ทัวร์อเมริกาใต้ แกรนด์ อเมริกาใต้ พรีเมี่ยม Rio Carnival 26 วัน เดินทาง 27 กุมภาพันธ์ – 24 มีนาคม 2568 | สายการบิน TURKISH AIRLINES (TK)
รหัสสินค้า : CJN_H002_GRAND SOUTH AMERICA 26D_27 FEB-24 MAR 25_TK
ราคา |
585,000.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 585,000.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
แกรนด์ อเมริกาใต้ Rio Carnival | 26 วัน
พิเศษ.. เที่ยวประเทศอเมริกาใต้ครบสูตร
#อเมริกา #อเมริกาใต้ #rio carnival #อาร์เจนตินา #บราซิล #ชิลี #โบลิเวีย #เปรู #โคลอมเบีย
ราคา: 585,000.- บาท *(ไม่รวมค่าวีซ่า)
โดยสายการบิน: TURKISH AIRLINES (TK)
▪บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา) ▪ธารน้ำแข็งเปอร์ริโตเมอริโน ▪น้ำตกอิกวาสุ 2 ฝั่ง ทั้งอาร์เจนตินา และ บราซิล ▪ริโอเดอจาเนโร (บราซิล) ▪พระเยซูคริสต์ ▪ชมขบวนพาเหรดรอบแชมเปี้ยน Rio Carnival 2025 ▪ซานเตียโก (ชิลี) ▪เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ▪อะตาคามา ▪ลาปาซ (โบลิเวีย) ▪ทะเลเกลืออูยูนิ ▪ทะเลสาบโคโรราดา ▪มาชูปิคชู (เปรู) ▪ลิมา ▪โบโกตา (โคลอมเบีย)
***สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคาร์นิวัลแบบใกล้ชิดกับที่นั่ง Grand Stand Sector 9
เดินทาง: 27 กุมภาพันธ์ – 24 มีนาคม 2568
หมายเหตุ กรุณาสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
แกรนด์อเมริกาใต้Rio Carnival
โปรแกรมการเดินทาง
27 ก.พ. 2568 กรุงเทพ
20.00 น.คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน T (แถว T 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
22.50 น.ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 11.15 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ และอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
28 ก.พ. 2568 อิสตันบูล – บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา)
06.10 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูลแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK15 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินอิสตันบูล ตามอัธยาศัย
10.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่ สนามบินมินิสโตร ปิสตารินี (EZE) ประเทศอาร์เจนติน่าโดย สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส สายการบินมีบริการอาหารบนเครื่อง (ใช้เวลาบินประมาณ 18.10 ชั่วโมง)
********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *******
สายการบินมีบริการอาหารเช้า และ อาหารกลางวันบนเครื่องบิน
22.25 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ มินิสโตร ปิสตารินี (EZE) ประเทศอาร์เจนตินา
นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศสู่โรงแรมที่พัก เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนและปรับเวลา หลังผ่านการเดินทางข้ามทวีปสู่ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศในทวีปอเมริกาใต้
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว 725 Continental Hotel Buenos Aires **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
1 มี.ค. 2568 บัวโนสไอเรส - คาซา โรซาดา - มหาวิหารโรเซอร์เรตต้า - สุสานของเอวา เปรอน – คาร์เมนนิโต้
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับทำเนียบประธานาธิบดีหรือที่มีชื่อเรียกว่า “คาซา โรซาดา” (Casa Rosada) แปลว่าบ้านสีชมพูหรือบ้านสีกุหลาบเพราะใช้หินสีชมพูก่อสร้าง ตั้งตระหง่านอยู่หน้า จัตุรัสมาโย (Plaza De Mayo) อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามของเมืองและสถาปัตยกรรม อาคารสำนักงานต่างๆที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะยุโรป นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1677 และได้พังทลายลงในปี 1753 ต่อมาได้มีการบูรณะสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่โบสถ์แห่งนี้เป็นที่ฝังศพของ นายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน นักปฎิวัติผู้ยิ่งใหญ่และผู้นำอิสรภาพสู่อาร์เจนตินา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จตุรัสคองเกรส ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ (Parliament House) นำท่าน ผ่านชมถนน 9 กรกฎาคม (Avenida 9 de Julio) ซึ่งชาวอาร์เจนตินาอ้างว่าถนนสายนี้เป็นถนนที่กว้างที่สุดในโลก ผ่านชมที่ตั้งของเสาโอบิลิกส์ (Obelisk El Obelisco) สร้างขึ้น ในปี 1936 ณ ส่วนกลางของถนนแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ธงอาร์เจนตินาถูกเชิญสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรก เป็นที่จัดประชุมทางการเมือง งานดนตรี และเป็นสถานที่ฉลองชัยชนะของทีมฟุตบอลอาร์เจนตินา นำท่านสู่ย่านลาโบกา (La Boca) ย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นแรงงาน มีสีสันสดใสหลากหลายจนลายตา ได้รับการก่อตั้งขึ้นในกลางศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของกรรมกรท่าเรือ โดยได้ตั้งติดอยู่ริมน้ำพอดี ย่านนี้ได้ชื่อว่ามีบ้านเรือนที่สร้างด้วยสังกะสีแต่มีการนำสีสด ๆ แปลก ๆ มาทา จิตรกรเบนีโต กินเกลา มาร์ติน เป็นผู้นำในการใช้สีของผู้คนในย่านนี้ในช่วงต้นๆ ศตวรรษ
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางชมสุสานของเอวา เปรอน (Tomb of Evita Peron) เป็นผู้นำทางการเมืองและนักแสดงคนสำคัญของอาร์เจนตินา ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอาร์เจนตินาในปี 1952 เธอเสียชีวิตในปีเดียวกันนั้นด้วยวัย 33 ปีเนื่องจากมะเร็งมดลูก หลุมศพของเธออยู่ในย่าน Recoleta (บัวโนสไอเรส) และเป็นหนึ่งในหลุมศพที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก นำท่านเดินทางชมย่านคาร์เมนนิโต้ (Camanito) หมู่บ้านแทงโก้ที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ความเป็นชุมชนเก่าแก่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ริมถนนและตรอกแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ใน La Boca ย่านบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรมเพราะเป็นแรงบันดาลใจให้กับดนตรีแทงโก้อันโด่งดัง "Caminito (1926)" ซึ่งแต่งโดย Juan de Dios Filiberto
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว 725 Continental Hotel Buenos Aires **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
2 มี.ค. 2568 บัวโนสไอเรส – คาลาฟาเต้ - ธารน้ำแข็งเปอร์ริโตเมอร์ริโน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
06.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินบัวโนสไอเรส (AEP) ประเทศอาร์เจนตินา
08.20 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสนามบินเอลคาลาฟาเต้ (FTE) ประเทศอาร์เจนตินา โดยสายการบินแอโรลีเนียส อาร์เจนตินัส เที่ยวบินที่ AR1844 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.20 ชม.)
11.40 น. เดินทางถึงสนามบินสนามบินเอลคาลาฟาเต้ (FTE) ประเทศอาร์เจนตินา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ธารน้ำแข็งเปอร์ริโตเมอร์ริโน (Perito Moreno Glacier) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นธารน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอสกลาซิอาเรส (Parque Nacional Los Glaciares) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด Santa Cruz ประเทศอาร์เจนตินา และมีต้นกำเนิดในภูมิภาค Magallanes ในประเทศชิลี เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในอาร์เจนตินา ปาตาโกเนีย การก่อตัวของน้ำแข็งขนาด 250 ตารางกิโลเมตร ยาว 30 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็ง 48 แห่งที่ได้รับอาหารจากทุ่งน้ำแข็งปาตาโกเนียนตอนใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสร่วมกับชิลี ซึ่งมีส่วนเล็กๆ ของต้นกำเนิดของ ธารน้ำแข็ง ทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก หากท่านยืนดูไปสักพัก ธารน้ำแข็งตรงที่อยู่ริมสุดจะค่อยๆถล่มลงมา หรือเรียกว่า Ice Calving ซึ่งจะเกิดเสียงดังกระหึ่มเลยทีเดียว นอกจากนั้น ภูเขาธารน้ำแข็ง เปริโต มอเรโน ยังได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1981 อีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Hotel Mirador del Lago/Kosten Aike Hotel ****หรือเทียบเท่า(คืนที่ 1)
3 มี.ค. 2568 ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอัปซาลา - คาลาฟาเต้
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านล่องเรือชมธารน้ำแข็งอัปซาลา (Upsala Glacier) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถือเป็น 1 ใน 10 สถานที่ในโลกที่เหมาะจะดูธารน้ำแข็ง และเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสองในอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอาร์เจนติน่า และตื่นตาตื่นใจกับธารน้ำาแข็งที่มีความยาวกว่า 50 กิโลเมตร กว้างประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของทะเลสาบอาร์เจนติน่า
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองคาลาฟาเต้ (Calafate) เมืองทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและชมความน่ารักของเมืองเล็กๆแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเข้าชมกลาซีเรียม (Glaciarium) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้เรื่องธารน้ำแข็งกลาเซียร์ และ การเกิดธารน้ำแข็ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Hotel Mirador del Lago/Kosten Aike Hotel**** หรือเทียบเท่า(คืนที่ 2)
4 มี.ค. 2568 คาลาฟาเต้ - บัวโนสไอเรส
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเอลคาลาฟาเต้ (FTE) ระหว่างทางท่านจะได้เพลินเพลินกับทัศนียภาพของทิวเขาสลับทะเลสาบ อันเลื่องชื่อของคาลาฟาเต้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch box
13.30 น.ออกเดินทางสู่สนามบินบัวโนสไอเรส (AEP) ประเทศอาร์เจนตินา โดยสายการบินแอโรลีเนียส อาร์เจนตินัส เที่ยวบินที่ AR1895 (ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชม.)
16.30 น.เดินทางถึงสนามบินบัวโนสไอเรส (AEP) ประเทศอาร์เจนตินา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Holiday Inn Ezeiza Hotel **** หรือเทียบเท่า
5 มี.ค. 2568 น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งอาร์เจนตินา)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน
11.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอิกวาสุ (อาร์เจนตินา) โดยเที่ยวบิน AR 1844 (ใช้เวลาบิน 1.55 ชั่วโมง)
13.30 น. เดินทางถึงสนามบินอิกวาสุ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน Lunch Box
บ่าย นำท่านชมน้ำตกอิกวาสุ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งอาร์เจนตินา) เพื่อให้ท่านได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความงดงามของน้ำตกอิกวาสุ (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางธรรมชาติ) อย่างใกล้ชิด นำท่านชมจุด Devil’s throat ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อ 14 กรกฎาคม 2567 เนื่องจากได้รับความเสียหายจากกระแสน้ำเชี่ยวกราด ครั้งนี้ท่านจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่าของน้ำตกอิกวาสุฝั่งอาร์เจนตินา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความยิ่งใหญ่อลังการแบบจัดเต็มได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Grand Carina Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
6 มี.ค. 2568 น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งบราซิล) – เขื่อนอิไตปู – ล่องเรือเจทมาคูโค
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางชมเขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตนั้นจัดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนในประเทศจีนจะมีการก่อสร้างเสร็จ เขื่อนอิไตปูสร้างในปีค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปีค.ศ.1988 รวมระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปี คำว่า “อิไตปู” มาจากภาษากวารานิของชาวอินเดียนแดงชนเผ่าดั้งเดิม แปลว่า “เสียงเพลงจากก้อนหิน” เขื่อนอิไตปู กั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย ซึ่งนอกจากเป็นผนังกั้นน้ำและผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศอีกด้วย ตัวเขื่อนมีขนาดความสูง 180 เมตร ความยาวกว่า 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการก่อสร้างกว่า 28 ล้านตัน และใช้เหล็กมากขนาดที่ว่าใช้สร้างหอไอเฟลได้ถึง 380 หอเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย เนื่องจากความอลังการของเขื่อนแห่งนี้ นำท่านเดินทางชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอิกวาสุ (Iguaza Fall) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani) ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม แปลว่า “สายน้ำอันยิ่งใหญ่” ค้นพบโดยนักสำรวจชาวสเปนชื่อ AI VARO NUNES CABEZA DE VECA เมื่อปี ค.ศ. 1542 น้ำตกอิกวาสุตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกโดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่าประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา น้ำตกอิกวาสุเกิดจากแม่น้ำอิกวาสุซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกใหญ่น้อยอีกกว่า 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร บนฝั่งประเทศบราซิลจะมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงาม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านสัมผัสบรรยากาศ น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งบราซิล) ซึ่งเป็นฝั่งที่ท่านสามารถมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงามที่สุด (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางธรรมชาติ) ท่านจะได้สัมผัสกับความงามแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติ น้ำตกทรงเกือกม้าที่เกิดจากแม่น้ำริโออิกวาสุทั้งสายไหลมาจากหน้าผาเบื้องบนตกลงสู่หุบเหวย่อยๆ กว่า 30 แห่ง พลังน้ำตกที่ตกลงมากระทบก้อนหินเบื้องล่างก่อให้เกิดละอองน้ำกระเซ็นกระจายไปทั่วปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำสีสวยสดใส ซึ่งท่านสามารถเดินเข้าไปสัมผัสกับพลังของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด จากนั้นนำท่านเดินทางล่องเรือเจทมาคูโค (Jet Macuco Boat) ชมความสวยงามของแม่น้ำอิกวาซู และชมความงดงามของน้ำตกแห่งนี้แบบใกล้ชิด (กรุณาเตรียมเสื้อผ้า 1 ชุด สำหรับเปลี่ยนหลังล่องเรือแล้ว) (ทางบริษัทจัดเตรียมเสื้อกันฝนให้ลูกค้าทุกท่าน)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Grand Carina Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
7 มี.ค. 2568 อิกวาสุ – ริโอเดอจาเนโร – รูปปั้นของพระเยซู
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
07.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิกวาสุ
09.45 น. ออกเดินทางจากสนาบินอิกวาสุ สู่สนามบิน ริโอเดอจาเนโร โดยเที่ยวบิน G3 9007
11.40 น. เดินทางถึงสนามบินริโอเดอจาเนโร
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านนั่งรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado Mountain) อันเป็นที่ตั้งของรูปปั้นของพระเยซู ชื่อ Christ of Redeemer ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นพระเยซูที่มีความสูงประมาณ 700 เมตรนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองและชายหาดที่สวยที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้อย่างใกล้ชิด ชาวบราซิลมักจะกล่าวอ้างว่า พระเจ้าเป็นชาวบราซิล ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปปั้นพระเยซู ที่ยืนเพ่งมองมายังเมืองราวกับว่า ริโอ อยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ (ทั้งนี้การขึ้นสู่ยอดเขาขึ้นกับสภาพอากาศ) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและถ่ายรูปตามอัธยาศัย นำท่านเที่ยวชมเมือง ริโอ เดอจาเนโร ซึ่งเป็นประตูสู่ประเทศบราซิล ได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นำท่านแวะถ่ายรูปกับสนามกีฬามารากาน่า (Maracana stadium) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหารของฟุตบอลบราซิล เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 3 ของเมือง และเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจมาก มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิลเกิดขึ้นที่นี่มากมาย เช่น การยิงประตูที่ 1,000 ของเปเล่ ตำนานลูกหนังแซมบ้าเมื่อ 40 ปีก่อน และยังเป็นสนามที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติเป็นนัดแรกด้วย สนามนี้ถูกใช้เป็นที่จัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ รวมถึงจะใช้จัดพิธีเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิกปี 2016
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Windsor Excelsior Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
8 มี.ค. 2568 ยอดเขาชูการ์โลฟ – ชมขบวนพาเหรด Rio Carnival 2025
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สู่ยอดเขาชูการ์โลฟ (Sugar Loaf Mountain) เป็นยอดเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดเลื่องชื่อ โคปาคาบานา ยอดเขาแห่งนี้ มีความสูง 1,400 เมตร ซึ่งสูงตระหง่านอยู่ที่ปลายแหลมสุดของปากอ่าว กวานาบารา และตั้งโดดเด่นคู่กับภูเขาคอร์โควาโด ท่านสามารถชมทิวทัศน์และภาพอันงดงามของเมืองริโอ เดอจาเนโร จากมุมสู่ของยอดเขาชูการ์โลฟ อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตาม ได้เวลานำท่านผ่านชมฟลาเมนโกพาร์ค สะพาน Neteroi ก่อนลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเล ผ่านชายหาดที่มีชื่อเสียงก้องโลก จนถึงหาดโคปาคาบานาที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารญี่ปุ่น
บ่าย นำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนก่อนการเข้าชมขบวนพาเหรด ริโอ คาร์นิวัล Rio Carnival 2025 ณ Samba drome
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
19.00 น. นำท่านสู่แซมโบโดรม (Sambodrome) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันขบวนคาร์นิวัลรอบแชมเปี้ยน (Carnival Champion Parade) อันยิ่งใหญ่งดงามตระการตา ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคาร์นิวัลแบบใกล้ชิด และจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ท่านจะไม่มีวันลืมเลือน (ที่นั่ง Grand Stand Sector 9)
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Windsor Excelsior Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
9 มี.ค. 2568 ริโอเดอจาเนโร - ซานเตียโก (ชิลี) - จตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม - มหาวิหารแห่งซานเตียโก - พระราชวังโมนิดา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
06.30 น. นำท่านเดินทางส่สนามบินริโอเดอจาเนโร
09.50 น. ออกเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก ประเทศชิลี โดยเที่ยวบิน LA777 (ใช้เวลาบิน 4.50 ช.ม.)
สายการบินบริการอาหารและ เครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน
14.40 น. เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก ประเทศชิลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านสู่ย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลียน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Pullman Santiago Vitacura Hotel**** หรือเทียบเท่า
10 มี.ค. 2568 เกาะอีสเตอร์ (ชิลี) - ภูเขาไฟราโนเกา – หมู่บ้านโอรองโก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
06.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก (SCL) เพื่อเชคอิน
09.10 น. ออกเดินทางสู่สนามบินอีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) โดยเสายการบินเจ็ทบลูแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ LA 841 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.25 ช.ม.) สายการบินมีบริการอาหารเช้า บนเครื่องบืน
12.35 น. เดินทางถึงสนามบินอีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) บนเกาะอีสเตอร์
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเที่ยวชมและเก็บภาพความสวยงามของปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano) จากนั้นนำท่านสู่จุดชมวิวที่ทำให้สามารถเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและชมทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะนก และเกาะอีสเตอร์ ตลอดจนบ้านพักอาศัยของชาวเมืองในสมัยก่อน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Nayara Hanga ROA *****หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
11 มี.ค. 2568 เกาะอีสเตอร์ – ราโน ราราคู
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่านเดินทางชมโมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านเดินทางชมโมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Nayara Hanga ROA *****หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
12 มี.ค. 2568 เกาะอีสเตอร์ – อาฮู อากิวี โมอาย – ซานเตียโก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 เพื่อถ่ายรูปกับโมอาย สัญลักษณ์แห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี โมอาย (Ahu Akivi Moai) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว
11.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ (IPC) บนเกาะอีสเตอร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box
14.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี โดยเสายการบินเจ็ทบลูแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ LA842 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.40 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารเย็น บนเครื่องบิน
21.15 น. เดินทางถึงสนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Pullman Santiago Vitacura Hotel **** หรือเทียบเท่า
13 มี.ค. 2568 ซานเตียโก - คาลามา - ทะเลสาบมรกต – ทะเลทรายดาลิ
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบ Box Breakfast
05.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน
07.45 น. ออกเดินทางสู่สนามบินคาลามาโดยเที่ยวบิน LA378 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.08 ชั่วโมง)
สายการบินบริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน
09.53 น. เดินทางถึงสนามบินคาลามา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ด่านพรมแดนชิลี – โบลิเวีย ผ่านพิธีการตรวจเอกสารออกจากประเทศชิลี และ ตรวจคนเข้าเมืองประเทศโบลีเวีย นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบเวอเด (Laguna Verde) หรือทะเลสาบมรกต (Green Lake) ทะเลสาบสีเทอควอยส์ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่รังสรรค์ความแตกต่างและความมหัศจรรย์ให้กับโบลิเวีย ทะเลสาบที่สะท้อนผิวน้ำสีเขียวมรกตสวยงามยิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความน่าประทับใจ นำ
นำท่านเดินทางผ่านทะเลทรายดาลิ (Desierto de Dali) ทะเลทรายที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่คล้ายนำก้อนกรวดเล็กๆมาโรยหลายพันตารางกิโลเมตร อีกหนึ่งทัศนียภาพอันแปลกตาแห่งโบลิเวีย ท่านจะสัมผัสกับเนินทรายสลับเป็นทิวแถวสุดลูกตา นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ทางธรรมชาติที่น่าพิศวงแห่งโบลิเวีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Siloli Dessert Hotel/ Tayka del Desierto / Mullku Vueva Hotel หรือเทียบเท่า
14 มี.ค. 2568 ทะเลสาบแดง – ซานคริสโตบอล - ทะเลเกลือ อูยูนิ (พักค้าง 2 คืน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโลราดา (Laguna Colorada) หรือที่รู้จักในชื่อ ทะเลสาบแดง (Red Lagoon) เนื่องจากบริเวณทะเลสาบแห่งนี้มีสาหร่ายสีแดงขึ้นเป็นจำนวนมากจึงทำให้มองดูเหมือนน้ำในทะเลสาบเป็นสีแดง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของฝูงนกฟลามิงโก กว่า 3 สายพันธุ์ และเป็นทะเลสาบที่เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนที่สูงที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่เหนือระดับ 4,800 เมตร ให้ท่านได้เก็บภาพความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งโบลิเวีย ที่สวยงามยิ่งและเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมหากได้มาเยือนโบลิเวีย อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามของทะเลสาบโคโลราดา และฝูงนกฟลามิงโกตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองซานคริสโตบอล (San Cristobal) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เล็กๆประจำหมู่บ้านแห่งนี้ “โบสถ์ซานคริสโตบอล” (San Cristobal Church) หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางการทำเหมืองของโบลิเวีย ตลอดสองข้างทางท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพสองข้างที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งภูมิประเทศแบบทะเลเกลือ และเนินดินอันเป็นที่อยู่ของต้นกระบองเพชร ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองอูยูนิ (Uyuni) นำท่านแวะถ่ายรูปกับสุสานรถไฟ (Train Cemetery) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เก็บรถไฟ และหัวรถจักรที่เคยใช้ในอดีต
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Jardines De Uyuni Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
15 มี.ค. 2568 อูยูนิ (โบลิเวีย) - ทะเลเกลือ Uyuni ทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก - อินคาฮัวซิ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านสัมผัสประสบการณ์นั่งรถ 4 WD มุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) พื้นที่ซึ่งเวิ้งว้างกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา โดยมีน้ำทะเลตื้นๆ ที่ขังอยู่ที่พื้น ได้สะท้อนฟ้าสีครามเบื้องบน ทั้งยังทอดตัวยาวไปจรดกับแผ่นฟ้ายังที่แห่งหนึ่งไกลลิบๆ สุดสายตา ทำให้สถานที่แห่งนี้เสมือนแดนสวรรค์ในความคิดของใครหลายคน ทะเลสาบน้ำเค็มอูยูนิ (Uyuni) เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม หรือ ทะเลสาบแห้ง (salt flat หรือ dry lake) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 3,600 เมตร บนเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ด้วยความสูงถึงเพียงนี้จึงราวกับว่า Uyuni เป็นดินแดนที่อยู่ท่ามกลางฟากฟ้าและก้อนเมฆ ยามปกติจะเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มีน้ำทะเลขังอยู่เพียงตื้้นๆ ส่วนในบางฤดู น้ำอาจระเหยออกจนกลายเป็นทะเลเกลือขาวโพลนซึ่งให้ความสวยงามไปอีกแบบ อิสระให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาเยือนทะเลเกลือหรือทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน Picnic Set
บ่าย นำท่านเดินทางสู่อินคาฮัวซิ (Incahuasi Island) หรือที่รู้จักในนามเกาะปลา (Fish Island) เป็นเกาะหินที่เกิดขึ้นใจกลางทะเลเกลือแห่งนี้เกิดจากการทับถมของซากปะการังเป็นเนินขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นเนินหินเดียวที่เกิดขึ้นในบริเวณทะเลสาบเกลือแห่งนี้ และเป็นเนินที่เต็มไปด้วยต้นกระบองเพชร นำท่านถ่ายรูปความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งของทะเลเกลือ ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Jardines De Uyuni Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
16 มี.ค. 2568 อูยูนิ - ลาปาซ – นครโบราณติวานาคู – วิหารคาลาซาซายา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
06.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอูยูนิ
09.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินลาปาซ โดยเที่ยวบินที่ OB305 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.05 ชม.)
10.15 น. เดินทางถึงสนามบินลาปาซ ประเทศโบลิเวีย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่นครโบราณติวานาคู (Tiwanaku) หรือ ติฮัวนาคู (Tihuanaco) เมืองโบราณอีกแห่งที่ยิ่งใหญ่ในช่วงก่อนจักรวรรดิอินคาเรืองอำนาจ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2000 เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและตั้งอยู่สูงที่สุดในโบลิเวีย โดยอารยธรรมของชาวติฮัวนาคู เกิดก่อนอารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งอินคา ราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วง ค.ศ. 900 มีการสร้างปิระมิด และ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้าเฉกเช่นเดียวกับชาวอินคา จากนั้นนำท่านเดินทางชมวิหารคาลาซาซายา (Kalasasaya Temple) เป็นอีกวิหารหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และสันนิษฐานว่าเป็นวิหาร ที่สร้างเพื่อทำนายฤดูกาลต่างๆ ของชาวติฮัวนาคู เพื่อการกสิกรรมและการเก็บเกี่ยวพืชผลในสมัยก่อน อิสระให้ท่านเก็บภาพความยิ่งใหญ่และความเก่าแก่ของนครโบราณแห่งนี้ตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารญี่ปุ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Atix Hotel Lapaz **** หรือเทียบเท่า
17 มี.ค. 2568 ลาปาซ – ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมเมือง - จตุรัสมูริลโล – โบสถ์ซานฟรานซิสโก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมกรุงลาปาซ เมืองหลวงประเทศโบลิเวีย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 เมืองมหัศจรรย์แห่งใหม่ของโลกในปี 2014 ทั้งนี้กรุงลาปาซ เป็นเมืองที่ตั้งสูงที่สุดในโลก ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส สูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ (Cable Car) เพื่อชมความสวยงามของเมืองหลวงลาปาซ นำท่านเดินทางชมจตุรัสมูริลโล (Plaza Murillo) จัตุรัสใจกลางของเมืองลาปาซ และเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมโยงกับชีวิตทางการเมืองของโบลิเวียมากที่สุด อาคารที่โดดเด่นบนจัตุรัส ได้แก่ ทำเนียบประธานาธิบดี สภาแห่งชาติโบลิเวีย อาสนวิหารลาปาซ และหน่วยงานราชการต่างๆ ตลอดจบ โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางชมโบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) เป็นโบสถ์คาทอลิกภายใต้การสนับสนุนของฟรานซิสแห่งอัสซีซี ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1743 ถึง 1772 แต่หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
13.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินลาปาซ
15.33 น. ออกเดินทางสู่สนามบินคูซโก้ โดยเที่ยวบิน AV104 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.19 ชั่วโมง)
15.52 น. เดินทางถึงสนามบินคูซโก้
นำท่านเดินทางสู่หุบเขาซาเครท (Sacred Valley) (ระยะทาง 64 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งอินคา เป็นหุบเขาในเทือกเขาแอนดีสของเปรู ทางเหนือของเมืองหลวงอินคาของคูซโก้ ตั้งอยู่ในภูมิภาคกคูซโก้ ของเปรูในปัจจุบัน และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ที่จะเปิดให้ท่านเดินทางไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างมาชู ปิคชู
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Taypikala Hotel Deluxe Valle Sagrado ***** หรือเทียบเท่า
18 มี.ค. 2568 คูซโก้ (เปรู) - นั่งรถไฟไต่เขาขึ้นสู่มาชู ปิคชู (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลก) - มาชู ปิคชู
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
07.30 น. นำท่านเดินทางสู่เมืองโอลันตาทัมโบ (Ollantaytambo) เพื่อขึ้นรถไฟสู่นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชู ปิคชู (Machu Picchu) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลก โดยรถไฟ (Vista Dome)ไต่ขึ้นเทือกเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ ที่สถานีรถไฟโอลันตาทัมโบ (Ollantaytambo Station) ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงามและความลึกลับของบรรยากาศโดยรอบที่เข้ากับสถานที่ ข้างทางเป็นแม่น้ำอูรูบัมบา (Urubamba) ไหลแรงคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่สถานีปลายทาง
08.29 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟโอลันตาทัมโบ (Ollantaytambo Station) ด้วย Peru Rial Peru Rial Visdome 31
09.54 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟมาชู ปิคชู (Machu Picchu Station) นำท่านเดินทางสู่มาชู ปิคชู (Machu Picchu) นครที่หายสาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ นครโบราณแห่งนี้ถูกค้นพบโดยฮิรัม บิงแฮม ซึ่งตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมืองที่ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฎอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น จึงได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาอันเป็นที่ตั้งคือ Machu Picchu ซึ่งมีความหมายว่า Old Mountain และ ยังมียอดเขา Huayna Picchu หรือ New Mountain ขนาบข้าง ตัวโบราณสถานมาชู ปิคชู ซ่อนอยู่บนยอดเขาสูงเฉียดฟ้า และ ณ ที่แห่งนี้คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัย ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาปกครองในสมัยศตวรรษที่ 15 อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจตามอัธยศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (Buffet)
บ่าย นำท่านเที่ยวชมมาชูปิกชู (Machu Picchu) หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ สถาปัตยกรรมของชาวอินคาที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าเมฆที่เขียวชอุ่มที่ ระดับความสูงกว่า 2,400 เมตรเหนือระดับนํ้าทะเล ซึ่งเพิ่งถูกค้นพบ โดยนักสํารวจชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Hiram Bingham เมื่อปี 1911 มาชูปิกชูได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัติยกรรมที่สุดยอดของโลก ด้วยการนำหินขนาดใหญ่มาสร้างเป็นบ้านเรือนและวิหารต่อขึ้นไปโดยที่ไม่มีการใช้ปูนหรือสลักในการเชื่อมต่อหินแต่ละก้อน และบ้านเรือนและวิหารเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันอิสระให้ท่านชมความสวยงามและเก็บภาพของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ไม่ควรพลาดและได้มาเยือน จากนั้นนำท่านเดินทางชมหมู่บ้านมาชู ปิคชู (Machu Picchu Village)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว El Mapi Hotel **** หรือเทียบเท่า
19 มี.ค. 2568 มาชู ปิคชู - นั่งรถไฟไต่เขาลงสู่ คูซโก้ – คูซโก้ – จัตุรัสอาร์ม – วิหารโคริคันชา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.53 น.ออกเดินทางนั่งรถไฟไต่เขาลงสู่สถานีรถไฟโอลันตาทัมโบ (Ollantaytambo) ด้วย Peru Rial Peru Rial Expedition 72 ท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อีกฟาก ของรถไฟ ตลอดเส้นทางของการไต่ลงจากเทือกเขาแอนดิส พร้อมความภูมิใจและความประทับใจที่ครั้งหนึ่งท่านได้มาเยือน เมืองโบราณอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอินคา เมืองโบราณที่หายสาบสูญมานาน และได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
13.35 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟวันชาค (Wanchaq)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองคูซโก้ (Cuzco) นำท่านเดินทางชมจัตุรัสอาร์ม (Plaza de Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จัตุรัสนักรบ (Square of the warrior) ตั้งอยู่ในเมืองคูซโก้ ประเทศเปรู เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองคูสโก้ และเป็นที่ตั้งของ โบสถ์ลาคัมปาเนีย (Church of la Compania de Jesus) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1576 และได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตกรรมโคโลเนียล บาโร๊คที่สวยงามคู่เมืองคูซโก้มานาน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความประทับใจของเมืองคูซโก้ อดีตเมืองราชธานีที่รุ่งเรืองที่สุดของอเมริกาใต้ นำท่านเดินทางเข้าชมวิหารโคริคันชา (Qoriqancha) หรือที่รู้จักในนาม วิหารพระอาทิตย์ (The Sun Temple) ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าดวงอาทิตย์ นำท่านเดินทางชมเมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แผ่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ นำท่านเดินทางชมย่านเมืองเก่าของเมืองคูซโก้ (Cuzco) เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1983 นำท่านเดินทางชมกำแพงหิน หรือที่รู้จักในนาม 12 Side Stone ที่สร้างขึ้นโอบล้อมเมืองเก่าคูซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณ โดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ นับได้ ว่าเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองเก่าคูซโก้ จากนั้นสัมผัสกับความมหัศจรรย์ในการก่อสร้างที่แข็งแรงของกำแพงเมืองของชาวอินคา นำท่านชมกำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman) ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูและป้องกันแผ่นดินไหว สิ่งเหล่านี้ได้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของชาวอินคาอย่างน่าประหลาดใจ นำท่านเดินชมความสวยงามของเมืองคูซโก้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Sonesta Hotel Cusco **** หรือเทียบเท่า
20 มี.ค. 2568 คูซโก้ - ลิมา (เปรู) – พิพิธภัณฑ์ทองคำเปรู - จตุรัส อาร์ม – ทำเนียบรัฐบาล - มหาวิหารบาซิลิกาแห่งลิมา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
09.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินคูซโก้
12.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินลิมา (LIM) โดยเที่ยวบินที่ LA2016 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.30 ชม.)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box
13.45 น. เดินทางถึงสนามบินลิมา (LIM)
นำท่านเดินทางเเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทองคำเปรูและอาวุธของโลก (Gold Museum of Peru and Arms of the World) เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีและสงครามชาวเปรูที่ตั้งอยู่ ในย่าน Monterrico, Santiago de Surco, ลิมา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งโดยนักการทูตและนักล่าตัวยง Miguel Mujica Gallo ในทศวรรษ 1960 เพื่อจัดแสดงคอลเลกชันส่วนตัวตลอดชีวิตของเขาซึ่งรวบรวมชิ้นส่วนทองคำและอาวุธของโลกก่อนยุคอินคา ซึ่งเป็นเจ้าของจนถึงปี 1993 พิพิธภัณฑ์อยู่ในอาคารสองชั้น อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก มีทางเข้าแบบห้องนิรภัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการบริจาคให้กับรัฐเปรูโดย Gallo และปัจจุบันบริหารงานโดยมูลนิธิ Miguel Mujica Gallo
นำท่านเที่ยวชมกรุงลิมา (Lima) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเปรู ที่ยังคงรักษาความเป็นละตินอเมริกาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเมืองหนึ่ง เมืองลิมาตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1535 โดยชาวสเปนชื่อฟรานซิสโก ปิซาโร เป็นศูนยบ์กลางทางการขนส่ง การเงิน อุตสาหกรรม และวัฒนธรรมอีกด้วย ในปี 1991 องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้ลิมาเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม นำท่านเดินทางชมจตุรัส อาร์ม (Plaza De Armas) นำท่านแวะถ่ายรูปกับทำเนียบรัฐบาล (Lima Parliament) ซึ่งเด่นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Holiday Inn Mira Flores Hotel **** หรือเทียบเท่า
21 มี.ค. 2568 ลิมา - โบโกตา (โคลอมเบีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับมหาวิหารบาซิลิกาแห่งลิมา (The Basilica Cathedral of Lima) เป็นวิหารที่สำคัญที่สุดในเปรูและเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ก่อตั้งโดย Francisco Pizarro โบสถ์คาทอลิคที่สร้างตั้งแต่ ในปี ค.ศ 1535 พร้อมกับการสถาปนา City of Kings อาสนวิหารแห่งนี้สรุปประวัติศาสตร์ของเมืองลิมา ไม่เพียงแต่ในแวดวงนักบวชเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเมืองและศิลปะด้วย สไตล์ที่บรรจบกันผ่านผลงานที่จัดแสดง ได้แก่ ยุคเรอเนซองส์ ลัทธิแมนเนอริสต์ บาโรก โรโกโก และนีโอคลาสสิก
10.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินลิมา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แบบ Lunch Box
13.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย โดยเที่ยวบิน LA2386 (ใช้เวลาบิน 3.05 ชั่วโมง)
สายการบินบริการอาหารและเครื่องดื่ม ระหว่างบิน
16.10 น. เดินทางถึงสนามบินโบโกตา (BOG) ประเทศโคลัมเบีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านเที่ยวชมกรุงโบโกตา (Bogota) เมืองหลวงของโคลอมเบีย นำท่านเดินทางชมจัตุรัสโบลิวาร์ (Plaza de Bolivar) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และยังเป็นที่ตั้งอนุเสาวรีย์ ไซมอน โบลิวาร์ ผู้นำแห่งการเคลื่อนไหวให้ประเทศในเขตอเมริกาใต้ปลดแอกตัวเองจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจผู้ล่าอาณานิคม จนได้รับหรือที่รู้จักในนาม “สงครามโบลิวาร์” โดยศิลปินชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นผู้รังสรรค์รูปปั้นนี้ในปี 1846 บริเวณจัตุรัสแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการของรัฐบาล นำท่านแวะถ่ายรูปกับพระราชวังแห่งความยุติธรรม (Palace of Justice) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ อาคารที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมของประเทศ นำท่านเดินทางเข้าชมวิหารแห่งโบโกตา (Primary Cathedral of Bogota) ตั้งอยู่ทางทางตะวันออกของจัตุรัส เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างในศตวรรษที่ 17 และยังคงความงามจนปัจจุบัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Holiday Inn Bogota Airport Hotel **** หรือเทียบเท่า
22 มี.ค. 2568 โบโกตา – พิพิธภัณฑ์ทองคำ – แคนเดอลาเรีย – โบสถ์ซานฟรานซิสโก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum – El Museo del Oro) แห่งโคลอมเบีย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และ วัสดุอื่นๆจากทองคำในช่วง Pre-Hispanic มีชิ้นงานล้ำค่าจัดแสดงกว่า 55,000 ชิ้น นอกจากนี้ในส่วนชั้นสอง และ ชั้นสามของพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดง ข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่สามารถขุดพบในประเทศโคลอมเบีย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองในอดีต นำท่านเที่ยวชมย่านแคนเดอลาเรีย (La Candelaria) ย่านประวัติศาสตร์อันเก่าแก่แห่งกรุงโบโกตา ที่ซึ่งมีการรักษาและบูรณะอาคารและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่นับร้อยปี รวมถึงโบสถ์ที่มีอายุกว่า 400 ร้อยปี จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชมความงามของโบสถ์ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church)
12.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินโบโกตาเพื่อเชคอิน
อิสระอาหารกลางวันในสนามบินตามอัธยาศัย
15.40 น. ออกเดินทางจากสนามบินโบโกตา สู่สนามบิน อิสตันบูล โดยเที่ยวบิน TK801 (ใช้เวลาบิน 16.05 ช.ม.)
23 มี.ค. 2568 โบโกตา (โคลอมเบีย) – อิสตันบูล
********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *******
สายการบินมีบริการอาหารเช้า และ อาหารกลางวัน และ อาหารค่ำ บนเครื่องบิน
15.45 น. เดินทางถึงนครอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเครื่อง
19.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK64 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.40 ชม.)
24 มี.ค. 2568 อิสตันบูล – กรุงเทพมหานคร
08.20 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ....
*****Travel Around the World by Chic Journey*****
หมายเหตุ : โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพลม ฟ้า อากาศ การจราจร และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทาง
อัตราค่าบริการ (บาท) |
27 ก.พ. – 24 มี.ค. 2568 |
ราคาผู้ใหญ่ พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน |
585,000 |
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ |
95,000 |
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ (เฉพาะเที่ยวบินของสายการบิน TK เท่านั้น) เริ่มต้นที่ท่านละ (มีเพียง 6 ที่นั่งเท่านั้นสำหรับราคานี้) |
160,000 |
ไม่เอาตั๋วเครื่องบิน (ผู้ใหญ่) – หักค่าตั๋วคืนท่านละ(BKK- IST-EZE//BOG-IST-BKK) |
50,000 |
ค่าวีซ่าโคลอมเบีย (ไม่รวมในโปรแกรม) ท่านสามารถใช้วีซ่าอเมริกา หรือ เชงเก้น Multiple 1 ปีเข้าได้ |
5,000 |