ทัวร์เลห์ ลาดักห์ พ.ค.-ต.ค.67บิน TG 9วัน 7คืน มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม 2567:INDIA PREMIUM
รหัสสินค้า : CJN-H002TG-9D-LEHLADAKH
ราคา |
99,900.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 99,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
ราคา: เริ่มต้น 99,900.-บาท
โดยสายการบิน : Thai Airways (TG)
เดลี •เมืองเลห์ •วัดลิคีร์•วัดอัลชิ •เมืองลามายูรู•วัดลามายูรู •อารามบาสโก•เนินเขาแมกเนติก•จุดชมวิวซันกัม •ทะเลสาบแปงกอง •วัดเฮมิส •วัดธิคเซย์ •เมืองเชย์ •พระราชวังเชย์ •พิพิธภัณฑ์สตอคพาเลส •นูบรา วัลเลย์ •สัมผัสกับการขี่อูฐ •ประตูชัยอินเดีย •กุตับ มีนาร์ •ตลาดจันพาธ
**รวมค่าวีซ่าและทิปทุกอย่างแล้ว พักโรงแรม 4 ดาว
เดินทาง : พฤษภาคม - ตุลาคม 2567
หมายเหตุ **รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น กรุณาเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
วันแรก:กรุงเทพมานคร - เดลี
04.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน แถว D ประตู 2 เคาน์เตอร์สายการบินไทยอาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
07.35 น. ออกเดินทางสู่เมืองเดลี (DEL) ประเทศอินเดีย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG323(ใช้เวลาบินประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
10.35 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลี (เวลาอินเดียช้ากว่าไทยประมาณชั่วโมงครึ่ง) นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางชมสวามีนารายัณอักษรธาม (Swaminarayan Akshardham) เป็นโบสถ์พราหมณ์และศูนย์รวมด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในนิวเดลี ประเทศอินเดีย หนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่สะท้อนให้เห็นสถาปัตยกรรมและขนบธรรมเนียมของอินเดีย ทั้งยังให้ความรู้แก่ผู้มาเยือนเกี่ยวกับมรดกและความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของชาวฮินดู อักษรธามมนเทียร (Akshardham Temple) และ เดลีอักษรธาม ภายในหมู่อาคารเป็นการแสดงถึงวัฒนธรรม จิตวิญญาณ และสถาปัตยกรรมของศาสนาฮินดูทั้งแบบจารีตและแบบร่วมสมัย มนเทียรได้รับแรงบันดาลใจมาจากโยคีจี มหาราช และสร้างสรรค์โดยประมุขสวามีมหาราช ก่อสร้างโดยบีเอพีเอส[3] (BAPS) สวามีนารายัณอักษรธามสาขาเดลีนั้นคล้ายเคียงกับอักษรธามแห่งก่อนที่คานธีนคร, รัฐคุชราต ภายในแสดงนิทรรศการและเรื่องราวเกี่ยวกับสวามีนารายัณ ผู้ออกแบบได้ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสานสมัยใหม่ในการสร้างสรรค์นิทรรศการต่าง ๆ สร้างขึ้นทั้งหมดจากหินทรายสีชมพู Rajasthani และหินอ่อนสีขาว Carrara ของอิตาลี ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความบริสุทธิ์และความสงบสันติ วัดแห่งนี้มีความสูง 43 เมตร (141 ฟุต) และยาว 108 เมตร (356 ฟุต) ในเนื้อที่ 40 เฮกตาร์ (100 เอเคอร์) ตามแนวทางสถาปัตยกรรมฮินดูแบบดั้งเดิม วัดแห่งนี้ไม่ใช้โลหะเหล็ก ดังนั้นจึงไม่มีการรองรับจากเหล็กหรือคอนกรีต
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel Airport**** หรือเทียบเท่า
วันที่สอง:เดลี - เลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
07.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองเดลี
10.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเลห์ (IXL)ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ SG123(ใช้เวลาบินประมาณ 1.25 ชั่วโมง)
11.40 น. เดินทางถึงสนามบินเลห์ นำท่านสู่โรงแรมที่พัก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเลห์ (Leh)เป็นเมืองในดินแดนลาดักของประเทศอินเดีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงร่วมของลาดัคห์ และยังเป็นเมืองหลวงทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรลาดักอีกด้วย ตั้งอยู่บนความสูง 3,524 เมตรจากระดับน้ำทะเล เลห์เป็นจุดแวะพักที่สำคัญบนเส้นทางการค้าตามแนวลุ่มแม่น้ำสินธุระหว่างทิเบต แคชเมียร์ อินเดีย และจีนมานานหลายศตวรรษ สินค้าหลักที่ขนส่ง ได้แก่ เกลือ ธัญพืช ผ้าแพชม์หรือผ้าขนสัตว์แคชเมียร์ Charas หรือเรซินกัญชาจากลุ่มน้ำ Tarim สีคราม เส้นด้ายไหม และผ้าบานารัส ประชากรส่วนใหญ่ในเลห์สืบเชื้อสายจากชาวทิเบต พูดภาษาลาดักซึ่งเป็นภาษาทิเบตตะวันออก ส่วนชาวมุสลิมเป็นประชากรที่อพยพเข้ามาในยุคหลัง นำท่านเดินทาง ชมศานติ สตูปา (Shanti Stupa)เป็นสถูปในศาสนาพุทธตั้งอยู่บนยอดเขาในจันสปา (Chanspa) อำเภอเลห์ ลาดัก ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1991 โดยภิกษุชาวญี่ปุ่น เคียวเมียว นาคามูระ ภายในพระสถูปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าซึ่งอัญเชิญมาประดิษฐานโดยองค์ทะไลลามะที่สิบสี่ ศานติสถูปเป็นแนวคิดของนิชิดัตซุ ฟูจิอิ เพื่อแสดงเป็นสัญลักษณ์แทนสันติภาพในสมัยปัจจุบัน สถูปมีตั้งภาพถ่ายของทะไลลามะ และที่ฐานประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ องค์สถูปมีความสูงสองชั้น ชั้นแรกประดับด้วยรูปธรรมจักรกับกวางหมอบ และมีพระพุทธรูปทองคำประทับบนอาสนะแทนช่วงเวลาของ “การหมุนกงล้อธรรมจักร” ชั้นที่สองมีภาพแกะสลักนูนต่ำที่แสดงพระพุทธเจ้าในปางต่าง ๆ ได้แก่ ประสูติ, มารวิชัย และปรินิพพาน ศานติสถูปนี้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนสันติภาพในโลก รวมถึงฉลองการครบรอบ 2500 ปีของพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันดีระหว่างอินเดียกับญี่ปุ่น หลังจากนั้นนำท่านเดินทาง ชมพระราชวังเลห์ (Leh Palace) เป็นอดีตพระราชวังหลวงที่มองเห็นเมืองเลห์ในลาดัก ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1600 โดย Singay Namgyal พระราชวังแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเมื่อกองกำลัง Dogra เข้าควบคุม Ladakh ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และบังคับให้ราชวงศ์ย้ายไปยังพระราชวัง Stok มีความสูง 9 ชั้น ชั้นบนเป็นที่พำนักของราชวงศ์ ในขณะที่ชั้นล่างเป็นคอกม้าและห้องเก็บของ พระราชวังส่วนใหญ่อยู่ในสภาพทรุดโทรม และแทบไม่เหลือร่องรอยของการตกแต่งภายในเลย พิพิธภัณฑ์พระราชวังเป็นที่จัดแสดงคอลเลกชั่นอัญมณี เครื่องประดับ ชุดพิธีการ และมงกุฎมากมาย ภาพวาดของทิเบตซึ่งมีอายุมากกว่า 450 ปี ด้วยการออกแบบอันประณีตยังคงรักษาสีสันสดใสที่ได้มาจากอัญมณีและหินที่ถูกบดขยี้และผง โครงสร้างรอบๆ ฐานของพระราชวังประกอบด้วย สถูปนัมเกล ที่โดดเด่น นำท่านเดินชมความงดงามเมืองเลห์ชมร้านค้าต่างๆและผู้คนท้องถิ่นที่ตลาดพื้นเมืองเลห์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Grand Dragon Ladakh**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่สาม:วัดลิคีร์ – วัดอัลชิ – เมืองลามายูรู – วัดลามายูรู - อารามบาสโก - เนินเขาแมกเนติก - จุดชมวิวซันกัม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางชมวัดลิคีร์(Likir Monastery) (ระยะทาง 51 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)วัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ ออกมาทางทิศตะวันตกประมาณ 53 กิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1065 โดยพระลามะ Duwang Chosje และถูกบูรณะในศตวรรษที่ 18 มีการตกแต่งด้วยศิลปกรรมของชาวทิเบตอายุมากกว่า 300 ปี วัดอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองเลห์มากนัก ภายในวัดยังมีลามะศึกษาพระธรรม ความโดดเด่นของที่นี่ คือ มีพระศรีอริยเมตไตรองค์สีทอง ความสูง75 ฟุต ประดิษฐานอยู่ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง จากนั้นนำท่านเดินทางชมวัดอัลชิ (Alchi Monastery) เป็นวัดพุทธโบราณที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาดักของอินเดีย สถานที่นี้ถือว่ามีความสำคัญต่อทั้งศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เนื่องจากที่นี่มีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างอินเดียและทิเบต เชื่อกันว่าอารามแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 โดยนักแปลผู้ยิ่งใหญ่ Rinchen Zangpo ผู้ซึ่งนำศาสนาพุทธมาสู่ลาดักห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบสถาปัตยกรรม เนื่องจากผสมผสานสไตล์อินเดียและทิเบตเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรูปแบบลาดักห์ที่โดดเด่น สถานที่แห่งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญของสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาในทิเบตยุคแรก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่เมืองลามายูรู (Lamayuru) (ระยะทาง 57 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) นำท่านเดินทางชมวัดลามายูรู (Lamayuru Monastery) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเลห์ สร้างขึ้นเกือบพันปีมาแล้ว มีมนต์ขลังด้วยความเก่าแก่และแรงศรัทธาของชาวพุทธทิเบตที่มาสักการะ และแวดล้อมด้วยภูเขาและธรรมชาติที่สวยงาม ลามายูรูยังเป็นที่รู้จักในนาม Moonland of Ladakh เนื่องจากการก่อตัวทางภูมิศาสตร์ของภูมิประเทศคล้ายดวงจันทร์ที่แกะสลักไว้ในเทือกเขาหิมาลัย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางชมอารามบาสโก (Basgo Monastery) (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.)สร้างขึ้นด้วยหินทราย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงและยังเป็นหนึ่งใน 100 มรดกโลกที่กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการผุพังมากที่สุด ถูกสร้างขึ้นมาในลักษณะป้อมกึ่งปราสาท โดยอาคารส่วนที่เป็นป้อมปราการถูกสร้างไว้ที่ยอดเขา อันเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการสอดส่องผู้รุกราน นำท่านเดินทางชมเนินเขาแมกเนติก (Magnetic Hill) เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้แปลก และสวยอลังการมาก เป็นถนนวิ่งเข้าไปสู่ภูเขา ถ้าจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้ แล้วดับเครื่องยนต์ จะเห็นเหมือนว่า รถจะไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆมันเป็นภาพลวงตา ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นทางลงเขา แต่มุมมองทำให้เห็นเหมือนกับขึ้นภูเขา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวซันกัม (Sangam Viewpoint) จุดชมวิวหลักล้านเป็นจุดที่แม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำซันสการ์และแม่น้ำสินธุมาบรรจบกัน ที่เกิดจากการละลายของหิมะ ซึ่งสีของแม่น้ำทั้งสองสายนั้นแตกต่างกัน ทำให้เห็นจุดที่มาบรรจบกันสวยงามและแปลกตา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเลห์ (ระยะทาง 31 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Grand Dragon Ladakh **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่สี่ :เมืองเลห์ - ทะเลสาบแปงกอง (ลาดักห์)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแม
นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบแปงกอง (Pangong)(ระยะทาง 223 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.) ระดับความสูง 4,350เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยผ่านเส้นทาง Changla Pass บนความสูง 5,360 เมตร จากระดับ น้ำทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก นั้นหมายถึงบรรยากาศออกซิเจนเบาบาง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางถึงทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake)เป็นช่วงทะเลสาบที่ไหลผ่าน endorheic ตั้งอยู่ทางตะวันออกของลาดัคห์และทิเบตตะวันตก ที่ระดับความสูง 4,225 ม. (13,862 ฟุต) มีความยาว 134 กิโลเมตร หนึ่งในสามของพื้นที่ทะเลสาบตั้งอยู่ตอนเหนือของแคว้นลาดักห์ ประเทศอินเดีย ส่วนที่เหลืออยู่ในฝั่งทิเบต เป็นทะเลสาบน้ำกร่อยกลางทะเลทรายบนเทือกเขาหิมาลัย และยังเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก มีระดับความสูงประมาณ 4500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทะเลสาบแปงกองได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบหลากสี โดยมีอิทธิพลมาจากลำแสงของดวงอาทิตย์ที่ตกสะท้อนสู่ยอดเขาสูง-ต่ำด้านหลัง ความงามและเสน่ห์ของทะเลสาบแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ในช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นน้ำเค็มก็ตาม อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับความงามของทะเลสาบแปงกอง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Pangong Retreat Camp **** หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า :วัดเฮมิส – วัดธิคเซย์ – เมืองเชย์ – พระราชวังเชย์ – พิพิธภัณฑ์สตอคพาเลส - เมืองเลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางชมวัดเฮมิส (Hemis Monastery) (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.10 ชม.) เป็นอารามพุทธหิมาลัย (gompa) ของ Drukpa Lineage ในเมือง Hemis ริมฝั่งแม่น้ำสินธุ เมือง Ladakh ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ห่างจากเลห์ 45 กม. สร้างขึ้นใหม่ในปี 1672 โดยกษัตริย์ลาดักี เป็นวัดธิเบตนิกายหมวกแดงอายุรวม 450 ปี เป็นวัดที่ใหญ่และรวยที่สุดในลาดักห์ มีวัตถุโบราณที่เก็บรักษาไว้ได้ และถึงแม้ลาดักห์จะผ่านสงครามมามาก แต่วัดเฮมิสอยู่ในหุบเขาลึกลับที่ยากจะหาเจอในอดีต จึงสามารถรักษาวัตถุโบราณต่างๆไว้ได้ และวัดก็ไม่ได้ถูกทำลายยังคงความสวยงาม แล้วที่นี่จะมีงานฉลองเต้นรำหน้ากากที่ใหญ่สุดจัดเป็นประจำทุกปี หลังจากนั้นนำท่านเดินทางชมวัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของเลห์ เป็นอารามในพุทธศาสนาในเครือโรงเรียนเกลุกแห่งพุทธศาสนาในทิเบต ตั้งอยู่บนยอดเขาในทิคเซย์ ห่างจากเลห์ไปทางตะวันออกประมาณ 19 กิโลเมตร ในภูมิภาคลาดักทางตอนเหนือของอินเดีย มีลักษณะคล้ายคลึงกับพระราชวังโปตาลาในเมืองลาซา ทิเบต และเป็นอารามที่ใหญ่ที่สุดในลาดักตอนกลาง อารามตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,600 เมตร ในหุบเขาสินธุ เป็นอาคารสูง 12 ชั้น และเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะทางพุทธศาสนามากมาย เช่น สถูป รูปปั้น ทังกัส ภาพวาดฝาผนัง และดาบ ภายในวัดมีรูปปั้นของพระศรีอารยะเมตไตรย์ สร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จองค์ทะไลลามะที่ 14 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปพระศรีอารย์ความสูง 15 เมตร (49 ฟุต) หรือเทียบเท่าตึกสองชั้น
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองเชย์ (Shey) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของลาดัคห์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ไปทางทิศใต้ประมาณ 15 ก.ม. อยู่ห่างออกไปทางใต้ของเลห์ นำท่านเดินทางชมพระราชวังเชย์ (Shey Palace) พระราชวัง Shey เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมือง Shey ห่างจากเมืองเลห์ในLadakh ทางตอนเหนือ 15 กิโลเมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นราวๆ ต้นศตวรรษที่ 17 สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singay Namgyal ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน ของกษัตริย์แห่งลาดัคห์ ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณีพุทธเจ้านั่งประทับ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ หลังจากนั้นนำท่านเดินทางชมพระราชวังสตอค (Stok Palace) ตั้งอยู่ห่างจาก Leh ในหมู่บ้าน Stok 15 กม. พระราชวังแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อันยาวนานและวิถีชีวิตของราชวงศ์ลาดัก การก่อตั้งนี้เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2363 โดยกษัตริย์ Tsepal Namgyal เป็นบ้านพักฤดูร้อนที่อุทิศให้กับราชวงศ์ลาดักและทายาทของกษัตริย์เซงเก นัมเกล พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับหุบเขาแม่น้ำ Singey Tsangpo หรือที่รู้จักกันทั่วไปใน ชื่อแม่น้ำสินธุ สถาปัตยกรรมของพระราชวังสามารถสังเกตได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบดั้งเดิม และร่วมสมัย ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเลห์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Grand Dragon Ladakh **** หรือเทียบเท่า
วันที่หก :เมืองเลห์ - นูบรา วัลเลย์ - ขี่อูฐ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
7.00 น. นำท่านเดินทางสู่หุบเขานูบรา (Nubra Valley)(ระยะทาง 159 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชม.) ตั้งอยู่ระหว่างทิเบตและแคชเมียร์ เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งคนส่วนใหญ่มาเยี่ยมชมระหว่างการเดินทางไปลาดัก ล้อมรอบด้วยภูเขาที่สวยงามและยอดเขาเขียวขจี งดงามราวภาพวาดแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างสองรัฐที่สวยงาม คือ ทิเบตและแคชเมียร์ เป็นที่รู้จักในนาม “หุบเขาแห่งดอกไม้” เพราะหุบเขาแห่งนี้รายล้อมไปด้วยดอกไม้ป่าที่สวยงาม ซึ่งเพิ่มความรุ่งโรจน์และความสวยงามให้กับหุบเขาชนบทลาดักห์ ในฤดูหนาว หุบเขาทั้งหมดจะอยู่ใต้หิมะปกคลุม เรียกว่า ดินแดนแห่งดวงจันทร์ ระหว่างทางท่านจะได้ชมเส้นทางรถยนต์ที่สูงที่สุดในโลก Khardungla Pass อยู่ที่ระดับความสูง 18,380 ฟุตจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นหนึ่งในถนนที่สูงที่สุดในโลกและเป็นถนนที่สูงที่สุดของอินเดีย นักท่องเที่ยวหลายพันคนมาเยี่ยมชม Khardungla Pass ด้วยความพิเศษในด้านความสูงส่งและยิ่งใหญ่ จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในปากีสถานได้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสัมผัสกับการขี่อูฐ (Hunder sand dunes double hump camel ride) (ระยะทาง 86 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) ตั้งอยู่ในบริเวณของ Nubra Valley ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 4 ชั่วโมง พื้นที่เป็นทรายเนียนละเอียด ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง นำท่านจี่อูฐชมวิวทะเลทรายกว้างไกล มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงและวัด Diskit นูบรา วัลเล่ย์ อยู่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสองพันกว่าเมตร ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Stone Hedge Hotel Lladakh**** หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด : วัดดิสกิต – เมืองเลห์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางชมวัดดิสกิต (Diskit Monastery) (ระยะทาง 74 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ช.ม.)วัดพุทธทิเบต (ลามะหมวกเหลือง) ในหุบเขานูบร้า สร้างโดย Changzem Tserab Zangpo, สาวก ของท่าน Tsong Khapa (พระลามะ), ผู้ก่อตั้งนิกายลามะหมวกเหลือ, ในศตวรรษที่ 14 ที่นี่เป็นสาขาหนึ่งของวัดติกเซ่ย์ (Thiksey Monastery) ตั้งอยู่บนเนินเขาเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม วัดดิสกิต เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบรา ภายในประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตยขนาดใหญ่มาก ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ 115 กม. อาณาเขตวัดดิสกิต แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนลานและพระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตย์ประทับนั่งห้อยพระบาทบนฐานองค์ใหญ่ มีระเบียงกว้างชมวิว 360 องศา เป็นบริเวณที่สร้างใหม่ขยายแยกส่วนมาจากตัววิหาร และส่วนของสังฆกรรมซื่งตั้งอยู่บนเขาอีกลูกใกล้ๆกัน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเลห์(ระยะทาง 115 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.10 ชม.) ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของแนวเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีความสวยงามและหาชมได้ยาก และอากาศดีมากในช่วงหน้าร้อน แต่ยังคงอุณหภูมิเย็นสบายๆเนื่องจากเมืองตั้งอยู่บนที่สูง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Grand Dragon Ladakh **** หรือเทียบเท่า
วันที่แปด :เมืองเลห์ - เดลี
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองเลห์
10.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองเดลี (DEL)ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ ...(ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง)
11.35 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม
บ่าย นำท่านชมเมืองเดลีใหม่ (New Delhi) ที่มีความใหม่ตามวัฒนธรรมอังกฤษ เมืองหลวงของประเทศอินเดีย ชมศิลปะการก่อสร้างเมืองที่อังกฤษ ได้สร้างและมีการวางผังเมืองที่ทันสมัย และสวยงามตามวัฒนธรรมของอังกฤษและติดอับดับหนึ่งในนครหลวงของโลก นำท่านเดินทางผ่านชมตึกที่ทำการของคณะรัฐบาล ราษฎร์ปติภวัน (Rashtrapati Bhavan) หรือทำเนียบประธานาธิบดีของอินเดีย ตั้งอยู่ ที่ต้นถนน Rajpath นำท่านเดินทางชมประตูชัยอินเดีย (India Gate) เป็นอนุสรณ์สถานสงครามที่ตั้งอยู่ในนิวเดลี ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารอินเดีย 70,000 นายของกองทัพบริติชอินเดีย ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในยุทธภูมิฝรั่งเศส แฟลนเดอรส์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย แอฟริกาตะวันออก กัลลิโปลิ และในสงครามแองโกล-อัฟกัน บนประตูมีการสลักนามเจ้าหน้าที่และทหารอีก 13,300 นายจากทั้งอินเดียและบริเตน[2][3] ถึงแม้จะสร้างเป็นอนุสรณ์สถานสงคราม แต่ลักษณะของประตูอินเดียนั้นสร้างขึ้นตามแบบอย่างของประตูชัย โดยเลียนแบบประตูชัยคอนสแตนตินในโรม มักถูกเปรียบเทียบเป็นประตูชัยฝรั่งเศส ปารีส และประตูสู่อินเดีย ในมุมไบ รอบประตูอินเดียยังเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพทหารนิรนาม และปัจจุบันถือว่าเป็นอนุสรณ์สถานสงครามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย นำท่านเดินทางชมกุตับ มีนาร์ (Gutab Minar) อนุสาวรีย์อันงดงามแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ตั้งอยู่ในเขตเมหราวลี ในเดลี ประเทศอินเดีย กุตุบมีนาร์มีความสูง 73 เมตร หรือเทียบเท่าอาคารสูง 5 ชั้น โดยมีฐานบนดินเส้นผ่านศูนย์กลาง 14.3 เมตร และ บนยอดสุดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.7 เมตร ประกอบด้วยบันไดวน 379 ขั้น เป็นสุเหร่าที่สูงที่สุดในอินเดีย อนุสาวรีย์นี้ถือเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเดลี กุตับ มีนาร์ สร้างขึ้นจากหินทรายและหินอ่อนสีแดง หอคอยกุตุบมินาร์ได้รับการออกแบบอย่างประณีตจนแต่ละชั้นมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ชั้นแรกหรือฐานมีมุมสลับทำด้วยหินทรายร่องกลม ชั้นสองมีร่องกลม ส่วนชั้นที่สามมีเพียงร่องเชิงมุม สองชั้นบนสุดทำด้วยหินอ่อนและหินทราย
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางช้อปปิ้งที่ตลาดจันพาธ (Janpath Market) ตลาดชื่อดังกลางกรุงนิวเดลี ตลาดยอดฮิตอายุกว่า 80 ปี แหล่งรวมนักท่องเที่ยวนักช๊อปปิ้งกลางกรุงนิวเดลี อยู่ใกล้ๆกับย่าน Connaught Place ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Rajiv Chowk มีสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้าปัก งานหัตถกรรมไม้ โคมไฟ ทองเหลือง ผ้าปักลูกปัดเครื่องประดับทำมือ กระเป๋าแฟชั่นทั้งหลาย รองเท้าปลายแหลมด้านหน้า รองเท้าสไตล์อินเดีย(Jootis) ส่าหรี ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สีสันแสบตา และอื่นๆอีกมากมาย อิสระให้ท่านเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
22.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลี (DEL) เพื่อเดินทางกลับ
วันที่เก้า :เดลี - กรุงเทพมหานคร
01.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG316 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.25 ชั่วโมง) และสายการบินมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
07.50 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
-ราคาทัวร์ 99,900 บาท : 1-9 พ.ค. 67 / 25 พ.ค.- 2 มิ.ย. 67/ 15-23 มิ.ย. 67 / 13-21 ก.ค./ 10-18 ส.ค. 67
-ราคาทัวร์ 105,900 บาท : 12-20 ต.ค. 67 / 21-29 ต.ค. 67
อัตราค่าบริการ (บาท) |
พ.ค. - สค. 2567 |
ตุลาคม 2567 |
ราคาผู้ใหญ่ พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน |
99,900 |
105,900 |
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ |
27,000 |
29,000 |
ราคา เด็กอายุ 2-11ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน |
96,900 |
102,900 |
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ เริ่มต้นที่ท่านละ |
30,000 -60,000 |
|
ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหัก BKK-DEL-BKK |
12,000 |
13,000 |