ทัวร์อิตาลี เม.ย.-ต.ค.67 เที่ยวโดโลไมท์ 8วัน5คืน บิน EK เดินทาง เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กันยายน ตุลาคม 2567 : EUROPE ITALY DOLOMITE
รหัสสินค้า : CJN-U001-EU011A-ITALY8D
ราคา |
87,900.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 87,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
เที่ยวอิตาลีอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ ตามรอยโรมิโอแอนด์จูเลียต
นครรัฐวาติกัน เที่ยวเกาะเวนิส ฟลอเรนซ์ หอเอนปิซ่า
ราคา : เริ่มต้น 87,900.-บาท
โดยสายการบิน : Emirates (EK)
ดูไบ(เปลี่ยนเครื่อง)•กรุงโรม•สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม•น้ำพุเทรวี่•บันไดสเปน•นครรัฐวาติกัน•มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์•เมืองฟอลเรนซ์•เมืองปิซ่า•หอเอนปิซ่า•เวนิส เมสเตร้•เกาะเวนิส•จัตุรัสเซนต์มาร์ค•พระราชวังดอดจ์•เขตอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์•ทะเลสาบมิซูลิน่า•ทะเลสาบเบรียส•VAL DI FUNES•โบสถ์ SANTA MADDALENA•เมืองออร์ติเซ่•ALPE DI SUISI•เมืองเวโรน่า•เมืองมิลาน•มิลานดูโอโม่•FIDENZA VILLAGE OUTLET•สนามบินเมืองมิลาน•สนามบินดูไบ(เปลี่ยนเครื่อง)
**ที่พัก 4 ดาว
เดินทาง เมษายน-ตุลาคม 2567
หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป้นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง
วันแรก :กรุงเทพ-สนามบินสุวรรณภูมิ (-/-/-)
23.00 น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว T สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่สอง:ดูไบ-กรุงโรม-สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม-น้ำพุเทรวี่-บันไดสเปน (-/-/D)
03.30น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK371
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
07.15 น. เดินทางถึง เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
08.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK097(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
12.40 น. เดินทางถึงสนามบินกรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรมเพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้ง 7 ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ตอนกลางของประเทศ โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตกและในอดีตได้เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้าของ สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ในอดีตนั้นเป็นสนามประลองการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของชาวโรมันที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน
จากนั้นนำท่านชมงานประติมากรรมของเทพนิยายกรีกและโยนเหรียญอธิษฐานบริเวณ น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) สัญลักษณ์ของกรุงโรมที่โด่งดัง แล้วเชิญอิสระตามอัธยาศัยกับการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นและของที่ระลึกในบริเวณย่าน บันไดสเปน (The Spanish Step) ซึ่งเป็นแหล่งแฟชั่นชั้นนำสุดหรูและยังเป็นแหล่งนัดพบของชาวอิตาเลี่ยน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พักMarriott Rome Park Hotelหรือเทียบเท่า
วันที่สาม:กรุงโรม-นครรัฐวาติกัน-มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์-เมืองฟลอเรนซ์ (B/L/D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นครรัฐวาติกัน (Vatican) ประเทศที่เล็กที่สุดในโลกตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีกำแพงล้อมรอบเมืองเอาไว้ได้ทั้งหมด ยกเว้นด้านหน้าทางเข้า และเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก โดยมีพระสันตะปาปา มีอำนาจปกครองสูงสุด นำท่านชมมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St.Peter’s Basilica)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟลอเรนซ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เมืองสวยอันดับ 1 ของอิตาลี เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหากมาอิตาลีแล้วไม่ได้มาเยือนฟลอเรนซ์ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงอิตาลีอย่างแท้จริง เมืองเก่าที่มีความเจริญสูงสุดในศตวรรษที่ 13-16 เมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชาวอิตาลี เป็นเมืองที่ยังคงความสวยงามและมีการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะยุคเรเนสซองส์เป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูที่สุด นำท่านเดินทางสู่เนินเขา Piazzale Michelangelo เพื่อชมวิวของเมือง Florence ที่นักท่องเที่ยวรวมไปถึงชาว Florence เอง มักขึ้นมาชมบรรยากาศในมุมสูงของเมือง ซึ่งจะเห็นหลังคาสีแดงของอาคารบ้านเรือนต่างๆ รวมไปถึง Duomo เรียงรายกันเป็นแนวสวยงามยิ่งนัก อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก Hotel Charme หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ :เมืองปิซ่า-หอเอนปิซ่า-เวนิส เมสเตร้-เกาะเวนิส-จัตุรัสเซนต์มาร์ค-พระราชวังดอดจ์ (B/L/D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองแห่งศิลปะที่สำคัญของอิตาลี เป็นเมืองเล็กๆอยู่ทางตะวันตกของ Florence ด้านตะวันตกของเมืองติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ Pisa ก็เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
และนำท่านเดินทางเข้าสู่ บริเวณ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า หรือ จัตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี (Compo Dei Miracoli) ที่ประกอบด้วยกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ โดยเริ่มจากหอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Baptistry of St. John) ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ชม มหาวิหารดูโอโม (Duomo) ที่งดงามและหอเอนแห่งเมืองปิซ่าอันเลื่องชื่อ นำท่านถ่ายภาพคู่กับ หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) สัญลักษณ์แห่งเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1173 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่ระหว่างการก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงไปเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 ก็เกิดการยุบตัวของฐานขึ้นมา และต่อมาก็มีการสร้างหอต่อเติมขึ้นอีกจนแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมดถึง 177 ปี โดยที่หอเอนปิซ่านี้ กาลิเลโอ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นชาวอิตาเลี่ยนได้ใช้เป็นสถานที่ทดลองทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของโลกที่ว่า สิ่งของสองชิ้น น้ำหนักไม่เท่ากัน ถ้าปล่อยสิ่งของทั้งสองชิ้นจากที่สูงพร้อมกัน ก็จะตกถึงพื้นพร้อมกัน จากนั้นให้ท่านอิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกราคาถูก ที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมาย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เวนิส เมสเตร้ แคว้นเวเนเซีย (Venezia)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส ท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ เพื่อเตรียมตัวนั่งเรือข้ามสู่เกาะเวนิส นำทุกท่านนั่งเรือต่อเพื่อไปยัง ท่าเรือซานมาร์โค (San Marco Pier) บนเกาะเวนิส แวะให้ถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึกกันที่ พระราชวังดอดจ์ (Doge’s Palace) พระราชวังริมน้ำแสนอลังการที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในสไตล์เวเนเชียนโกธิค ที่เคยเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแต่เก่าก่อนของเวนิส แต่ตั้งแต่ปี 1923 ก็ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปได้เข้าชม เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กหลักของเวนิส
จากนั้นเดินเที่ยวชมแลนด์มาร์คสำคัญต่างๆ ในเมือง และเก็บภาพสถานที่ต่างของเมืองแห่งคลองไม่ว่าจะเป็น จัตุรัสเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Square) จัตุรัสหลักของเมืองเวนิสและยังเป็นศูนย์กลางเมืองตั้งแต่โบราณ รายล้อมไปด้วยอาคารสวยๆ สไตล์โกธิค และจุดเด่นของจัตุรัสเซนต์มาร์คแห่งนี้ก็คือ มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Basilica) ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของจัตุรัสเซนต์มาร์ค มหาวิหารใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อลังการด้วยการตกแต่งด้วยโดมใหญ่ รูปปั้นมากมายที่ทั้งละเอียดและประณีต และที่อยู่ติดกันและโดดเด่นด้วยความสูงถึง 50 เมตรก็คือ หอระฆัง ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองที่เห็นได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเมืองก็ตาม และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ สะพานถอนหายใจ สะพานอันโด่งดังแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำที่คั่นกลางระหว่างคุกเก่ากับพระราชวังดอดจ์ ทำจากหินปูนที่แกะสลักและออกแบบอย่างงดงามเช่นเดียวกับพระราชวังดอดจ์และอาคารโดยรอบ ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางโดยเรือกลับสู่ เวนิส เมสเตร้
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พักDelfino Venice Mestre หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า:เขตอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์-ทะเลสาบมิซูลิน่า-ทะเลสาบเบรียส (B/L/D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขตอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี ด้วยบรรยากาศที่สวยงามของทะเลสาบหลายแห่งและเทือกเขาหินปูนมี่สวยงามแปลกตาสูงตระหง่าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง นำท่านเดินทางสู่ที่ทะเลสาบมิซูลิน่า (MISURINA LAKE) ทะเลสาบที่สวยงามและเป็นเหมือนกับหนึ่งในแลนด์มาร์คที่นักท่อวเที่ยวต้องมาเยือนสักครรั้งหนึ่ง เป็นทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในหุบเขา ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในโดโลไมท์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบรียส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ( Lake Braies ) หรือ (Pragser Wildsee) ทะเลสาบที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งโดโลไมต์ ตั้งอยู่ในหุบเขาโดโลไมต์และยังได้เป็นส่วนหนึ่งในมรดกโลก (Unseco) อีกด้วย จากนั้นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง เมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ โบลซาโน่เป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ที่นี่แม่น้ำ Talvera จะไหลลงไปในแม่น้ำ Israco และมารวมกันเป็นแม่น้ำ Adige (เมืองโบลซาโน เป็นเมืองที่ใช้ในการพักค้างคืนเท่านั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้หากไม่มีที่พักว่างในช่วงวันเดินทางนั้นๆ โดยทางบริษัทจะเปลี่ยนไปยังเมืองอื่นแทนโดยยังคงซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พักBedbank Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่หก :VAL DI FUNES-โบสถ์ SANTA MADDALENA-เมืองออร์ติเซ่-ALPE DI SUISI-เมืองเวโรน่า (B/L/D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ชุมชน Val di Funes หรือ Villnöß ชุมชนเล็กๆทางภาคตะวันตกของอุทยานโดโลไมต์ ประกอบไปด้วยหมู่บ้านเล็กๆ 6 หมู่บ้าน โดยมีชื่อเสียงจากการมีวิวทิวทัศน์ที่สวยที่ในเขต South Tyrol อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ จากนั้นนำท่านเก็บภาพความประทับใจอีกนึงสถานที่ ณ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในอุทยานโดโลไมต์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉาหหลังเป็นเทือกเขา Odles (การเดินขึ้นไปเก็บภาพความประทับใจนี้ ท่านจะต้องเดินขึ้นลงเนินไปและกลับประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อไปเก็บภาพ) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองออร์ติเซ่ เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมท์ เป็นเมืองรีสอร์ทเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Dolomites Val Gardena โดยมีเทือกเขาต่างๆอยู่รายล้อม ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดโลไมท์ในด้านตะวันตก จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี นำท่านขึ้น กระเช้า Ortisei / St.Ulrich – Seiser Alm / Alpe di Suisi นำท่านขึ้นไปที่ระดับความสูง 1,684 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สู่บนเนินเขาที่เราเรียกว่า “ALPE DI SIUSI” นำท่านชมวิวทิวทศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา Seiser Alm ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรปและยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Unesco อีกด้วย ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่น อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรน่า(Verona)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง หนึ่งในหัวเมืองใหญ่ของแคว้นและเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่3ทางภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีและยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของอิตาลีตอนเหนืออีกด้วยนำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่ยังคงเสน่ห์ของความเป็นเมืองยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนเมืองเวโรน่าแนี้ยังมีชื่อเสียงด้วยการเป็นเมืองโลเกชั่นของวรรณกรรมชื่อดังอย่าง โรมิโอแอนด์จูเลียต นำท่านถ่ายรูป บ้านโรมิโอ&จูเลียต (Casa di Giulietta) บ้านปูนสีขาวที่มีจุดเด่นคือระเบียงสถานที่ๆโรมิโอและจูเลียตได้พบรักกันจุดนี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายมายังเมืองเวโรน่าเพื่อชมต้นกำเนิดของตำนานความรักชื่อดัง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พักBest Western Ctc Hotel Verona หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด:เมืองมิลาน-มิลานดูโอโม่- FIDENZA VILLAGE OUTLET -สนามบินเมืองมิลาน (B/-/-)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Fidenza Village Outletใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเอาท์เลทที่อยู่ในเครือของ The Bicester Collection ซึ่งจะมีสินค้ามากมายไม่ว่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และอื่นๆ ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าตามร้านทั่วไป โดยภายในเอาท์เลทจะมีแบรนด์ต่างๆมากมาย อาทิเช่น ArmaniCoach Dolce&Gabbana Furla Hugo Lacoste Nike Adidas Prada Samsonite Tommy Hilfiger เป็นต้น อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (MILAN) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารมิลาน (Milan Duomo) มหาวิหารประจำเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้คือโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลีเด่นด้วยศิลปะแบบโกธิค ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 579 ปี ตั้งอยู่ในระดับความสูง 108.5 เมตรจากพื้นดินราย ล้อมด้วยยอดแหลมอีก135ยอดทำให้อาสนวิหารดูสง่าและแปลกพร้อมด้วยรูปแกะสลักจากหินอ่อนที่ประดับอยู่โดยรอบสลักอย่างวิจิตรบรรจงด้วย รูปปั้นนักบุญรูปเรื่องราวในพระคัมภีร์จำนวนมากประดับโดยรอบ อิสระช้อปปิ้ง ที่ Galleria Vittorio Emanuele IIที่ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของมหาวิหารมิลานเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีโดยสร้างขึ้นในปี1877มากมายด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมายในอาคารขนาด 4 ชั้น สองข้างทางเดินกว้างที่โดดเด่นมากก็คือหลังคาทรงโดมเป็นกระจกใส ทำให้สามารถช้อปปิ้งได้ในทุกสภาพอากาศได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่สนามบิน
21.35น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK092
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
วันที่แปด:สนามบินดูไบ-กรุงเทพ-สนามบินสุวรรณภูมิ (-/-/-)
06.50 น. เดินทางถึง เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
09.30น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)
18.40 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
อัตราค่าบริการ
วันเดินทาง |
กรุ๊ปไซส์ |
ราคาต่อท่าน |
พักเดี่ยว |
หมายเหตุ |
11-18 เม.ย. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
94,900 |
18,000 |
เทศกาลสงกรานต์ |
27 เม.ย.-4 พ.ค. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
89,900 |
18,000 |
ช่วงวันแรงงาน |
17-24 พ.ค. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
89,900 |
18,000 |
|
30 พ.ค.-6 มิ.ย. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
87,900 |
18,000 |
|
19-26 มิ.ย. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
87,900 |
18,000 |
|
27 ก.ย.-4 ต.ค. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
89,900 |
18,000 |
|
10-17 ต.ค. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
87,900 |
18,000 |
|
16-23 ต.ค. 67 |
25+1 หัวหน้าทัวร์ |
87,900 |
18,000 |
|
ราคาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ใช้เตียง ลด 5,000 บาท จากราคาทัวร์
กรณีจอยแลนด์ สามารถสอบถามราคาการหักค่าตั๋วเครื่องบินได้จากเจ้าหน้าที่