แกรนด์ปากีสถาน ก.ย.-ต.ค.67 บิน TG 9วัน 7คืน ชมใบไม้เปลี่ยนสี ล่องเรือทะเลสาบอัตตาบัต กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน 2567:PAKISTAN

รหัสสินค้า : CJN-H002 -TG-9D-PAKISTAN

ราคา

95,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 95,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

โปรแกรม: GRAND PAKISTAN AUTUMN

ราคาเริ่มต้น : 95,900 .-บาท ***(รวมค่าวีซ่า)

โดยสายการบิน : Thai Airways (TG )

**บินภายใน 2 เที่ยว ไป-กลับ อิสลามาบัด – สการ์ดู** 

อิสลามาบัด•อิสลามาบัด •ตักศิลา •สการ์ดู •กิลกิต •หุบเขาฮุนซา •หุบเขานาการ์ •ฮอปเปอร์ กลาเซียร์•อีเกิลเนสท์ •พาสสุ•ล่องเรือทะเลสาบอัตตาบัต•กุลมิต •สะพานฮุนเซน•ลาฮอร์ •ป้อมลาฮอร์

**พักโรงแรม 4 - 5 ดาว

เดินทาง : 27 ก.ย.- 5 ต.ค.,4-12 ต.ค.,11-19 ต.ค.2567

หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

วันแรก :กรุงเทพ – อิสลามาบัด (พักค้าง 2 คืน)

16.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ เคาน์เตอร์เช็คอิน เคาน์เตอร์ สายการบินไทย (TG)อาคารผู้โดยสารขาออกณ สนามบินสุวรรณภูมิ สัมภาระน้ำหนัก 23 กก. สำหรับโหลด (ท่านละ 1 ใบ)  และ ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก.
19.00 น.  ออกเดินทางสู่ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถานโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG349  (ใช้เวลาบินประมาณ 5.10 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
22.10 น.    เดินทางถึงสนามบินอิสลามาบัด นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel*****  หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่สอง : อิสลามาบัด - ตักศิลา (เมืองมรดกโลก) – เที่ยวชมเมืองอิสลามาบัด

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมมัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) (กรุณาแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงเตรียมผ้าคลุมผมไปด้วย)มัสยิดแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1987 สร้างโดยกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย King Faisal จึงนำพระนามของพระองค์ใช้เป็นชื่อมัสยิดแห่งนี้ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี ให้มีลักษณะคล้ายทรงเต็นท์ 8 เหลี่ยมของชาวเบดูอิน ซึ่งมาถึงบริเวณนี้เป็นพวกแรก มัสยิดไฟซาลสามารถจุคนได้ถึง 100,000 คน และบริเวณรอบนอกจุได้อีกกว่า 200,000 คน และมีเสามินาเรท (หอขาน) 4 ต้น ขนาบสี่มุม สูงต้นละ 79 เมตร นับเป็นมัสยิดที่ใหญ่และสวยงามประจำกรุงอิสลามาบัด ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ อนุสาวรีย์ปากีสถาน (Pakistan Monument) เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาชาการ์ปาเรียนทางตะวันตก สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของชาวปากีสถาน ออกแบบสร้างให้เหมือนรูปกลีบดอกไม้สี่กลีบ สร้างขึ้นจากหินแกรนิต โดยแต่ละกลีบนั้นเป็นตัวแทนแคว้นสำคัญของปากีสถานทั้ง 4 แห่งได้แก่ แคว้นบาลูจิสถาน, แคว้นสินธ์, แคว้นปัญจาบ และแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา โดยแต่ละกลีบจะมีภาพแกะสลักของ สถานที่สำคัญของประเทศทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มัสยิดแบดชาฮิ, ป้อมเมืองลาฮอร์, ช่องเขาไคเบอร์ และมินาร์ เอ ปากีสถาน ในใจกลางของอนุสาวรีย์จะมีประติมากรรมรูปสามเหลี่ยมที่มีฐานเป็นดาวห้าแฉก ล้อมรอบไปด้วยน้ำ ที่แสดงถึงบุคคลสำคัญอย่าง มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ บิดาแห่งปากีสถานและมูฮัมมัด อิกบาล กวีและนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงแห่งปากีสถาน ซึ่งดวงดาวและพระจันทร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปและเก็บภาพตามอัธยาศัย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองตักศิลา (Taxila) (ระยะทาง 34 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ในรัฐปันจาบของปากีสถาน ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต นำท่านชมสถานที่สำคัญ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ โบสถ์และเจดีย์ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้องค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1980 เมืองตักศิลานี้ยังมีชื่อเสียงในการที่เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ศิลปะแบบคานธีรา ประติมากรรม สถาปัตยกรรม การศึกษา และพระพุทธศาสนา มีแหล่งโบราณคดีกว่า 50 แห่งกระจายอยู่รอบเมือง จุดชมเมืองที่สำคัญๆ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ตักศิลา, เจดีย์ธรรมยาสิกา, เมืองเก่าชีร์กัป,  อารามจูเลี่ยน, เทวาลัยจันเดียล  อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองเก่าตามอัธยาศัย
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel*****  หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

วันที่สาม : บินภายในสู่เมืองสการ์ดู – กิลกิต - พระพุทธรูปคาร์กาห์

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสลามาบัด
10.55 น.  ออกเดินทางสู่เมืองสการ์ดู โดยเที่ยวบิน PK451 (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง)
11.55 น.  เดินทางถึงสนามบินสการ์ดู
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านสู่เมืองกิลกิต (Gilgit) เป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศปากีสถาน ห่างจากเมืองอิสลามาบัดระยะทางโดยประมาณ 500 กิโลเมตร หากนั่งรถจะใช้เวลาประมาณ 15-18 ชั่วโมง เมืองกิลกิตนั้นเป็นเมืองสำคัญในอดีตเพราะเคยเป็นเมืองที่มีเส้นทางสายไหมตัดผ่านและเป็นเส้นทางเผยแพร่พุทธศาสนาไปยังเมืองต่างๆ ปัจจุบันกลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญไป ตามทางหลวงโคราคารัม (Karakoram) ที่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังเมืองสการ์ดู, เมืองจิตราล, เมืองเปศวาร์อิสลามาบัด และประเทศจีน นำท่านออกเดินทางไปตามถนนหลวงคาราโครัม ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามของแม่น้ำฮุนซารวมถึงหมู่บ้านต่างๆ ริมทางขนานกับเส้นทางสายไหมเก่า ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าและวัฒนธรรม นำท่านชมพระพุทธรูปคาร์กาห์ (Kargah Buddha) พระพุทธรูปยืนถูกแกะสลักไว้บนหน้าผาในหุบเขาคาร์กาห์ (Kargah Valley) ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 7  พระพุทธรูปมีลักษณะเป็นพระยืน ในลักษณะแบบนูนต่ำ องค์พระมีความสูง 50 ฟุต ปรากฏเด่นอยู่บนหน้าผาหินตั้งชัน ถูกค้นพบในช่วงปี ค.ศ. 1938 – 1939 ห่างจากองค์พระไปประมาณ 400 เมตร ยังค้นพบเจดีย์ 3 องค์ด้วยเช่นกัน ยังมีตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปแกะสลักคาร์กาห์นี้ที่ถูกเล่าขานโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ตามตำนานระบุว่าครั้งหนึ่ง บริเวณแถบนี้มียักษ์กินคนตนหนึ่งอาศัยอยู่ เรียกกันว่า “ยักษิณี” (Yakhsni) ชาวบ้านนั้นได้รับความเดือดร้อนจากยักษ์ตนนี้ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนักบวชที่ผ่านทางมาและนักบวชก็ได้ตรึงนางยักษิณีตนนี้ไว้ที่ก้อนหินเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Serena Hotel Gilgit ****  หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ :กิลกิต – จุดชมวิวราคาโปชิ – สะพานฮุซเซน - พาสสุ - ล่องเรือทะเลสาบอัตตาบัต – ฮุนซ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านสู่จุดชมวิวยอดเขาราคาโปชิ (Rakaposhi View Point)สัมผัสความสวยงามของเทือกเขาราคาโปชิที่ปกคลุมด้วยหิมะอย่างใกล้ชิด ยอดเขาแห่งนี้มีความสูง 7,790เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและถูกจัดอันดับความสูงอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความวามพิสุทธิ์ของธรรมชาติและเทือกเขาแห่งนี้ตามอัธยาศัยได้เวลานำท่านสู่เมืองกุลมิต (Gulmit) แปลว่า หุบเขาแห่งทุ่งดอกไม้ ตามความหมายของภาษาท้องถิ่น มีพื้นที่ครอบคลุมทางเหนือของหุบเขาฮุนซา เป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มีอายุมานานหลายทศวรรษตั้งอยู่บนความสูง 2,408 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองพาสสุ (Passu) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนทางหลวงคาราโครัมไฮเวย์ ติดกับแม่น้ำท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับยอดเขาที่มีลักษณะคล้ายกับทางแหลมของหลังคาปราสาทจนได้ชื่อว่า Passu Cones หรือ Passu Cathedral จากนั้นนำท่านแวะชมธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier) ที่สามารถมองเห็นจากจุดพักรถ สำหรับธารน้ำแข็งพาสสุนั้นเป็นธารน้ำแข็งที่เกิดจากหิมะที่ตกมาสะสมจนหนา 50 – 60 เมตร แล้วเคลื่อนตัวลงมาตามไหล่เขาอย่างช้าๆ ทำให้เกิดการสึกกร่อนลึกลงไปเพราะความหนักของหิมะ พื้นดินที่รองรับจึงเกิดเป็นร่องลึกและกว้างเพราะมีน้ำหนักของน้ำแข็งกดทับ ธารน้ำแข็งจะค่อยๆ ครูดบริเวณที่รองรับจนเกิดหุบเขาตัดขวางรูปตัวยู เมื่อธารน้ำแข็งไหลไปถึงตอนล่าง ธารน้ำแข็งก็ค่อย แตกออกและละลายกลายเป็นลำธาร นำท่านสู่สะพานฮุซเซนแห่งทะเลสาบโบริท (Hussaini suspension bridge) สะพานแขวนมีอายุนับร้อยปี ถูกจัดให้เป็นสะพานที่น่ากลัวที่สุดในโลก สะพานมีลักษะเป็นสะพานถูกขึงด้วยสลิงพาดด้วยไม้แบบห่างๆ ดังนั้นเวลาข้ามเราจะมองเห็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ด้านล่างให้ท่านได้ลองเดินข้ามสะพานแห่งนี้ หรือถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเรือทะเลสาบอัตตาบัต เพื่อสัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมทะเลสาบอัตตาบัต (Attabad Lake) ชมความงดงามของทะเลสาบสีฟ้าราวกับเทอร์ควอยซ์ตัดกับเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม ทะเลสาบตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซา เกิดจากดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี  2009 ลงมาปิดกั้นการไหลของน้ำในแม่น้ำฮุนซาจึงเกิดเป็นทะเลสาบแห่งนี้  ทะเลสาบมีความยาว  21 เมตร และลึก 103 เมตร ทางการจีนได้ช่วยสร้างอุโมงค์ผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมกับถนนคาราโครัมใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทะเลสาบอัตตาบัดจึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่ง
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Darbar Hotel **** หรือเทียบเท่า 
กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืน 1 คืน บน Eagle’s Nest Hotel

วันที่ห้า : ฮุนซา – หุบเขานาการ์ – ฮอปเปอร์ กลาเซียร์ – ป้อมปราการบาลิต - Eagle’s Nest 

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่หุบเขานาการ์ (Nagar Valley) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร) มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 2,438 เมตร อดีตเคยเป็นเมืองหลวงรัฐนาการ์ จนกระทั่งล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1974 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงดงามของต้นไม้ ลำธาร ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามของ แนวเทือกเขาราคาโปชิ และเทือกเขาอื่นๆ อีกกว่า 30 ยอดเขาอิสระให้ท่านได้เก็บภาพธรรมชาติตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หุบเขาฮอปเปอร์ (Hopper Valley) เพื่อชมธารน้ำแข็งฮอปเปอร์ (Hopper Glacier) เป็นธารน้ำแข็งที่มีความเก่าแก่จากการทับถมของหิมะอย่างยาวนาน จากหิมะจนกลายเป็นหิน ได้มีบันทึกว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็น เคลื่อนไหวเร็วที่สุดในโลก จุดที่เราจะเข้าไปชมนั้นจะเป็นจุดที่ใกล้ธารน้ำแข็งมากที่สุดซึ่ง เราสามารถเข้าไปชมในจุดที่กำหนดเท่านั้น
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทาง เข้าชมป้อมปราการบาลิต (Balit Fort) ตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซาใกล้เมืองคาริมาบัดทางตอนเหนือของปากีสถาน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004ป้อมปราการมีความเก่าแก่ถึง 700 ปี ในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงที่มีสถาปัตยกรรมรูปแบบผสมผสาน ระหว่างแคชเมียร์กับทิเบต พระราชวังได้มีการปรับปรุงและต่อเติมในส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จนมีรูปแบบเหมือนดังเช่นปัจจุบัน ทางขึ้นของป้อมปราการนั้นรถไม่สามารถขึ้นไปได้ จะต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น ตามทางที่เดินขึ้นไปท่านจะได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และร้านมีขายของที่ระลึกให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อตลอดเส้นทางเช่นกัน เมื่อท่านขึ้นไปถึงแล้วท่านได้พบกับความสวยงามของป้อมปราการและเทือกเขาที่ล้อมรอบ และวิวของหมู่บ้านที่ลดหลั่นลงไปเป็นขั้นๆ
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Eagle’s Nest Hotel****  หรือเทียบเท่า

วันที่หก : เลดี้ฟิงเกอร์ – สการ์ดู

05.00 น. นำท่านชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นที่ยามเช้า ณ จุดที่ได้ขชื่อว่าสวยที่สุดแห่งเทือกเขานี้ บริเวณที่ได้รับการขนานนามว่า นิ้วมือของหญิงสาว หรือ Lady Finger และบริเวณนี้สามารถเห็นยอดเขาที่สูงที่สุดระดับโลกถึง 5 เขา คือ รัคคาโปชิ, ดิราน, โกลเดนพีค, อัลเตอร์พีค และ มูโลไจแอนท์พีค อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจและความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบตามอัธยาศัย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองสการ์ดู (Skardu) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในกิลกิต-บัลติสสถาน แห่งปากีสถานและทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของเขตสการ์ดู ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเกือบ 2,500 เมตร ในหุบเขาสการ์ดู ที่จุดบรรจบกันของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำสิการ์ เมืองนี้เป็นประตูสำคัญบนเส้นทางแยกคาราโครัมไฮเวย์และเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติแห่งเทือกเขาหิมาลัย และส่วนของคาราโครัมไฮเวย์ รวมถึงสการ์ดูไฮเวย์อีกด้วย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชมป้อมปราการคาร์โปโช (Kharpocho Fort) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 บนชะง่อนหินหน้าผาสูง และเป็นป้อมปราการที่ไว้ป้องกันเมืองสการ์ดู ป้อมแห่งนี้ได้ถูกทำลายในช่วงการเข้ายึดครองของจักรวรรดิโมกุล แต่ยังคงความแข็งแกร่งและตั้งตระหง่านมาจนปัจจุบัน นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่ของป้อมปราการหินแห่งนี้ สมควรแก่เวลานำท่านล่องเรือในทะเลสาบรูปหัวใจ (Heart Lake)ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สวยงามมากอีกแห่งของเมืองสการ์ดู
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Shangri La Resort Skardu****  หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด:สการ์ดู – อิสลามาบัด - ลาฮอร์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
10.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินสการ์ดู
12.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองอิสลามาบัด โดยเที่ยวบิน PK452 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.20 ชั่วโมง)
13.55 น.  เดินทางถึงสนามบิน อิสลามาบัด
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย    นำท่านเดินทางกลับ สู่ เมืองลาฮอร์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)  มีภาษิตปัญจาบโบราณกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดไม่เคยเห็นเมืองลาฮอร์ ผู้นั้นก็เหมือนยังไม่ได้เกิดมา” ในความหมายที่ว่า ความยิ่งใหญ่และงดงามของเมืองลาฮอร์นั้น จำเป็นต้องมาเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต ลาฮอร์ เมืองหลวงของแคว้นปัญจาบ ปากีสถาน และมหานครที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ เมื่อพูดถึงลาฮอร์แล้ว บ้างอาจนึกถึงพิธีสวนสนามระหว่างทหารปากีสถานและอินเดีย ที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนของประเทศทั้งสอง บ้างก็อาจนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นป้อมลาฮอร์ (Lahore Fort) หรือมัสยิดแบดชาฮิ และบ้างก็อาจนึกถึงลาฮอร์ในแง่ที่ครั้งหนึ่ง เมืองๆ นี้เคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโมกุลอันยิ่งใหญ่ ที่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าอักบาร์มหาราช จักรพรรดิชาห์ชะฮัน (พระองค์เดียวกับที่ทรงสร้างทัชมาฮาลนั่นแหละครับ) และออรังเซพผู้มั่งคั่ง ต่างเคยพำนักอยู่ที่นี่
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว Pearl Continental Hotel , Lahore*****  หรือเทียบเท่า

วันที่แปด : ลาฮอร์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมมัสยิดวาซิรข่าน (Wazir Jhan Masjid) เป็นอีกหนึ่งมัสยิดจากสถาปัตยกรรมโมกุลที่สามารถพบได้ในเมืองลาฮอร์ ขึ้นชื่อเรื่องความงามของงานดินเผาเคลือบลงสีและงานกระเบื้องแบบกาชาน จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองลาฮอร์ พร้อมเก็บภาพความสวยงามของเมือง
นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลาฮอร์ (Lahore Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศปากีสถาน ภายในจัดแสดงสิ่งของทางประวัติศาสตร์ที่มีค่ามากมาย ซึ่งมีห้องแสดงโชว์หลายห้อง จาก คันทราราฎษ์ GANDHARA, ศาสนาพุทธ BUDDHIST, เจน JAIN, โมกุล MOGUL และ สมัยอาณานิคม พระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงที่สุด คือพระพุทธรูปปางทุกข์กริยาของพระพุทธเจ้า (สิทธัตถะ) ก็ถูกแสดงอยู่ที่นี่
จากนั้นนำท่านเข้าชมสุเหร่าบัดซาฮิ (Badshahi Mosque) หรือ สุเหร่าหลวง (Royal Mosque)ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าของสุเหร่าเป็นลานกว้าง มีหอสวดมนต์ที่จุคนได้ราวสองพันคน ลานกว้างของมัสยิดนี้จุคนได้ราวห้าหมื่นคน สุเหร่าบัดซาฮิถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 100 ปีและได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพที่เห็นในปี พ.ศ. 2503 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จะเสด็จประพาสสุเหร่าแห่งนี้ในอีกสองปีต่อมา นำท่านเข้าชมป้อมปราการลาฮอร์ (Lahore Fortress) ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1981 ป้อมปราการนี้ถูกสร้างในศตวรรษที่ 11 หลังคริสตกาล เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถเห็นความแตกต่างของสถาปัตยกรรมโมกุล ในแต่ละยุคสมัยของผู้ปกครองที่ได้สร้างต่อเติม ป้อมลาฮอร์เป็นพระราชวังโบราณสร้างโดยจักรพรรดิอักบาร์ (Akbar The Great) ในระหว่างปี 2099-2149 บนฐานของเชิงเทินโบราณได้รับการต่อเติมโดยจักรพรรดิโมกุลองค์ต่อๆ มา เช่น จะฮานกีร์และราชโอรสรวมไปถึงชาห์จะฮาน (Shah Jahan) ผู้ก่อสร้างทัชมาฮาล นำท่านเข้าชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของป้อมลาฮอร์ ได้เวลา
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเข้าชมสวนชาลิมาร์ (Shalimar Garden) เป็นกลุ่มสวนเปอร์เซีย  เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1637และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1641 ควบคุมการสร้างโดยคาลิลุเลาะห์ ข่าน ขุนนางในราชสำนักจักรพรรดิชาห์ชะฮันแห่งจักรวรรดิโมกุล ร่วมกับอาลี มาร์ดาน ข่านและมุลละ อะลอล มอล์ก ตูนี แต่เดิมที่ดินที่สร้างสวนเป็นของตระกูลเมียนแห่งเมืองบักบันปุระ ภายหลังจักรพรรดิชาห์ชะฮัน พระราชทานพระราชานุญาตให้ตระกูลนี้เป็นผู้ดูแลสวนเป็นการตอบแทนที่ถวายที่ดิน สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของตระกูลเมียนนานกว่า 350 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1962 โมฮัมหมัด อัยยุบข่าน อดีตประธานาธิบดีปากีสถานประกาศให้สวนชาลิมาร์อยู่ในการดูแลของรัฐ และในปี ค.ศ. 1981 สวนชาลิมาร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับป้อมลาฮอร์ นำท่านเดินทางสู่ ชายแดนวากาห์ (Wagah Border) ซึ่งเป็นจุดชายแดนปากีสถาน อินเดีย และ จะมีพิธีวากาห์ หรือพิธีเดินเปลี่ยนเวรยาม สวนสนามชายแดน Wagah-Attari เกิดขึ้นที่ขอบประตูสองชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตกดินในแต่ละวัน สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเมืองลาฮอร์
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
20.30 น.   นำท่านเดินทางสู่สนามบินลาฮอร์
23.40 น.   ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน TG346 (ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง)

วันที่เก้า : กรุงเทพฯ

06.10 น.   เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการ 

ตุลาคม 2567

ผู้ใหญ่พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือ เด็กอายุน้อยกว่า 11 ปีบริบูรณ์ พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือพัก 3 ท่านต่อห้อง

95,000

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

13,000

เด็กอายุ 2-11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน เสริมเตียง

90,000

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์(TG) เริ่มต้นที่ท่านละ
(ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง confirm เท่านั้น)

25,000 – 40,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหักคืนทั้งใบ (BKK-KHI//LHE-BKK)

16,000

Visitors: 153,164