ทัวร์ยุโรปสงกรานต์ 7-16 เม.ย.67อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส 10 วัน 8 คืนบินQR:เดินทาง เมษายน สงกรานต์2567

รหัสสินค้า : CJN-B001EUR778-QR10D8N

ราคา

129,999.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 129,999.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ITALY SWISS FRANCE

(เข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน)

ราคา: 129,999.-บาท

โดยสายการบิน : Qatar Airways (QR)

ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด(เปลี่ยนเครื่อง)•ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี•ฟีอูมีชีโน • กรุงโรม ประเทศอิตาลี•กรุงโรม•นครรัฐวาติกัน พาท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน•มหาวิหารนักบุญปีเตอร์•โคลอสเซี่ยม•โรมันฟอรั่ม•น้ำพุเทรวี่•โรมันฟอรั่ม•ปิซ่า•หอเอนเมืองปีซ่า•เมืองเวนิสเมสเตร้•เกาะเวนิส•จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค•มหาวิหารซันมาร์โก•พระราชวังดอร์จ•หอระฆังซันมาร์โก•สะพานถอนหายใจ•สะพานรีอาลโต้ •มิลาน•มหาวิหารมิลาน•กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด•เมืองโคโม่•ทะเลสาบโคโม่•เมืองลูกาโน•ทะเลสาบลูกาโน•เมืองลูเซิร์น•สะพานไม้ชาเปล•อนุสาวรีย์สิงโต•เมืองอินเทอลาเก้น•ถนน Hohewe•เมืองกรินเดอวาลด์ •กระเช้า Eiger Express•อุโมงค์น้ำแข็ง•อุโมงค์โลกอัลไพน์•Jungfrau Panorama view•เมืองเลาเทอร์บรุนเนน•เมืองโบน•เมืองดิฌง•มหานครปารีส•พระราชวังแวร์ซายส์•ห้างลา ซามาริแตง•จัตุรัสทรอกาเดโร•ถ่ายรูปคู่หอไอไฟล•ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์•ล่องเรือแม่น้ำแซน•พิพิธภัณฑ์ลูฟร์•ช้อปปิ้งเอาท์เล็ท ลาวาเล่

ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด(เปลี่ยนเครื่อง)

**พิเศษ!!หอยเอสคาโก้+ไวน์แดงฝรั่งเศส,ชีสฟองดูสวิสเซอร์แลนด์,สปาเก็ตตี้เส้นหมึกแบบเวนิส

เดินทาง : สงกรานต์ 9 - 16 เเมษายน 2567

หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ • ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด • ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน • กรุงโรม ประเทศอิตาลี (-/-/-)

06.00 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 8 ROW T เคาน์เตอร์ สายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ กาตาร์แอร์เวย์ Qatar Airways (QR)  โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
09.05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเที่ยวบินที่ QR835(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
12.05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ประเทศกาตาร์(เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
15.45 น.  ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินที่ QR041
20.50 น.  เดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino)  (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
ที่พัก Novotel Roma Est หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สอง:กรุงโรม• นครรัฐวาติกัน • พาท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน • มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ • โคลอสเซี่ยม • โรมันฟอรั่ม • น้ำพุเทรวี่ • โรมันฟอรั่ม (เช้า/กลางวัน/-)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ นครรัฐวาติกัน (STATE OF THE VATICAN CITY)นครแห่งคริสตจักรที่อยู่ในกรุงโรม  ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ นำท่านสู่ศูนย์กลางแห่งศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิก ที่ นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City) Highlight !!!! พาท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museum) หนึ่งในสุดยอดที่รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปะจากทั่วทุกมุมโลกที่ทรงคุณค่า และยังมีงานศิลปะที่งดงามจากจิตกรเอกของโลกอย่าง มิเกลลันเจลโล ราฟาเดล บรามันเต้ โดยเฉพาะงานศิลปะที่ผนังและเพดานของโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine chapel) ที่เป็นภาพ The last judgment และ The Creation of human (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม) นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ ( ST. PETER’ BASILICA)ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้สร้างทับวิหารหลังเดิมที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ออกแบบโดยมีเกลันเจโลสุดยอดจิตกรร่วมสมัยกับดาวินชี่ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยหินอ่อน โดยมีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM)หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู่ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย บริเวณใกล้กันท่านสามารถเดินถ่ายรูปด้านหน้า กับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็มในปีค.ศ. 81
นำท่านชมความงามของ น้ำพุเทรวี่ (TREVI  FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้ำพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งใน โลก นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดสเปน (SPANISH  STEPS)บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง
***อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
ที่พัก Novotel Roma Est หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สาม กรุงโรม • ปิซ่า • หอเอนเมืองปีซ่า • เมืองเวนิสเมสเตร้ (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชม.)แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987นำท่าน
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาท้องถิ่น
ชมจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza del DuomoPisa) ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้จะประกอบไปด้วย หอศีลจุ่ม วิหาร และหอระฆัง ซึ่งที่นี่มีหอระฆังที่โด่งดังระดับโลก นั้นคือ หอระฆังเอน แห่งเมืองปิซ่า นำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึกกับ หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA)หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น  โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (Venice Mestre)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.)  ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก Antony Palace หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สี่ :เวนิสเมสเตร้ • เกาะเวนิส • จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค • มหาวิหารซันมาร์โก • พระราชวังดอร์จ • หอระฆังซันมาร์โก • สะพานถอนหายใจ • สะพานรีอาลโต้ • เวนิสเมสเตร้ • มิลาน • มหาวิหารมิลาน • กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด(เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto)นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิสหรือเวเนเซีย(VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square)ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica)มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ(Doge’s Palace)  พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile)หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์ดและเรือนจำ นำท่านชมบริเวณ สะพานรีอาลโต้ (Rialto Bridge)สะพานข้ามคลองหลักอันเก่าแก่ที่สุดของเวนิส รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆ ถ่ายภาพกับจุดชมวิวบนสะพาน ที่ท่านสามารถมองเห็น GRAND CANAL คลองที่ใหญ่ที่สุด ผ่ากลางเกาะเวนิส ชมวิถีชีวิตกลางสายน้ำของชาวท้องถิ่นที่ใช้คลองแทนถนน

 แต่เรื่องที่ทำสะพานนี้โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น นักรักบันลือโลกแห่งเวนิสอย่าง จิอาโคโม จิโรลาโม คาสโนวา เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถออกจากเรือนจำแห่งนี้ได้ โดยเรื่องราวของชายหนุ่มมากด้วยวาทะศิลป์คนนี้ถูกตีพิมพ์และโด่งดังในปี 1855 และถูกทำเป็นภาพยนตร์ในปี 2005
**หมายเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมค่านั่งเรือกอนโดล่า หากท่านสนใจนั่งเรือกอนโดล่าสามารถแจ้งทางหัวหน้าทัวร์เพื่อประสานงานให้ได้
ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ท่านติดต่อกับเรือเองเพื่อความปลอดภัยของท่านเนื่องจากอาจมีมิจฉาชีพแอบแฝงตัวมา
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ด้วยเมนู เมนูสปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส
จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ฝั่งเมสเตร้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.)เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano)หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในวิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนอย่างสวยงาม
นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II)ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก NH Milano Fiera หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่ห้า :เมืองโคโม่ • ทะเลสาบโคโม่ • เมืองลูกาโน • ทะเลสาบลูกาโน • เมืองลูเซิร์น (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี เป็นเมืองเอกของจังหวัดโกโม ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย อิสระให้ท่านเดินชมวิวของ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี และใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอิตาลี เป็นทะเลสาบที่มีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดียประเทศอิตาลี
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองลูกาโน (Lugano)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของทะเลสาบลูกาโน เป็นที่รู้จักจากความงามตามธรรมชาติที่น่าทึ่งและสภาพอากาศที่อบอุ่น มีบรรยากาศแบบสวิส–อิตาเลี่ยน จนได้รับการขนานนามว่า “สวิสริเวียร่า” ในฐานะเป็นเมืองตากอากาศของชาวสวิส อิสระให้ท่านเดินถ่ายรูปชมวิวทะเลสาบน้ำแข็งอันสวยงามทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ตามอัธยาศัย
เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองลูเซิร์น (Luzern)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคกลางของประเทศ ทำให้ลูเซิร์นกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, การคมนาคม, ทางวัฒนธรรม ของภาคกลาง ภาษาทางการที่ใช้ในลูเซิร์นคือภาษาเยอรมัน ตั้งอยู่ชายฝั่งด้านตะวันตกติดกับทะเลสาบลูเซิร์น
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก  Ibis Styles Lucerne หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่หก:สะพานไม้ชาเปล • อนุสาวรีย์สิงโต •เมืองอินเทอลาเก้น • ถนน Hoheweg (เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge)อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดยสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จากนั้น  ให้ท่านได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆตัวเมืองใน เขตเมืองเก่า (Oldtown)ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้
นำท่านถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument)ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหารหาญชาวสวิสผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้น เดินทางสู่ เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชม ความงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง พาท่านเดินชม ถนน Hohewegจุดที่ครึกครื่นที่สุดในเมืองอินเทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมีให้ท่านเลือกสรรได้ตลอดถนนเลยทีเดียว
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษเมนูสวิสชีสฟอง 3 ชนิดชีส ออย และช็อกโกแล็ต แบบจัดเต็ม
ที่พัก Hotel Central Continental AG หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่เจ็ด :เมืองกรินเดอวาลด์ • กระเช้า Eiger Express • อุโมงค์น้ำแข็ง • อุโมงค์โลกอัลไพน์ • Jungfrau Panorama view • เมืองเลาเทอร์บรุนเนน • เมืองโบน(เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald)เมืองอันเป็นจุดเริ่มต้นในการพิชิตยอดเขาจุงฟราว Top Of Europe ด้วยทัศนียภาพที่เป็นหุบเขาที่มีบ้านสไตล์สวิสชาเลย์ตั้งอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสวยงามจนเป็นเหมือนหน้าตาของสวิสเซอร์แลนด์ที่คุ้นเคย

ใหม่ล่าสุด!!!พาท่านสู่สถานีกรินเดอวาลด์ เพื่อพาท่านขึ้น กระเช้า Eiger Expressที่เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยจะทำให้ท่านประหยัดเวลาในการพิชิตเขาจุงฟราวเร็วขึ้นถึง 47 นาที เพื่อให้ท่านได้มีเวลาเพลิดเพลินบน Top Of Europe
เมื่อถึงแล้ว พาท่านชม อุโมงค์น้ำแข็ง (Ice Palace)ที่มีอายุเก่าแก่ 1,000 ปี ธารน้ำแข็งลึกเขาไปกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งอยู่อย่างมากมาย และคงอุณหภูมิอยู่ที่ -3 องศา ตลอดทั้งปี เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ชม อุโมงโลกอัลไพน์ (ALPINE SENSATION)ที่จัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวเมือง
นอกจากนั้นหากมีเวลาแนะนำให้ท่านชม พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต LINDTและเลือกซื้อกลับเป็นไปเป็นของฝากจากร้านช็อคโกแลตที่สูงที่สุดในโลก และนำท่านขึ้นสู่ JUNGFRAU PANORAMA VIEWจุดสูงสุดของสถานี ที่ 3,571 เมตร ให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขาจุงฟราว ให้ท่านเต็มอิ่มกับบรรยากาศของทิวทัศน์สุดอลังการ
นำท่านลงสู่อีก 1 เมืองชานเขาจุงฟราว เมืองเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen)  เมืองสวยอีกเมืองที่ต้องแวะชม ด้วยรถไฟไต่เขาแสนคลาสสิก ที่นี่เป็นที่ตั้งของ น้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach) ที่สูงกว่า 300 เมตร มุมสุดอลังการกับริ้วน้ำตกที่แทรกผ่านหน้าผาสูง โดยมีเบื้องล่างเป็นบ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า ที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองโบน (Beaune) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) เป็นศูนย์กลางการปลูกองุ่นของแถบ แคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) เป็นหนึ่งในศูนย์ไวน์ที่สำคัญในฝรั่งเศส และเป็นศูนย์กลางการผลิตและธุรกิจไวน์เบอร์กันดี และในทุกๆปีจะมีการประมูลไวน์ที่ Hospices de Beaune โรงพยาบาลที่สร้างขึ้นเพื่อการกุศลสำหรับคนยากจนในปี ค.ศ. 1443 ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่และสำคัญในประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบของเนินเขาแห่งเขต Cote d'Or ซึ่งมีส่วนสำคัญตั้งแต่ยุคก่อนโรมันและยุคโรมัน, จากยุคโบราณ ยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปะ (Renaissance) และยุคใหม่
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก   Novotel Beaune หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่แปด:เมืองดิฌง • มหานครปารีส • พระราชวังแวร์ซายส์ • ห้างลา ซามาริแตง(เช้า/กลางวัน/เย็น)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านมุ่งหน้าสู่ มหานครปารีส (Paris) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)เมื่องหลวงสุดโรแมนติกของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆ คน ที่มีครบทั้ง สถาปัตยกรรม ศิลปะ อาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง ที่มีให้ท่านได้เลือกสรรกันอย่างอัดแน่น

เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิมนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อทรงขึ้นครองราชย์นจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุงปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก

ภายในพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยห้องหับถึง 700 ห้องมีภาพวาด 6,123 ภาพและงานแกะสลักถึง 15,034 ชิ้นไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้คงหนีไม่พ้นห้องกระจกซึ่งบริเวณผนังด้านขวานั้นประดับด้วยกระจกฉาบปรอทมากถึง 17 บาน แต่ละบานมีประกอบด้วยกระจก 21 แผ่นซึ่งในสมัยก่อนนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาสูงมากเทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว ซึ่งห้องกระจกแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่1 ระหว่างฝ่านสัมพันธมิตร และฝ่ายจักรวรรดิเยอรมัน ห้องกระจกแห่งแวร์ซายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของไทยครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นำโดยออกพระวิสุทธสุนทร ในวันที่ 1 กันยายนปี พ.ศ. 2229 (1686)นับเป็นการส่งคณะฑูตสำเร็จอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับชาติยุโรปในประเทศไทย
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ ห้างลา ซามาริแตง (La Samaritaine) ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1870 โดย Ernest Cognacq และ Marie Louise Jay จ้างออกแบบโดยสถาปนิกนามว่า Frantz Jourdain ตกแต่งแบบ Art Nouveau และ Art Déco เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น พัฒนาจากร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กจนขยายไปสู่ห้างสรรพสินค้า จากนั้นดำเนินกิจการเรื่องมา จนได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1990 โดยกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ห้างนี้เคยถูกปิดและพัฒนาปรับปรุงอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอีกครั้งในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2021 กับคอนเซปต์ใหม่ ที่เน้นย้ำถึงเสน่ห์ของปารีส มีทั้ง แฟชั่น อาหาร และงานศิลปะ สินค้าต่างๆรวมแล้วกว่า 600 แบรนด์
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
ที่พัก Mercure Porte De Versailles Expo หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น  ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่เก้า:จัตุรัสทรอกาเดโร • ถ่ายรูปคู่หอไอไฟล • ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ • ล่องเรือแม่น้ำแซน •พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ • ช้อปปิ้งเอาท์เล็ท ลาวาเล่ (เช้า/กลางวัน/-)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ จัตุรัสทรอกาเดโร (TROCADÉRO)แต่เดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะทัศนียภาพที่ท่านจะสามารถเห็น หอไอไฟล (EIFFEL)ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง โดยหอส่งสัญญาแห่งนี้นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของพาปารีสที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิกผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะจะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ ด้วยลักษณะที่แปลกตา สร้างความไม่คุ้นเคยต่อชาวปารีส ถึงขนาดมีการเรียกร้องให้รื้อทิ้งหลังจากงานสิ้นสุดลง แต่หอไอเฟลก็สามารถพิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประหม่า จนกลายเป็นสถานที่แรกๆ ที่เมื่อมีคนพูดถึง

 จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ (ARC DE TRIOMPHE)วงเวียนที่เชื่อมถนน12 เส้นของปารีสไว้ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นสดุดีทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบในสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน เนื่องจากเริ่มสร้างในรัชสมัยของพระองค์หลังได้รับชัยชนะในสงครามยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 นอกเหนือจากนั้น ประตูชัยแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ฝังศพทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย อาร์กเดอทรียงฟ์ มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และหนาถึง 22 เมตร ทางทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของถนนสายที่โด่งดังที่สุดของโลกสายหนึ่ง นั่นคือ ถนนช็องเซลีเซ (CHAMPS-ÉLYSÉES) ถนนที่ได้ชื่อมาจากสวนสวรรค์ของเหล่าเทพปกรนัมกรีก ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายพื้นที่สวยหย่อมของพระราชวังตุยเลอรี โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ทรงมีพระราชดำรัสให้นำรูปแบบถนนช็องเซลีเซ มาสร้างเป็นถนนพระราชดำเนินกลางในกรุงเทพมหานคร ว่ากันว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่บนถนนแห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นที่ตั้งของสินค้าแบรนด์ระดับโลกมากมาย จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซนชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของโลกในอีกมุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพาน PONT DE L'ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส  ถือเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส
เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พร้อมพิเศษ หอยเอสคาโก้ ต้นตำหรับฝรั่งเศส พร้อมไวน์แดง
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (LOUVRE MUSEUM)เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในปารีสที่ต้องไปเยือน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เอาท์เล็ท ลาวาเล่ (La Vallée Village)แหล่งช้อปปิ้งที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมดังมากมายกว่า 70 ร้าน สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้ง ที่ครบครันด้วยสินค้าชั้นนำต่างๆ มากมาย เช่น Celine, Kenzo, Longchamp, Polo, Blanc Bleu, Francois Girbaud, Paul Smith, Burberry, Valentino, Versace, Kevin Klein, Diesel, Samsonite, Armani, Cerruti, Dolce & Gabbana, Givenchy ฯลฯ อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
ได้เวลาอันสมควร ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกลด์เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Tax Refund)

22.25 น.  ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR038 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **

วันทีสิบ: ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด • สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (-/-/-)

05.45 น.  เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัดให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง
07.55 น.  เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์เที่ยวบินที่ QR832
19.05 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

Visitors: 153,444