ทัวร์ซาอุดิอาระเบีย แกรนด์ทัวร์ 9วัน เดินทาง ตุลาคม 2568 - มีนาคม 2569 | สายการบิน ซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ส (SV)
รหัสสินค้า : CJN_H002_SAUDIARABIA 9D Oct 25-Mar 26 SV
ราคา |
189,900.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 189,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
ซาอุดิอาระเบีย แกรนด์ทัวร์ | 9 วัน
บินตรงสู่เจดดาห์ // ริยาด + บินภายใน
ราคา: เริ่มต้น 189,900 บาท (รวมวีซ่า และทิปทุกอย่างแล้ว)
โดยสายการบิน: Saudi Arabian Airlines (SV)
•ริยาด •หมู่บ้านมรดกโลก อัดดิรอียะฮ์ •เมืองโบราณอัลอาชาร์ •ป้อมมัสมัค •เมดินา •อัลอูลา •เมืองโบราณเฮกรา •หินช้าง (Elephant Rock) •ตึกกระจก •เมืองมรดกโลกเฮกครา •เจดดาห์ Dune Safari •เมืองมรดกโลกอัล บาลัด •รถไฟความเร็วสูง (High Speed Train)
**พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว
เดินทาง: ตุลาคม 2568 – มีนาคม 2569
หมายเหตุ: สอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
#ซาอุดิอาระเบีย #ตะวันออกกลาง
ซาอุดิอาระเบีย แกรนด์ทัวร์
โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก กรุงเทพ – เจดดาห์ (พักค้าง 2 คืน)
23.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินซาอุดิอาระเบีย อาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินสุวรรณภูมิ สัมภาระน้ำหนัก 23 กก. สำหรับโหลด (ท่านละ 1 ใบ) และ ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก.
วันที่สอง เจดดาห์ – แหล่งมรดกโลกอัล บาลัด – อัลเทยาบัท
01.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอะราเบีย โดยสายการบินซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ SV 849 (ใช้เวลาบินประมาณ 9.10 ชั่วโมง)
06.25 น. เดินทางถึงสนามบินเจดดาห์ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก กระเป๋าฝากไว้ในโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมเมืองมรดกโลกอัล บาลัด (Al Balad UNESCO) เมืองนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกและเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด ถนนคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตซอกแซกไปตามบ้าน มัสยิด และตลาดกลางแจ้งต่างๆ ที่อยู่ในจุดเล็กๆ ของเมือง นำท่านแวะถ่ายรูปกัลประตู Bab al Makkah หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Makkah Gate ซึ่งสร้างเอาไว้เพื่อต้อนรับผู้แสวงบุญที่เดินทางไปยังเมืองเมกกะ (Mecca) จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์นาซีฟ (Naseef House) หนึ่งในบ้านสีแสดที่โด่งดังของเมืองนี้ที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1872 Sheikh Omar Effendi Nassif ผู้ปกครองของเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ในสมัยนั้นเป็นผู้สร้างแมนชั่นที่มี 106 ห้องแห่งนี้ขึ้น ที่แมนชั่นแห่งนี้จะมีทางลาดที่ค่อนข้างกว้างเอาไว้สำหรับให้อูฐขึ้นไปส่งสารข้อความและเสบียงให้สำหรับทั้ง 5 ชั้นของบ้าน นำท่านเที่ยวชมตลาด Suq Al Alawi, Al-Balad เพื่อซื้อของฝาก เช่น เครื่องเพชรพลอยสีแสด เครื่องหนัง และอื่นๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองอัล เทยาบัท (Al Tayebat International City) สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์ให้เดินเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมสิ่งของที่น่าสนใจที่สุดในประเทศ และยังมีสกุลเงิน เฟอร์นิเจอร์โบราณ อาวุธโบราณและต้นฉบับของคัมภีร์อัลกุลอานและสถานที่แห่งนี้ยังจัดแสดงบ้านจำลองจากทุกภูมิภาคของซาอุดิอาระเบียอีกด้วย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel Jeddah ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่สาม เจดดาห์ - ทัวร์ทะเลทราย (Dune Safari) - ขี่อูฐชมทะเลทราย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชม Our days of Bliss Magad พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้างของเครื่องใช้และการตกแต่งบ้านของชาวพื้นเมือง ตลอดจนสกุลเงินที่ใช้ในประเทศแต่ละยุคสมัย ได้เวลานำท่านสู่ถนนเลียบทะเลเจดดาห์ (Jeddah Corniche) เป็นเขตริมน้ำของเมือง นอกจากมีแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งร้านอาหารแล้ว ยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฟาเกียะฮ์ (Fakieh Aquarium) มัสยิดลอยน้ำ (Floating Mosque) และ น้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahd’s Fountain) อีกด้วย บริเวณทางเดินริมทะเลเหมาะสำหรับการเดินเล่นหรือนั่งเล่น นำท่านแวะถ่ายรูปกับมัสยิด Masjid Al Rahma หรือ Al Rahma Mosque หรือเป็นที่รู้จักในชื่อว่า มัสยิดลอยน้ำ (Floating Mosque) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1985 การออกแบบของการก่อสร้างทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูเหมือนลอยอยู่ในทะเลแดง (Red Sea) มัสยิดแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่สวยงามของสถาปัตยกรรมแบบอิสลามและคุ้มค่าที่จะแวะไปเยี่ยมชม ช่วงที่น้ำขึ้นสูงจะทำให้เราได้ภาพที่เหมือนมัสยิดลอยน้ำอยู่จริงๆ และจะทำให้ภาพสวยขึ้นไปอีกหากมีแสงกระทบกับผิวน้ำช่วงฟ้าสางหรือพลบค่ำ จากนั้นนำท่านชมน้ำพุกษัตริย์ฟาฮัด (King Fahd’s Fountain) เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1985 น้ำพุแห่งนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง และน้ำพุแห่งนี้พ่นน้ำสูงถึง 312 เมตรจึงเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก สายน้ำจากน้ำพุที่น่าประทับใจแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากจุดต่างๆทั่วเมือง เจดดาห์ (Jeddah) น้ำพุนี้จะดึงน้ำมาจากทะเลแดง จึงสามารถทำความเร็วได้สูงกว่า 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ Red Sea Shopping Mall อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า และ ช้อปปิ้งได้ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ตลาด Gabel Street Souq (Qabel Trail) ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเหมาะกับการชอปปิ้ง หาของทานเล่น หรือดื่มด่ำกับประสบการณ์ตะวันออกกลางที่แท้จริง ในตลาดมีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น น้ำหอม รองเท้าและกระเป๋าหนัง และเครื่องเพชรพลอย และที่ตลาดนี้ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังมีคนในท้องถิ่นที่แวะมาซื้ออาหารและของใช้ในครัวเรือนที่จำเป็นอีกด้วย
15.00 น. นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถ 4x4 WD สนุกสนานกับกิจกรรม Dune Safari ท่ามกลางทะเลทรายแห่งซาอุดิอาระเบีย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูป หรือจะเลือกขี่อูฐ (กิจกรรมขี่อูฐรวมในค่าทัวร์แล้ว) หรือ เล่นกระดานโต้คลื่นจากเนินทรายสูง ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนกว้างไกลของทะเลทราย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ BBQ Dinner
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel Jeddah ***** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่สี่ เจดดาห์ – เมดินา – นั่งรถไฟความเร็วสูง สู่เมืองเมดินา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
07.00 น. นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟ High Speed Train (HHR Hi Speed Train) เพื่อสัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟหัวจรวดความเร็วสูง หรือที่รู้จักกันในนามรถไฟตะวันตกหรือเมกกะ-Medina รถไฟความเร็วสูงสายซาอุดิอาระเบีย เชื่อมโยงเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในเมดินาและเมกกะผ่านเมืองเศรษฐกิจคิงอับดุลลาห์โดยใช้สายหลัก 449.2 กิโลเมตร (279.1 ไมล์) และการเชื่อมต่อสาขา 3.75 กิโลเมตร (2.33 ไมล์) ไปยังสนามบินนานาชาติคิงอับดุลลาซิซ (KAIA) ในเจดดาห์ รถไฟสายนี้ออกแบบมาสำหรับความเร็วสูงสุด 186 ไมล์ต่อชั่วโมง (299 กม. / ชม.) ซึ่งจากเมืองเจดดาห์ ไป เมดินา
08.32 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟเจดดาห์
10.53 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟเมดินา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Al Masjid Nabawi Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่ที่มีความสวยงามแห่งเมืองเมดินา (อนุญาตให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าเท่านั้น) เป็นมัสยิดที่ก่อตั้งและสร้างสรรค์โดยศาสดาของศาสนาอิสลาม Prophet of Islam Muhammad ตั้งอยู่ในเมือง Medina ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นมัสยิดแห่งที่ 3 ที่สร้างขึ้นในประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม และในปัจจุบันก็กลายเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสองในศาสนาอิสลาม รองจากมัสยิด Masjid al-Haram ในเมือง Mecca และที่นี่ยังเป็นที่ฝังศพของท่านนบีมุฮัมมัดอีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมดินา (Medina Museum) ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมในเมืองเมดินา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรม Le Meridien Hotel Medina ***** หรือ เทียบเท่า
วันที่ห้า เมดินา – อัลอูลา – ตึกกระจก – หินช้าง
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองอัลอูลา (Al Ula) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกท่ามกลางทะเลทราย คือแหล่งโบราณสถานเฮกรา (Hegra Archaeological Site) หรือมะดาอินศอเลียะห์ หรืออัลฮิจญร์ ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabatean Kingdom) เป็นอารยธรรมยุคเดียวกับเปตรา เมืองหินแกะสลักโบราณในประเทศจอร์แดน โบราณสถานแห่งนี้มีทั้งสุสานโบราณ หินธรรมชาติรูปทรงแปลกๆ กลางทะเลทราย ภาพวาดบนผนังถ้ำ และสิ่งก่อสร้างอีกมากมายที่ไดรับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านชมตึกกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Maraya) ณ กลางทะเลทรายหุบเขาอัชชาร์ (Ashar Valley) สิ่งก่อสร้างใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีแค่การต่อยอดแรงบันดาลใจจากหินทราย หรืออิงสถาปัตยกรรมตามอารยธรรมโบราณประจำถิ่นเท่านั้น แต่ที่อัลอูลายังมีอาคารยุคมิลเลนเนียมสุดโมเดิร์นที่ชื่อ มารายา (MARAYA) ตั้งอยู่ที่หุบเขาอาชาร์ที่มีแท่งหินรูปทรงต่างๆ MARAYA เป็นภาษาอาราบิก แปลว่า กระจก แนวคิดในการก่อสร้างที่ใช้วัสดุค่อนข้างแตกต่างจากอาคารทั่วไปในเมืองมาจากสถานะตามประวัติศาสตร์ของอัลอูลาที่เป็นจุดนัดพบทางอารยธรรมต่างๆ มากว่าหลายพันปีตัวอาคารถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแลนด์มาร์กของอัลอูลา ในแง่การสร้างสรรค์งานด้านวัฒนธรรม โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมอบหมายงานออกแบบให้ Florian Boje สถาปนิกและนักออกแบบชาวอิตาลีแห่งบริษัท Giò Forma MARAYA โดดเด่นด้วยตัวอาคารรูปทรงกล่องลูกบาศก์ติดกระจกทั้งหลัง มีพื้นที่ 9,740 ตารางเมตรและได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊กเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 ให้เป็นอาคารกระจกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และด้วยความที่ตัวอาคารติดกระจกใสทั้งหลังตั้งอยู่กลางทะเลทรายที่มีแต่พื้นทรายและภูเขาหินน้ำตาลแดง MARAYA จึงไม่ต่างจากชิ้นงานศิลปะอินสตอเลชันอาร์ตที่สะท้อนเงาของทิวทัศน์ภูเขาแท่งหินที่อยู่รายรอบ
นำท่านเดินทางสู่หินรูปช้าง (Elephant Rock) สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก หินรูปช้างสูง 52 เมตร หินที่เกิดจากธรรมชาติแห่งนี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับงวงช้างซึ่งล้อมรอบไปด้วยหินขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเสาหินอนุสาวรีย์ที่มีเป็นร้อยๆ ก้อน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย
นำท่านแวะถ่ายรูปกับสถานีรถไฟอัลอูลา (Alula Railway Station) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟโบราณที่เชื่อมทางรถไฟมาจากเมืองเมดินา เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟ Hijaz Railway station ซึ่งมีแผนสร้างทางรถไฟยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1900 และสร้างถึงเมืองเมดินาในปี 1908 และถึงเมืองดามัสกัสในปี 1913 อย่างไรก็ดีทางรถไฟสายนี้ ก็ไม่สามารถสร้างแล้วเสร็จอันเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sahary Alula Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
วันที่หก แหล่งโบราณสถานเฮกรา – ปราสาทเดียวดาย – เมืองโบราณดาดัน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมือง อัลอูลา เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดบนคาบสมุทรอาระเบียที่มีหลักฐานทางโบราณคดีย้อนอายุไปได้กว่า 7,000 ปี อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรโบราณถึง 2 อาณาจักรด้วยกัน คือ ดาดัน (Dadan) และ ลิยัน (Lihyan) ไม่เพียงเท่านั้นด้วยทำเลที่ตั้งยังทำให้เมืองนี้มีความสำคัญด้านการค้าในฐานะอดีตเส้นทางค้าขายกำยานและธูปหอม เชื่อมดินแดนจากทางใต้ของคาบสมุทรอาระเบียไปจนถึงดินแดนอียิปต์ นำท่านเที่ยวชมเมืองโบราณเฮกรา (Hegra หรือชื่อภาษาอาหรับ Al-Hijr / Mada’in Salih) เป็นเมืองแห่งอารยธรรมยุคราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabataean Kingdom) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของนครเพตรา มหานครแห่งอารยธรรมแนบาเทียซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทหินทรายสีชมพูอันเลื่องชื่อในเขตประเทศจอร์แดนปัจจุบั เฮกรา ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของ ซาอุดีอาระเบีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2008 และเป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลา ตัวเมืองโบราณเฮกรามีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ มีหลักฐานว่ามีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อกว่า 2,200 ปีก่อน และเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 200 ปีหลังคริสตกาล ส่วนปัจจุบันสิ่งที่หลงเหลือเป็นมรดกที่ชวนตื่นตา ได้แก่ สถาปัตยกรรมสลักหินหรือภูเขาหินซึ่งกระจัดกระจายอยู่กลางทะเลทราย สันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมสลักจากหินเป็น “สุสานของชนชั้นปกครอง” สมัยอาณาจักรแนบาเทียและที่น่าทึ่งก็ทีสุสานเหล่านี้มีมากกว่า 111 แห่ง แต่ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มีราว 94 แห่ง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสลักเสลาลวดลายหน้าประตูบนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่อย่างวิจิตร ในบรรดาสุสานหินกลางทะเลทรายเมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลที่ย่านสุสานหิน Mada’in Salih ในอาณาเขตเมืองโบราณเฮกรานั้น “สุสานของบุตรแห่งคูซา” (Tomb of Lihyan Son of Kuza) หรือฉายา ปราสาทแห่งความเดียวดาย (The Lonely Castle แปลจากภาษาอาหรับ Qasr Al Farid) ถือเป็นไฮไลต์ของสุสานหินที่สลักจากภูเขาหินทรายทั้งลูก เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมแบบแนบาเทีย (Nabataean อารยธรรมที่สร้างนครเพตรา) ที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองมรดกโลกเฮกรา จากปริศนาในกรรมวิธีการสลักเสลาหน้าผาหินจากส่วนบนลงล่าง เป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครอง ในยุคอารยธรรมของชาวนาบาเทียนและชาวลิยัน ช่วงอาณาจักรแนบาเทียและลิยันรุ่งเรือง จุดนี้ยังเป็นแลนด์มาร์กของการท่องเที่ยวที่ในบางโอกาสมีการจัดแสดงแสงสีเหนือสุสานให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นไฮไลต์ของทัวร์มรดกโลกเมืองโบราณเฮกราด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโบราณดาดัน ใจกลางเขตโอเอซิสกลางหุบเขา ซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานและหลักฐานที่แสดงที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรดาดัน (Kingdom of Dadan) ช่วงราว 800-900 ปีก่อนคริสตกาล อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรลิยัน (Kingdom of Lihyan) ช่วงราว 500-200 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวได้ว่าอารยธรรมดาดันเป็นอารยธรรมเก่าแก่ของดินแดนอาหรับโบราณ และเป็นอารยธรรมเก่าที่สุดที่ค้นพบหลักฐานการดำรงอยู่ในเมืองอัลอูลา ไฮไลต์ในเมืองดาดันคืองานแกะสลักภูเขาหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ที่ เรียกว่า สุสานสิงโต หรือ Lion’s Tombs ซึ่งมีบันไดจากพื้นราบขึ้นไปสู่ตัวสุสานด้านบน สันนิษฐานว่าสุสานหินสีน้ำตาลแดงที่สลักเป็นรูปสิงโต 2 ตัวอยู่ด้านหน้าทางเข้าของปราสาทที่ใหญ่โตเป็นภูเขากลางที่ราบนี้น่าจะเป็นสุสานของชนชั้นผู้ปกครองอาณาจักรสมัยนั้น จารึกบนผาหินขนาดใหญ่สามารถพบเจอได้ทั่วเมืองอัลอูลา มีทั้งตัวอักขระโบราณหลากหลายภาษา จารึกบางชิ้นสามารถย้อนไปได้ไกลถึงยุคก่อนเกิดภาษาอาหรับ ตอกย้ำความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของอัลอูลา โดยจารึกบนผาหินที่สำคัญได้แก่บริเวณ ภูเขายามาล อิกมะห์ (Jabal Ikmah) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโบราณดาดัน ด้วยความที่บริเวณภูเขายามาล อิกมะห์พบจารึกบนผาหินจำนวนมาก ภูเขายามาล อิกมะห์จึงได้ฉายาว่า ห้องสมุดกลางแจ้ง เป็นห้องสมุดขนาดมหึมาที่มีการจารึกบนผาหินด้วยอักขระกว่าหลายร้อยตัวผสมผสานกับงานสลักหินเป็นรูปต่างๆ เป็นทางยาว เล่าเรื่องราวสะท้อนพิธีกรรม เช่น ภาพเครื่องดนตรี รูปร่างมนุษย์และสัตว์ สะท้อนวิถีชีวิตชาวลิยันและชาวดาดัน ที่ก่อร่างสร้างอารยธรรมในแถบนี้เมื่อราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sahary Alula Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่เจ็ด อัลอูลา – ริยาด (บินภายใน) – Edge of the World
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอัลอูลา
11.40 น. ออกเดินทางสู่เมืองริยาด โดยเที่ยวบิน SV1575 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง
13.25 น. เดินทางถึงสนามบินริยาด
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันแบบ lunch box
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ทะเลทราย Edge of the World หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jebel Fihrayn อยู่ห่างจากกรุงริยาด 90 กม. และมีหน้าผา Tuwaiq อันกว้างใหญ่ซึ่งทอดยาวกว่า 600 กม. บนหน้าผาสูง 300 เมตร ผ่านทางตอนกลางของซาอุดิอาระเบีย และครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางคาราวานการค้าโบราณ ที่ใช้ข้ามคาบสมุทรอาหรับจากเยเมนไปยังลิแวนต์ และเปอร์เซียในอดีตนั่นเอง ด้วยความอลังการของทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมมากที่สุดในซาอุดิอาระเบีย อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายรูปตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงริยาด นำท่านแวะถ่ายรูปกับ Kingdom Center Tower เป็นสูงและเป็นจุดศูนย์กลางแห่งเมืองรียาด นำท่านขับรถเที่ยวชมเมืองหลวงที่คราคร่ำไปด้วยตึงสูงทันสมัยหลายตึก จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ King Kalid Grand Mosque สุเหร่าสีขาวที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของซาอุดิอาระเบีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Crown Plaza Hotel Riyadh***** หรือเทียบเท่า
วันที่แปด รียาด – หมู่บ้านมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์ – ป้อมโบราณมัสมัค – สุเหร่า อัลราจิ แกรนด์มอสค์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์ (Al Diriyah) ตั้งอยู่ชานเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง รียาด (Riyadh) และเป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เมืองนี้เป็นเมืองหลวงเก่าของซาอุดิอาระเบียและเป็นบ้านของครอบครัว Al Saud นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความทันสมัยและความเป็นประวัติศาสตร์ของตัวเมือง ด้านที่เป็นความทันสมัยจะมีคาเฟ่ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถข้ามสะพานถนน Wadi Hanifah ไปยังเขต Al Turaif ที่มีที่พักอาศัยของราชวงศ์โบราณ พิพิธภัณฑ์ Diriyah Museum และชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์อีกมากมายของเมือง Ad Diriyah จากเขต Al Turaif นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของแหลางมรดกโลกอัดดิรอียะฮ์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเข้าชมป้อมปราการมัสมัค (Masmak Fortress) กองทหารรักษาการณ์เก่าที่คอยปกป้องประเทศมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของความสวยงามด้านนอกที่ีเป็นป้อมปราการดิน ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นคลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์ และหลังจากที่โดน Ibn Saud โจมตีป้อมปราการในปี ค.ศ. 1902 สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นเรือนจำแทน นำท่านเข้าชมพระราชวังประวัติศาสตร์มูร์รับบา (Murabba Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่โด่งดังในเมืองรียาด พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์และสร้างในสไตล์ Najdean ซึ่งได้มีการจัดแสดงของใช้ส่วนตัว ของที่ระลึกและพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์ นอกจากนั้นจะได้เห็นรถโรลส์-รอยซ์ของกษัตริย์ที่ท่านได้รับเป็นของขวัญจากนายกรัฐมนตรีชาวอังกฤษ วินสตันเชอร์ชิลล์ในปี ค.ศ. 1946 อีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) เพื่อย้อนรอยประวัติศาสตร์ ชีวิตความเป็นอยู่ และ ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับสุเหร่า อัลราฮิด (Al Rajhi Grand Mosque) ซึ่งเป็นสุเหร่าใหญ่ประจำกรุงรียาด (ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปในสุเหร่าแห่งนี้)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
23.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินริยาด เพื่อเชคอิน
วันที่เก้า เจดดาห์ – กรุงเทพ
02.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน SV846 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.55 ช.ม.)
13.40 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
*****Travel Around the World by Chic Journey*****
หมายเหตุ : โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพลม ฟ้า อากาศ การจราจร และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทาง
ราคาทัวร์ 189,900 บาท : 22-30 ต.ค. 68 / 3-11 ธ.ค. 68 / 21-29 ม.ค. 69 / 18-26 ก.พ. 69 / 11-19 มี.ค. 69
ราคาทัวร์ 199,900 บาท : 24 ธ.ค. – 1 ม.ค. 69
อัตราค่าบริการ |
ต.ค. 68 - มี.ค. 69 |
ปีใหม่ |
ผู้ใหญ่พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือ เด็กอายุมากกว่า 11 ปีบริบูรณ์ พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือพัก 3 ท่านต่อห้อง |
189,900 |
199,900 |
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ |
32,000 |
38,000 |
เด็กอายุ 2-11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่านไม่เสริมเตียง |
179,900 |
189,900 |
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์(TG) เริ่มต้นที่ท่านละ (ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง confirm เท่านั้น) |
110,000 – 160,000 |