ทัวร์ไอซ์แลนด์ 9-18 ต.ค.67 ออโรล่า เที่ยวรอบเกาะ 10 วัน 8 คืน บิน AY ตุลาคม 2567:ICELAND PREMIUM

รหัสสินค้า : CJN-H002-AY-10D-ICELAND

ราคา

189,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 189,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ไอซ์แลนด์ แดนมหัศจรรย์ของพลังธรรมชาติ

เยือนดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ เที่ยวครบเมืองสวยรอบเกาะ

ราคา : 189,900.-บาท

โดยสายการบิน : FINNAIR (AY)

เรคยาวิก • บอร์กาเนส •ฮูซาเฟล •ภูเขาเคริ์กจูเฟล •อาคูเรย์รี่ •ล่องเรือชมปลาวาฬ •ทะเลสาบมายด์วัทท์ •น้ำตกโกดาฟอสส์ •โจกุลซาลอน •ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) •วิคค์•ขับสโนว์โมบิลธารน้ำแข็งแลงโจกุล สโกการ์ฟอสส์ •โกลเด้นเซอร์เคิลซิงเควลลีร์•น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ •แช่น้ำแร่บลูลากูน •เรคยาวิก•นั่งรถล่าแสงเหนือ 

**รวมค่าวีซ่าและทิปแล้ว

เดินทาง 9-18 ตุลาคม 2567 

หมายเหตุ **รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น ,กรุณาเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

9 ตุลาคม 2567: กรุงเทพมหานคร – เฮลซิงกิ

04.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินฟินน์ แอร์ (AY) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
07.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยเที่ยวบิน AY142 (ใช้เวลาบินประมาณ 12.20 ชั่วโมง)
สายการบินฯ มีบริการ อาหารเช้า และ อาหารกลางวัน ระหว่างเที่ยวบินสู่เฮลซิงกิ
15.35 น. เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ นำท่านผ่านพิธีการทางศุลกากร
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sokos Hotel Flamingo **** หรือเทียบเท่า

10 ตุลาคม 2567 :เฮลซิงกิ – เคฟลาวิค  –  บอร์กาเนส – ฮูซาเฟล– ภูเขาเคิร์กจูเฟล – สติกกิชโฮมอร์

เช้า  รับประทานอาหารเช้า แบบกล่อง
04.30 น.นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเฮลซิงกิ
07.10 น. ออกเดินสู่สนามบินเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ โดยเที่ยวบิน AY991 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.50 ชม.)
08.00 น.  เดินทางถึงสนามบินเคฟลาวิค ประเทศไอซ์แลนด์
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์กาเนส (Borgarnes)(ระยะทาง 117 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) เมืองทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์  นำท่านแวะชมน้ำพุร้อนเดลดาทุงกูเวล (Deildartunguhver Hot Spring) บ่อน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ อุณหภูมิน้ำสูงสุด 97 องศาเซลเซียส และเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำไหลเร็วที่สุดในยุโรป เร็วถึง 180 ลิตร/วินาที
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านชม น้ำตกเฮินฟอซซ่า (Hruanfossar Waterfall)(ระยะทาง 36 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที)ซึ่งในภาษาไอซ์แลนดิก Hruan แปลว่า ลาวา เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากลำธารความยาวกว่า 900 เมตรซึ่งพาดอยู่บนทุ่งลาวาที่ประทุขึ้นมาจากภูเขาไฟใต้พิภพซึ่งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งแลงโจกุลกลาเซียร์ (Lungjokull Glacier) และในฤดูที่หนาวจัด น้ำตกแห่งนี้จะแข็งเป็นน้ำแข็ง มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกรุนดาร์ฟจอร์ดูร์ (ระยะทาง 155 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชม.) เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั้งในไอซ์แลนด์และต่างประเทศ โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะมีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับความงามของธรรมชาติ อันแสนเงียบสงบ ลัดเลาะไปตามชายฝั่งตะวันตกของอ่าวแคบๆในเขตเมืองกรุนดาร์ฟจอร์ดูร์ ไม่พลาดไปชมความงดงามของภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) ภูเขาที่มีความสูงประมาณ 463 เมตร เป็นภูเขาที่มีทรงสวยงามและได้รับความนิยมมากในหมู่นักไต่เขา ใกล้ๆภูเขายังมีน้ำตกขนาดเล็กๆที่สวยงามมากแห่งหนึ่งอีกด้วย อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก เดินทางสู่เมืองStykkishólmur(ระยะทาง 39 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Fosshótel Stykkishólmur **** หรือเทียบเท่า

11 ตุลาคม 2567:สติกกิชโฮมอร์ – Varmahild – น้ำตกโกดาฟอสส์ - อาร์คูเรย์รี่

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมือง Varmahild  (ระยะทาง 259 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)หมู่บ้านเล็กๆ ใน Skagafjörður ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ ผู้คนประมาณ 140 คนอาศัยอยู่บนเนินลาดด้านตะวันออกของเนินเขาที่มีชื่อเมืองนี้ Varmahlíð จุดแวะพักยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านเดินทางเข้าชม น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss Waterfall)(ระยะทาง 129 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.)หรือที่รู้จักในนาม น้ำตกของพระเจ้า “The Waterfalls of Gods” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 12 เมตร และมีความกว้างมากกว่า 30 เมตร น้ำตกถูกค้นพบโดยนักบุญชาวคริสต์ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาไฟคลาฟฟา (Krafla Volcano)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอาคูเรย์รี่ (Akureyri) (ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองใหญ่อันดับสองของไอซ์แลนด์ และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์อีกด้วย บ้านเรือนถูกปลูกสร้างจากไม้ทาสีสันสดใสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ บ้างก็ปลูกบนเนินลาดชันซึ่งมีภูมิศาสตร์อยู่ติดภูเขาแต่จัดตั้งเป็นระเบียบอย่างลงตัว ตลอดเส้นทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของไอซ์แลนด์ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีต้นไม้สูง มีผืนหญ้าและต้นมอสหลากสีสุดสายตา สวยงามมาก เมืองอาคูเรย์รี่มีแม่น้ำโครสซาเนสบอร์เกียร์ (Krossanesborgir) เป็นแม่น้ำสายสำคัญของเมืองไหลผ่าน นำท่านชมบ้านเรือนที่จัดแผนผังเมืองเมืองอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม นำท่านชม โบสถ์อาคูเรย์รี่ เป็นสัญญลักษณ์ของเมือง เป็นโบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน ออกแบบโดยสถานปนิก Gudjon Samuelsson สร้างปี 1940  หน้าต่างกระจกสีกลางเหนือแท่นบูชาสวยงามมาก ภาพแกะสลักนูนบนระเบียงโดยประติมากรแสดงการบัพติสมา จากนั้นนำท่านสู่ถนนคนเดิน เกเรอโตรกาตา (Gerartogata) อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งบนถนนสายช้อปปิ้งของเมืองอาคูเรย์รี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Kea by Keahotels **** หรือเทียบเท่า

12 ตุลาคม 2567 :อาร์คูเรย์รี่ – ฮูซาวิก - ล่องเรือชมวาฬ – น้ำตกเดทติฟอสส์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมือง ฮูซาวิก (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชม.) เมืองแห่งธรรมชาติ และการชมวาฬ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวาฬของประเทศไอซ์แลนด์ (The Whale watching capital of Iceland)  เมืองประมงเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ ที่มีบ้านเรือนน่ารักเหมือนฉากละคร ลักษณะบ้านเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็ก มีชั้นเดียว รูปแบบบ้านจะแตกต่างกันตามสไตล์ และมีลักษณะเด่น คือ หลังคาสารพัดสี นอกจากนี้ยังเป็นเมือง ที่มีภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์ ทำให้ฮูซาวิกเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของการดูวาฬ และยังถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป (The Whale watching capital of Europe) อีกด้วย ฉายาเหล่านี้คือสิ่งที่การันตีถึงความมีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องของการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของวาฬหลายชนิด ทั้งวาฬหลังค่อม (Humpback Whales) และวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whales) ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาหาอาหารอันอุดมสมบูรณ์บริเวณรอบๆ อ่าวของเมืองฮูซาวิกแห่งนี้มาช้านาน
นำท่านล่องเรือชมปลาวาฬ กิจกรรมอันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการดูปลาวาฬแบบธรรมชาติโดยนั่งเรือกู๊ดโบ๊ต หรือเรือไม้ซึ่งออกแบบให้โต้คลื่นลมได้อย่างนิ่มนวล ปลาวาฬที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำแถบนี้จะมี 3 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ วาฬมิงค์ หรือ ในสำเนียงภาษาไอซ์แลนด์ เรียกว่า มิงคี (Minke) , วาฬหลังค่อม (Humpback) และวาฬเพชรฆาต (Killer Whale) การล่องเรือชมวาฬใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง (บนเรือมีชุดกันหนาวบริการ)
(บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในกรณีที่บริษัทฯ เรือยกเลิกให้บริการอันเนื่องมาจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านแวะถ่ายรูปที่ ทะเลสาปมายด์วัทท์ (Myvatn Lake) (ระยะทาง 85 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ทะเลสาบสีฟ้ากินพื้นที่ราว 37 ตารางกิโลเมตร นับเป็นทะเลสาบที่ใหญ่อันดับที่ 4 ของไอซ์แลนด์ เป็นแอ่งเกิดจากรอยแยกคราฟล่าฟอล์ทที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟรอบๆในอดีตกาล อยู่ในหมู่บ้านเรย์คยาห์โล และยังเป็นแหล่งอุทยานนกน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จนรัฐบาลประกาศให้เป็นเขตสงวนอนุรักษ์นกเลยทีเดียว
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ น้ำตกเดทติฟอสส์ Dettifoss (ระยะทาง 66 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ซึ่งถือว่า เป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดเป็นอันดับสองในยุโรปรองจากน้ำตกไรน์  ที่คงความเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีการแต่งเติมสิ่งก่อสร้างใดๆ บริเวณน้ำตกตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull ตื่นตาตื่นใจกับความกว้างของชั้นน้ำตก และความทรงพลังของน้ำตกที่ไหลลงกระทบชะง่อนหินอันเป็นภาพที่สวยเกินคำบรรยาย และสามารถมองเห็นละอองน้ำที่กระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้านับหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่Eglisstadir (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เป็นเมืองทางตะวันออกของไอซ์แลนด์บนฝั่งแม่น้ำ Lagarfljót เป็นส่วนหนึ่งของเทศบาลMúlaþing และการตั้งถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกโดยมีประชากร 2,522 คน เมืองที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ตะวันออกและเป็นศูนย์กลางการบริการ การคมนาคม และการบริหารหลัก เมืองนี้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูในภูมิภาคตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2008 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ KárahnjúkarและโรงงานถลุงอะลูมิเนียมของAlcoa ใน Reyðarfjörður การเติบโตได้ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่การล่มสลายของธนาคารในปี 2008
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Breiodalsvik Hotel **** หรือเทียบเท่า

13 ตุลาคม 2567 : Eglisstadir –โจกุลซาลอน -  เดินในถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) – ไดมอนด์บีช - วิคค์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ทะเลสาบธารน้ำแข็ง (ระยะทางประมาณ 255 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเที่ยวชมโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งมากขึ้นๆ ในทุกๆ ปี ปัจจุบันมีพื้นที่กว้างถึง  18 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกของน้ำในทะเลสาบถึง 200 เมตร ตื่นตาตื่นใจกับไอซ์เบิร์ก หรือ ภูเขาน้ำแข็งก้อนโตๆ เรียงรายโผล่พ้นพื้นน้ำของทะเลสาบ ยามกระทบแสงแดดก่อให้เกิดสีสันสวยงาม น่าประทับใจยิ่ง นับได้ว่าเป็นภาพธรรมชาติที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก พร้อมนำท่านชมและถ่ายรูปภูเขาน้ำแข็งในระยะใกล้
นำท่านเข้าชมความสวยงามของประติมากรรมทางธรรมชาติภายในถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) แห่งวัทนาโจกุล อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามทางธรรมชาติของถ้ำน้ำแข็งที่เรียกได้ว่าเป็นถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์และจะเข้าชมได้ในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น นำท่านถ่ายรูปที่ ไดมอนด์บีช  (Diamond Beach) ชายหาดทรายดำที่ชื่อว่า เปรียดาร์แมร์คูร์ซานดูร์(Breiðamerkursandur) หาดทรายดำที่ทอดยาวนี้ มักจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่โปร่งแสง เหมือนเป็นประติมากรรมน้ำแข็งขนาดเล็กที่เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ มองดูเหมือนเพชรที่ส่องประกาย  โดยนำแข็งที่อยู่บริเวณหาดนี้ เป็นน้ำแข็งที่ไหลออกมาจาก ภูเขาน้ำแข็งที่แตกและไหลลงสู่ โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ละลายอย่างช้าๆ และถูกพัดออกไปในทะเล ที่ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะถูกซัดโดยคลื่นของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ก่อนที่จะถูกซัดขึ้นไปบนหาด นี่เป็นเหตุผลที่เปรียดาร์แมร์คูร์ซานดูร์ได้ถูกเรียกอีกชื่อว่า ไดมอนด์บีชเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ และอิ่มเอมกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านวิก (Vik)(ระยะทาง 210 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)หมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้สุดของไอซ์แลนด์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Dyrholaey Hotel **** หรือเทียบเท่า

14 ตุลาคม 2567: วิคค์ – หาดทรายดำ – สโกการ์ – น้ำตกเซลล์จาลันฟอสส์ – โกลเดนเซอร์เคิล – ซิงเควลลีร์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะชมหาดทรายสีดำ (Black Beach) ซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ นับเป็นหนึ่งในชายหาดที่แปลกตาและมีความสวยงามที่หนึ่งบนโลก
จากนั้นนำท่านออกเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางด้านใต้ (South Shore) ของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของการค้นพบพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นพลังงานที่ถูกนำมาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงทำให้ประเทศแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองที่ไร้มลพิษ นอกจากนี้พลังงานดังกล่าวยังถูกนำมาใช้ในด้านสาธารณูปโภคอีกด้วย ทัศนียภาพสองข้างแต่งแต้มไปด้วยฟาร์มปศุสัตว์ของชาวนาและฉากหลังเป็นภูเขาไฟเฮกลา (Hekla) ที่มีความสูงถึง 1,491 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและมีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ ผ่านการระเบิดมาแล้วถึง 18 ครั้งและครั้งล่าสุดในปี 2000
นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์สโกการ์ (Skogar Folk Museum) พิพิธภัณฑ์โบราณกลางแจ้ง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 สถานที่ซึ่งรวบรวมคอลเลคชั่นโบราณแสดงความเป็นมาและชีวิตความเป็นอยู่ในอดีตของชาวนอร์ดิค จากนั้นนำท่านแวะชม น้ำตกสโกก้าฟอสส์ (Skogarfoss Waterfalls) ความสูง 62 เมตร ประทับใจกับความสวยงามของน้ำตกที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแผ่กระจายมาจากหน้าผาสูง แรงกระแทกของปลายสายน้ำเกิดเป็นละอองฟุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้หญ้าตระกูลมอสและเฟิร์นเติบโตปกคลุมหินที่เรียงรายริมลำธารเบื้องล่างอย่างสวยงาม โอบล้อมไปด้วยทุ่งลาวา,โตรกผาและหุบเหวเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและน่าประทับใจกับผู้ที่มาเยือนไอซ์แลนด์
กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านชม น้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalansfoss Waterfalls)น้ำตกที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์และถูกขนานนามว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ซึ่งบริเวณด้านหลังม่านน้ำตกสามารถเดินลอดไปหลังม่านน้ำตกได้ น้ำตกแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเซลย่าลันด์ซ่า (Seljalandsá) โดยแม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดอยู่ใต้ธารน้ำแข็งเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ (Eyjafjallajökull Glacier) ซึ่งภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งแห่งนี้ได้ปะทุขึ้นในปี ค.ศ. 2010 และก่อให้เกิดความเสียหายสนามบินทั่วยุโรปมาแล้วจากนั้น นำท่านเที่ยวชมความมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติของประทศไอซ์แลนด์ ในเส้นทางวงกลมทองคำ หรือ (Golden Circle)สัมผัสทัศนียภาพของทุ่งหญ้าสลับกับทุ่งลาวา ฝูงสัตว์นานาชนิดทั้ง แกะ วัว ม้า ที่เลี้ยงและหากินตามธรรมชาติ นำท่านเข้าชมความงามของธรรมชาติที่สรรสร้างขึ้นภายใน อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (ThingvellirNational Park) ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ Þingvallavatn ซึ่งเป็นทะเลสาบตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ใกล้กับคาบสมุทรเรกยาเนส (Reykjanes) และภูเขาไฟเฮนกิลล์ Hengill  เป็นจุดกำเนิดทางประวัติศาสตร์และทางธรณีวิทยา เพราะเป็นจุดที่มีรอยเลื่อนของโลกเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร ระหว่างทางแวะชม  ร่องรอยปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้วมีน้ำท่วมขังจนเป็นทะเลสาบกว้าง  นำท่านเดินทางสู่เมืองเซลฟอสส์ (Selfoss)(ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Selfoss Hotel  ****  หรือเทียบเท่า

15 ตุลาคม 2567 :น้ำตกกูลฟอสส์ - ขับรถสโนว์โมบิล แลงโจกุล – น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ – เรคยาวิค -       โบสถ์ฮัลลกรีมสคิร์คยา ฮอฟดิเฮา – ฮาร์ปา

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดนทางสู่ กูลฟอสส์ (Gullfoss) (ระยะทางประมาณ 71 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เพื่อชมความงามของ น้ำตกกูลฟอสส์ หรือ ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็น 1 ใน 3 สถานที่ในเส้นทาง “วงแหวนทองคำ” สถานที่ที่ผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ไม่ควรพลาด  ชื่อน้ำตก Gullfoss นี้มาจากคำว่า Gull ที่แปลว่าทองคำและ Foss ที่แปลว่าน้ำตก  เมื่อรวมกันหมายถึงน้ำตกทองคำ เป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและลดระดับลงในโตรกเขาเบื้องล่างในระดับความสูงกว่า 30 เมตร
นำท่านสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการนั่งรถจิ๊ปสู่ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ ให้ท่านได้ขับรถสโนว์โมบิลตะลุยไปในทุ่งน้ำแข็งแลงโจกุล(Langjökull Glacier)บนดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือที่อยู่สูงที่สุดของโลก ซึ่งมีความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 พื้นที่กว่า 596 ตารางกิโลเมตร ตะลุยไปในทุ่งน้ำแข็งกว้างอย่างเต็มอิ่มตลอด 1 ชั่วโมง (ทัวร์มีบริการชุดกันความหนาว, หมวกกันน็อก, ถุงมือ, รองเท้าบู๊ท)
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านชม น้ำพุร้อนธรรมชาติ (Geysir) น้ำพุร้อนหรือเกย์ซีร์ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า กีเซอร์ ที่ใช้กันทั่วโลก   น้ำพุร้อนที่นี่พวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7 – 10 นาที พลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลก ขับเคลื่อนออกมาเป็นน้ำพุร้อน ช่วยให้อากาศอบอุ่นเย็นสบาย และรัฐบาลได้นำประโยชน์จากแหล่งความร้อนทางธรรมชาตินี้มาเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งใช้ทั่วประเทศ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิก (Reykjavík)  (ระยะทางประมาณ 116 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)นำท่านชมเมืองเมืองเรคยาวิก (Reykjavík)และถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆ ของเมืองหลวงแห่งไอซ์แลนด์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นจุดที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมือง โบสถ์นี้มีความสำคัญในฐานะเป็น ศาสนสถานเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ของสถาปนิกกุดโยน (Guðjón Samúelsson) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิสท์ เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1945 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 รวมเวลาก่อสร้างกว่า 38 ปี 1786 นำท่านเที่ยวชม ฮอฟดิ เฮ้าส์ (Höfði House) สถานที่สำคัญในปี 1986 ใช้เป็นที่ประชุมสุดยอดเรคยาวิกสถานที่ที่ประธานาธิบดีเรย์แกน (Reagan) และเลขากอร์บาชอฟ (Gorbachev) ได้พบกันเพื่อหารือเรื่องการป้องกันขีปนาวุธระหว่างประเทศระหว่างช่วงสงครามเย็น จากนั้นเที่ยวชม ฮาร์ปา (Harpa) ศูนย์การประชุม และแสดงคอนเสิร์ตของไอซ์แลนด์ อาคารที่โดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง ด้วยความสำเร็จของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ กับซุ้มกระจกที่ประกอบเป็นหน้าต่างในรูปทรงที่แตกต่างกันทั้งหมด ที่นี่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับพื้นที่หินบะซอลต์ตามธรรมชาติของไอซ์แลนด์ ถ่ายรูปประติมากรรม The Sun Voyagerการเดินทางของพระอาทิตย์ รูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเรคยาวิก อนุสรณ์การฉลองการครบรอบ 200 ปีของเมืองเรคยาวิกอย่างเป็นทางการ 
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
หลังอาหารค่ำ สัมผัสประสบการณ์นั่งรถล่าแสงเหนือ (Aurora Hunting Tour) ให้ท่านได้ออกล่าแสงเหนือยามค่ำคืน (การเห็นแสงเหนือ ขึ้นกับสภาพอากาศเท่านั้น)
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand Hotel Reykjavik **** หรือเทียบเท่า

16 ตุลาคม 2567:เพอร์ลัน – เคฟลาวิก - เฮลซิงกิ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชม เพอร์ลัน (Perlan) หรือ The Pearlเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไว้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองโดยสถาปนิกชื่อดัง อิงกิ มูนดูร์ เป็นผู้ออกแบบ อาคารรูปทรงคล้ายลูกโลกครึ่งวงตั้งอยู่บนฐานที่คล้ายถังน้ำมองเห็นได้ในระยะไกล แบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ร้านอาหาร, ร้านไอศกรีม,พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไวกิ้ง, สวนน้ำ และร้านขายของที่ระลึก
นำท่านเดินทางสู่เมืองกรินดาวิกสู่ บลูลากูน (Blue Lagoon) หรือ ทะเลสาบสีฟ้า(ระยะทางประมาณ 50 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลกและโด่งดังที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวกว่า 95% ต่างไม่พลาดกับการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ อิสระให้ท่านแช่น้ำแร่ธรรมชาติผ่อนคลายไปกับ Stream & Sauna เพื่อการพักผ่อนตามอัธยาศัย (มีบริการผ้าขนหนูให้ท่าน กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกคลุมผมไปด้วยสำหรับการแช่น้ำแร่ในบลูลากูน ***)  
กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านสู่สนามบินเคฟลาวิก (Keflavik International Airport)
17.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเฮลซิงกิ โดยเที่ยวบิน AY994 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.25 ชั่วโมง)
00.05 น.  เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ  นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sokos Hotel Flamingo **** หรือเทียบเท่า

17 ตุลาคม 2567:เฮลซิงกิ – โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ – มหาวิหารเฮลซิงกิ - เซเนท สแควร์

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมืองเฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงของฟินแลนด์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ รัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 – ค.ศ. 1868 นำท่านเข้าชมโบสถ์เทมเปลิโอคิโอ" (Temppeliaukio Church) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป นำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย เป็นอนุสาวรีย์ที่นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก นำท่านเที่ยวชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมี อนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
11.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ
13.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร (บินตรง) โดยสายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY141 (ใช้เวลาบิน

18 ตุลาคม 2567 : กรุงเทพฯ

05.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการ 

9 -18 ตุลาคม 2567

ผู้ใหญ่พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือ เด็กอายุมากกว่า 11 ปีบริบูรณ์ พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือพัก 3 ท่านต่อห้อง

189,900

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

33,000

เด็กอายุ 2-11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน เสริมเตียง

179,900

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์(AY) เริ่มต้นที่ท่านละ
(ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง confirm เท่านั้น)

110,000 – 170,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหักคืน (BKK-HEL-KEF-HEL-BKK)

38,000

มีวีซ่าเชงเก้นแล้ว หักคืนท่านละ

4,000

Visitors: 149,800