโบสถ์นี้เป็นเนินเขา และผู้ออกแบบได้ใช้วิธีสร้างโบสถ์ที่น่าสนใจ คือระเบิดเนินหินตรงกลาง เพื่อสร้าง โบสถ์ในนั้น โบสถ์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น โบสถ์แห่งความรัก และมีความเชื่อว่าเมื่อใครก็ตามจุดเทียน อธิฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้แล้วจะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐาน คนฟินแลนด์มีความเชื่อเรื่องนี้ เนื่องจากโบสถ์นี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 และเสร็จเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป เดินทางสู่ จัตุรัสเซเนท (Senate Square) ถ่ายภาพอาคารที่น่าตื่นตาตื่นใจรอบๆ จัตุรัสขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของการเมือง ศาสนาและวิทยาศาสตร์ในเมืองนี้ จัตุรัสขนาดใหญ่เป็นการอุทิศให้กับการออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิกสมัยศตวรรษที่ 19 ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ที่บริเวณนั้น หอสมุดแห่งชาติเฮลซิงกิ (HelsinkiCentral library)หน้าอาคารภายนอกสีเหลือง เสาสีขาวและโถงกลมตรงกลาง ในมุมตะวันออกเฉียงใต้ของจัตุรัสคือบ้านของเซเดร์โฮล์ม ซึ่งเป็นอาคารหินที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง

เดินทางสู่ ตลาดปลาเฮลซิงกิ (Helsinki Fish Market)เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ อาณาจักรแหล่งอาหารสดใหม่ทั้งของทะเล ที่พลาดไม่ได้เลยคือปลาแซลมอนที่มีความสดมาก ให้เลือกหลายอย่าง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งถนน ALEKSANTERINKATUถนนสายที่สำคัญ เป็นถนนที่มีความยาวที่สุดของเมือง ทั้งสองฝั่งถนนนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าขายของแบรนด์ดังต่างๆ และร้านอาหารอีกมากมายที่ดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก Aleksanterinkatu นับเป็นถนนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลย

15.30 น.ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่ ท่าเรือสำราญ Helsinki portเพื่อเช็คอิน Silja Line เรือสำราญข้ามคืนฟินแลนด์และสวีเดน เป็นบริษัทเรือสําราญและขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบอลติก
(การนอนบนเรือกรุณาเตรียมกระเป๋าแยกชุดสำหรับค้าง 1 คืนเพื่อความสะดวกสบาย)
17.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงสต็อกโฮล์ม (Stockholm) ประเทศสวีเดนให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือมากมาย ร้านอาหาร สปา การแสดงโชว์ และอื่นๆ
19.30 น. รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารบุฟเฟต์บนเรือ เมนูซีฟู๊ดเครื่องดื่มเช่นเบียร์ไวน์และอื่นๆ
ที่พัก Hotel Tallink Silja ferry ห้องแบบมีหน้าต่างเตียงคู่ มองเห็นวิวทะเล เพลิดเพลินกับการล่องเรือข้ามฟากข้ามคืนและกับการเดินทางข้ามทะเลบอลติกระหว่างเฮลซิงกิและสตอกโฮล์ม

วันที่สิบ :กรุงสต็อกโฮล์ม • ศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม •  สถานีรถไฟใต้ดินกรุงสตอกโฮล์ม •  Stadshuskällaren •  แกมล่าสแตน • ถ่ายรูปกับพระราชวังหลวง • มงกุฎสีทอง บนสะพาน Skeppsholmen Bridge • พิพิธภัณฑ์เรือวาซา(อาหาร เช้า /กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
09.30 น.เดินทางถึงท่าเรือ ณ กรุงสต็อกโฮล์ม (Stockholm)ประเทศสวีเดน นำท่านชม ศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม  (Stockholm City Hall)ศาลาว่าการ เมืองสตอกโฮล์ม ใช้เวลาสร้างถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของสวีเดน คือ Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อน และมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 และทุกๆ วันที่ 10 ของเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีพิธีเลี้ยงรับรองผู้ได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Prize)

เดินทางสู่ สถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกกรุงสตอกโฮล์ม (StockholmMetro)เสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะใต้ดินที่ใหญ่ และยาวที่สุดในโลก เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1950 ปัจจุบันมีจำนวน 100 สถานี โดยเป็นสถานีใต้ดิน 47 สถานี และยกระดับ 53 สถานี มีจำนวน 10 เส้นทาง จัดเป็นกลุ่มสาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสายสีน้ำเงิน แดง และเขียว มีระยะทางยาวกว่า 110 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสถานี จะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีธีมโดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ลวดลายสวยงาม ทั้งสวย ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจ ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินกว่า 150 คน
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
อิสระชอปปิ้งย่าน แกมล่าสแตน Gamla Stan Areaหรือ Old Town เป็นย่านเมืองเก่าที่อยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นอีกที่หนึ่งที่ผู้มาเยือน Stockholm ก็มักจะแวะมา "Gamla Stan" ในภาษาสวีเดน แปลว่า เมืองเก่า ที่นี่มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งเมืองสตอกโฮล์ม เป็นส่วนที่เก่าแก่และล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในเมืองเลยทีเดียวผสมผสานกับความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แวะถ่ายรูปกับพระราชวังหลวง Royal Palace  บริเวณแถบพระราชวัง มีตรอกซอกซอยต่าง ๆ เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านของขายที่ระลึกถ่ายภาพรูปกับมงกุฎสีทอง บนสะพาน Skeppsholmen Bridgeเป็นสะพานใจกลางเมืองหลวงกรุงสตอกโฮล์ม โดยเชื่อมต่อจาก Blasieholmen มายังเกาะ Skeppsholmen ตัวสะพานนั้นมีความยาว 165 เมตร และกว้าง 9.5 เมตร มงกุฎสีทองมักจะเห็นในโปสการ์ดของสวีเดน เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยมีภาพเมืองเก่าปรากฏเป็นฉากหลัง

จากนั้น ชม พิพิธภัณฑ์เรือวาซา (Vasa Museum) เป็นเรือที่ถูกกู้ขึ้นมาในศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสามารถรักษาชิ้นส่วนเดิมของเรือไว้ได้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์และตกแต่งประดับประดาด้วยรูปแกะสลักนับร้อยชิ้น เรือ Vasa เป็นทรัพย์สมบัติทางศิลปะที่โดดเด่นและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เรือลำนี้ถูกจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงเรือลำนี้ในเมืองสตอกโฮล์ม ยังมีภาพยนตร์เกี่ยวกับเรือวาซาซึ่งคุณสามารถรับชมได้ 16 ภาษา
เย็น   บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Quality Hotel Globe หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สิบเอ็ด :ท่าอากาศยานสตอกโฮล์มอาร์ลันดา(อาหาร เช้า)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่ สนามบินสต็อกโฮล์ม-อาร์ลันดา (ARN)เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ มีเวลาให้ท่านได้ทำ TAX REFUND คืนภาษีก่อนการเช็คอิน

13.50 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯโดยสายการบินไทย (TG) เที่ยวบินที่ TG 961
บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 50 นาที **

วันที่สิบสอง :สนามบินสุวรรณภูมิ • กรุงเทพ

05.50 น.  เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ  โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

วันเดินทาง

จำนวน

ผู้ใหญ่

เด็กอายุ
ต่ำกว่า 12 ปี
พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

เด็กอายุ
ต่ำกว่า 12 ปี
พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง)

พักเดี่ยวเพิ่ม

22 ก.ค. – 02 ส.ค. 67

26+1

219,999

219,999

218,999

+25,900

Visitors: 153,814