ทัวร์จีน เส้นทางสายไหมไฮไลท์ 12วัน เดินทาง 27 สิงหาคม – 7 กันยายน 2567 | สายการบิน CHINA SOUTHERN AIRLINE (CZ)

รหัสสินค้า : I002_GRAND เส้นทางสายไหมไฮไลท์ 12วัน_27 Aug-7 Sep 24

ราคา

99,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 99,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

GRAND เส้นทางสายไหมไฮไลท์ 12วัน

ชุดใหญ่ไฟกระพริบ เจาะเส้นทางสายไหมโบราณ

ราคา: 99,900-บาท

โดยสายการบิน: CHINA SOUTHERN (CZ)

อูรุมฉี เทียนซาน ทูรูฟาน ตุนหวง โม่เกาคู ขี่อูฐ หมิงซาซาน ด่านประตูหยกนครแห่งสายลม กำแพงเมืองจีนด่านสุดท้าย จางเย่ ภูเขาสายรุ้ง หวู่เวย ปิ่งหลงซื่อ ล่องแม่น้ำเหลือง หลันโจว เทียนสุ่ย ม่ายจี๋ซาน

ไฮไลท์!! เที่ยวครบเมืองหลักเส้นทางสายไหม สุดกานซู่-ซินเกียง

เที่ยว: 1 ทะเลสาบ 1 ภูเขาหิมะ 1 เมืองโบราณ 1 ทะเลทราย 2 ตานเสีย (เขาสายรุ้ง+นครสายลม)

ชม: 4 ผาพันพระ (เชียนฝอต้ง-โม่เกาคู-ปิ่งหลิงซื่อ-ม่ายจี๋ซาน)

สนุก: 3 กิจกรรม (ล่องทะเลสาบเทียนฉือ ล่องแม่น้ำเหลือง ขี่อูฐหมิงซาซาน)

ไม่พลาด: กำแพงเมืองจีนด่านสุดท้าย (เจียยวี่กวาน)+2 ตลาดกลางคืน อูรุมฉี ตุนหวง 

**ทัวร์ไม่ลงร้าน SHOPPING

**อาหารค่ำ Up Grade ลงเมนู 

**พักโรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว

เดินทาง 27 สิงหาคม – 7 กันยายน 2567

หมายเหตุ: โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

GRAND เส้นทางสายไหมไฮไลท์ 12 วัน

ชุดใหญ่ไฟกระพริบ เจาะเส้นทางสายไหมโบราณ

วันแรก อังคาร 27 ส.ค. 67  สุวรรณภูมิ-กวางเจา-หลานโจว                                                                                                                  

05.00 น.  พร้อมกันที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก เคาเตอร์สายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ (พบเจ้าหน้าที่บริษัทฯ รับผลไม้พร้อมทาน ของว่าง และเครื่องดื่มอุ่นท้องก่อนขึ้นเครื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกเรื่องการเช็คอิน)

08.20 น.  นำท่านเหิรฟ้าสู่นครกวางเจา เที่ยวบินที่ CZ362 (รับประทานอาหารเช้าบนเครื่อง)

12.10 น.  ถึงสนามบินกวางเจา ผ่านพิธีการเช้าเมือง และ ต่อเที่ยวบินเดินทางสู่นครหลานโจว

14.20 น.  เดินทางต่อสู่นครหลานโจว โดยเที่ยวบินที่ CZ 3385 (รับประทานอาหารกลางวันบนเครื่อง)

17.20 น.  เดินทางสู่นครหลานโจว Lanzhou兰州เมืองเอกของมณฑลกานซู่ (甘肃省,甘粛省) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ตอนบนของแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำเหลือง) แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 14 เมืองหรือจังหวัด (市) 4 เทศมณฑลระดับเมือง (市) 58 เทศมณฑล (县) 17 เขต (区) และ 7 เ ขตปกครองตนเอง (自治县)  14 เมืองหรือจังหวัด ได้แก่ เมืองหลันโจว兰州市, เมืองเจียยู่กวน 嘉峪关市, เมืองไป๋หยิน 白银市, เมืองเทียนสุ่ย 天水市, เมืองอู่เวย 武威市, เมืองจี่วฉวน 酒泉市, เมืองจางเย่ 张掖市, เมืองชิ่งเหยียน 庆阳市, เมืองผิงเหลียง 平凉市, เมืองติ้งซี 定西市, เมืองหล่งหนาน 陇南市, เขตปกครองตนเองชนชาติหุย หลินเซี่ย 临夏回族自治州, เขตปกครองตนเองชนชาติธิเบต กานหนาน 甘南藏族自治州นครหลานโจว เป็นจุดผ่านของเส้นทางสายไหมอันลือชื่อ เป็นเมืองอุตสาหกรรมปิโตรเลี่ยมและเครื่องจักรกลหนัก ในสมัยโบราณเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกซีหยง มีพื้นที่ 390,000 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 24 ล้านคน ตอนบนมีเขตแดนติดต่อกับมองโกเลียใน

19.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พักหลานโจว YULUXE LANZHOU HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว เปิดบริการ: 2022

วันที่สอง พุธ 28 ส.ค. 67  หลานโจว-เทียนสุ่ย-ม่ายจี๋ซาน+รถกอล์ฟ

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

08.00 น.  เดินทางสู่เมืองเทียนสุ่ย Tianshui天水 (319 กม. ใช้เวลา 4 ชั่วโมง) เมืองใหญ่อันดับสองของมณฑลกานซู่ มีประชากรประมาณสามล้านห้าแสนคน เป็นที่ตั้งของ “ม่ายจี๋ซาน” ผาพันพระที่มีชื่อ 1 ใน 4 ของจีน (โมเกาคู หลงเหมินสือคู หยุนกั่งสือคู ม่ายจี๋ซาน) เมืองเทียนสุ่ย 天水 Tianshui ได้ชื่อว่า เมืองสายน้ำแห่งฟากฟ้า เป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เชื่อกันว่าเป็นนิวาสถานเดิมของฝูซี–หนึ่งในสามบุรพกษัตริย์ตามเทพนิยายของชาวจีน เป็นผู้คิดค้นแผนภูมิ ปา-กว้า และตัว อักษรจีนโบราณ ฯลฯ เทียนสุ่ยได้รับสมญาว่า “เสี่ยวเจียงหนาน” หรือ “เจียงหนานน้อยแห่งกานซู”

12.00 น.  เดินทางถึงเมืองเทียนสุ่ย รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

บ่ายนำชม “ผาจำหลักม่ายจี๋ซาน” Maijishan Grottoes 麦积山石窟เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ น้อยคนนักที่ได้มีโอกาสมาเยือน เป็นผาพุทธจำหลัก (ผาพระพันองค์) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของจีน ได้รับการอนุรักษ์และถูกรวมอยู่ในรายชื่อ“จุดชมวิวม่ายจีซาน” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO)

ผาจำหลักม่ายจี๋ซาน บนภูเขาม่ายจี๋ซาน หรือ ภูเขากองฟาง เป็นภูเขาและผาหินทรายจำหลักอายุเก่าแก่กว่า 1,600 ปี ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 142 เมตรบน เริ่มสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 4 และสร้างเสร็จในศตวรรษที่ 19 มี 194 คูหา ประกอบด้วยพระแกะสลัก 7,000 องค์ และภาพวาดผนังรวม 1,000 ตารางเมตร คูหาส่วนใหญ่จะถูกเจาะในระดับความสูงตั้งแต่ 20-80 เมตรจากเชิงเขา

ผาจำหลักม่ายจี๋ซาน มีส่วนสำคัญต่อวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมในอดีต สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างขึ้นเมื่อคราวที่พุทธศาสนาจากอินเดียเข้าสู่จีนผ่านเส้นทางสายไหม โดยถ้ำหินแห่งนี้ อยู่ห่างจากเส้นทางสายไหมไปทางใต้เพียงไม่ถึง 1 ไมล์ ตลอดแนวหน้าผามีเพียงไม้กระดานแคบๆ ที่ทำเป็นทางเดินเชื่อมถ้ำต่างๆ เข้าด้วยกัน ถ้ำม่ายจีซานยังถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพดี เนื่องจากถูกแกะสลักบนหน้าผาสูงชัน การเข้าถึงยากจึงรอดพ้นจากการถูกทำลาย (รวมค่ารถแบตตารี่)

19.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พักมืองเทียนสุ่ย Public Air Travel MAIJISHAN PEARL HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 5 ดาว Opened in 2023

วันที่สาม พฤหัส 29 ส.ค. 67  บ้านตระกูลหู-ศาลเจ้าฝูซี-หลันโจว-หวงเหอหมู่ชิง-สะพานเหล็ก-กังหันสุ่ยเชอ-เมืองหย่งจิ้ง                          

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

นำชมบ้านตระกูลหู บ้านขุนนางชาวเทียนสุ่ยที่สอบจอหงวน ได้รับราชการในตำแหน่งสูงในเมืองหลวง บ้านตระกูลหูนี้สร้างขึ้นตามแบบบ้านคหบดีในสมัยราชวงศ์หมิง สืบทอดพักอาศัยมาถึง 20 กว่ารุ่น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านโบราณ ชมห้องรับแขก ห้องนอน ห้องเรียนหนังสือ ห้องไหว้บรรพบุรุษ ห้องครัว สวนกลางบ้าน และโรงงิ้วส่วนตัว ฯลฯ

นำท่านชมศาลเจ้าฝูซี 伏羲庙 Fuxi Shrine ศาลบูชาบรรพบุรุษชาวจีน (คือ ฝูซี เสินหนง และหวงตี้) เชื่อกันว่ามีช่วงชีวิตอยู่เมื่อราว ๕,๐๐๐ ปีก่อน ตระกูลเสินหนงเป็นเทพแห่งพืช ฝูซีเป็นหัวหน้าเผ่าเสินหนง สอนให้ผู้คนรู้จักเพาะปลูก คนรุ่นหลังนับถือเป็นเทพแห่งการเกษตร ศาลเจ้าฝูซีเดิมเป็นศาลเล็กๆตั้งอยู่บนภูเขา คนรุ่นหลังได้ทำการสร้างศาลใหม่ขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ค.ศ. 1490  มีพื้นที่ 3,733 โหม่ว มีตำหนักหลายหลังใช้เก็บเครื่องประกอบพิธีเซ่นไหว้ มีต้นสนโบราณอายุหลายร้อยปี ทุกปีในเดือนอ้าย แรม 1 ค่ำ ซึ่งถือเป็นวันเกิดของฝูซี รัฐบาลจีนและรัฐบาลเมืองเทียนสุ่ยจะจัดให้มีงานเซ่นไหว้และงานฉลองใหญ่เป็นประจำทุกปี เล่ากันว่าในวันนี้จะมีสนต้นหนึ่งในศาลจะเขย่าต้นเองจนใบร่วงหล่น เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์เพราะไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว บริเวณทางเข้า-ออกศาลจะเป็นตลาดฝูจื่อเมี่ยว มีร้านขายของที่ระลึกหลายอย่าง อาทิ กล่องเครื่องลงรักแบบจีน ตุ๊กตาปูนปั้น ฯลฯ

12.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันภัตตาคาร

เดินทางกลับเมืองหลันโจว (4 ขั่วโมง)

นำชมอนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง (Huang He Mu Qing) “หวงเหอหมู่ชิง” ผลงานของศิลปินหญิงชาวจีนชื่อ “เหอเอ้อ” ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่ สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้สลักจากหินแกรนิต มีความยาว 6 เมตร กว้าง 2.2 เมตร และสูง 2.6 เมตร มีน้ำหนักกว่า 60 ตัน แกะสลักเป็นรูปผู้หญิงนอนมองลูกน้อยที่นอนอิงแอบอยู่ข้างๆด้วยแววตาที่สื่อถึงความรักความอบอุ่น รูปปั้นนี้เปรียบแม่น้ำหวงเหอ (ฮวงโห) เป็นเสมือนมารดาที่หล่อเลี้ยงลูกน้อย คือมวลประชาชาวจีนหลายร้อยล้านคนมายาวนานกว่า 4,000 ปี ถือว่าแม่น้ำหวงเหอเป็นต้นธารแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน นับเนื่องมาแต่ปฐมกษัตริย์ของจีนในยุคตอนต้น

นำชมสวนกังหันวิดน้ำโบราณ “สุ่ยเชอ” 水车 สองฟากฝั่งของหวงเหอในเขตเมืองหลันโจว มีกังหันวิดน้ำภูมิปัญญาชาวบ้าน ตั้งเรียงรายอยู่ถึง 252 กังหัน จนหลันโจวได้สมญานาม “เมืองหลวงแห่งกังหันน้ำของจีน”

นำชมสะพานเหล็ก 铁桥 สะพานแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำเหลือง "หวงเหอตี้อี้เฉียว" 黄河第一桥ซึ่งออกแบบโดยวิศวะกรชาวเยอรมัน สะพานมีความยาว 233.33 เมตร กว้าง 7.5 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1907 ใช้งบประมาณเป็นเงินกว่าสามแสนตำลึง 

19.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

หลังอาหารเดินทางต่อสู่ที่พักในเมืองหย่งจิ้ง Yongjing County 永靖县หย่งจิ้ง เป็นเมืองเทศมณฑลตนเองหลินเซียฮุ่ย ในเขตปกครองตนเองในมณฑลกานซู่ของจีน ตั้งอยู่ห่างจากหลานโจวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

22.00 น.  เดินทางถึงหย่งจิ้ง นำท่านเข้าที่พัก

ที่พักเมืองหย่งจิ้ง Gonghanglv HUANGHE PEARL INTERNATIONAL HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า Popular Premium Hotels in Linxia Prefecture - 2024

วันที่สี่ ศุกร์ 30 ส.ค. 67  หลิวเจียเสีย-วัดปิ่งหลิงซื่อ+เรือเร็ว-หวู่เวย-สุสานเหลยไถ

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

เดินทางสู่เขื่อนลิ่วเจียเสีย Liujiaxia Hydropower Station 劉家峽水電站เขื่อนชลประทานที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันตก สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1964-1974 เป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า ป้องกันน้ำท่วม จัดสรรน้ำเพื่อพื้นที่กสิกรรม ครอบคลุมบริเวณสามมณฑล คือ ชิงไห่ กานซู่ และส่านซี

นำท่านล่องเรือแม่น้ำหวงเหอ (แม่น้ำเหลืองหรือแม่น้ำวิปโยค) โดยเรือเร็ว (รวมค่าเรือแล้ว) ชมทิวทัศน์สวยงามสองฟากฝั่ง

ขึ้นชมวัดปิ่งหลิงซื่อ Bingling Temple炳灵寺ตั้งอยู่บนภูเขาจีซือ ชมพระพุทธรูปแกะสลักจากหินที่อยู่ในถ้ำผาริมแม่น้ำทั้งหมดยาว 2 กม. มี 4 ชั้น สร้างในสมัยราชวงศ์ เป่ย เว่ย สุย ถัง จนถึงสมัยราชวงศ์หมิงและชิง รวม 34 ถ้ำ 149 กุฏิ พระพุทธรูปใหญ่น้อย 679 องค์ รูปปั้น 82 องค์ ภาพผนัง 900 ตารางเมตร องค์ใหญ่ที่สุดสูง 27 เมตร เล็กสุด 20 เซนติเมตร นับเป็นผลงานปฏิมากรรมสลักจากหินทรายที่งดงามเป็นเลิศช่วงศตวรรษที่ 5 และได้รับการเพิ่มเข้าไปในรายชื่อมรดกโลกร่วมกับโม่เกาคู เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2014

Bingling Temple Grottoes มีชื่อเสียงจากประติมากรรมหินหลายชิ้น และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้รับการยกย่องมายาวนาน มีประติมากรรมหินดินเผาที่ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ต่างๆ จึงมีรูปแบบที่

แตกต่างกัน เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังในยุคสิบหกรัฐ (ค.ศ. 304-439) สะท้อนถึงลักษณะทางสังคม ดนตรี การเต้นรำ และศิลปะการตกแต่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนในช่วงยุคสิบหกรัฐ

ถ้ำหมายเลข 169 เป็นถ้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุด พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) อยู่ห่างจากพื้นดิน 50 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 26.75 เมตร ลึก 19 เมตร ถือเป็นแก่นแท้ของวัดปิงหลิง

ถ้ำหมายเลข 126 ขุดในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ สูง 3 เมตร ลึก 2.9 เมตร เป็นถ้ำที่มีรูปปั้นส่วนใหญ่ มีจำนวน 112 รูป และจากบนลงล่าง ผนังทั้งหมดปกคลุมไปด้วยรูปปั้นบาสโซ-รีลีโว บนผนังหลักของถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่ง 2 องค์และพระโพธิสัตว์ 2 องค์ และรูปปั้นทั้งหมดในถ้ำแห่งนี้แกะสลักด้วยทักษะชั้นยอดตามสไตล์พุทธศาสนาแบบจีนทั่วไปมีลักษณะสง่างาม

12.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

เดินทางไป หวู่เวย Wuwei 武威 (300 กม. / 4.30 ชั่วโมง) หวู่เวยมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 5,000 ปี เป็นอดีตราชธานีเก่าเมื่อ 115 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่เชิงเขาฉีเหลียนซาน มีชื่อแต่เดิมว่าเมืองเลี่ยงโจว เป็นเมืองที่เป็นจุดพักที่สำคัญในเส้นทางสายไหมสายเหนือ อารยะธรรมและศาสนาจากอินเดีย ปากีสถาน หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศจีน ผ่านมาที่หวู่เวย ดังหลักฐานที่มีวัดวาอารามและผาพระแกะสลักมากมาย มีการขุดพบรูปหล่อม้าบินสำริดในสมัยตงฮั่นที่เลื่องชื่อ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองหลันโจว หวู่เวยมีประชากร 1.93 ล้านคน ประกอบด้วยชนเผ่าหุย ฮั่น มองโกเลีย และ ถูเจีย

เมืองหวู่เหวยครอบคลุมพื้นที่ 33,249 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่ตอนกลางของมณฑลกานซู่ และทางตอนเหนือของระเบียงเหอซี ติดกับหลานโจวทางตะวันออก จินชางทางตะวันตก ภูเขาชี่เหลียนทางตอนใต้ และทะเลทรายเถิงเก๋อทางตอนเหนือ พื้นที่ใจกลางเมืองของ Weiwu เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมของจีนโบราณ ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี Wuwei ถูกเรียกว่า Liangzhou ในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ Qianliang, Houliang, Nanliang, Beiliang ในสมัยราชวงศ์สิบหก และ Daliang ในราชวงศ์ถังตอนต้น เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของเส้นทางสายไหมและเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของจีนตอนเหนือ มีโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม ได้แก่ แหล่งโบราณคดี Wong Niangniang ระฆังทองสัมฤทธิ์ในวัด Dayun ของราชวงศ์ถัง วัด Haizang วัด Luoshi วัดขงจื้อแห่ง Wuwei หอระฆัง วัด Leitai และเสาหิน มีแม่น้ำหลายสาย และ มีธารน้ำแข็ง เช่น ธารน้ำแข็งบนภูเขา Qilian ที่เกิดจากหิมะทับถมบนภูเขาสูง

17.30 น.  นำท่านเข้าชมสุสานฮั่นเหลยไถ Leitai Han Tomb 雷台汉墓สุสานสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1969 ได้มีการขุดค้นแบบบังเอิญ โดยชาวนาได้ค้นพบที่สวนเหลยไท่ พบหลุมฝังศพแม่ทัพสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เป็นสุสานของขุนนางที่มาจากเมืองจางเย่ สุสานแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ค้นพบของโบราณที่เป็นเครื่องทอง เครื่องเงิน เครื่องหยก เครื่องทองแดง และเครื่องปั้นดินเผา รวม 230 ชิ้น มีสิ่งที่ถูกฝั่งรวมเป็นเครื่องเซ่นเครื่องบวงสรวงได้แก่ ชุดรถม้า ม้า และพลขับ ทำด้วยทองแดง 99 ชุด แต่สิ่งล้ำค่าคือการค้นพบรูปหล่อบรอนซ์ม้า “หม่าเช่าหลงเซี่ย Bronze Galloping Horse” รูปหล่อม้าที่กำลังเหินลม เท้าม้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนหลังนกนางแอ่นที่กำลังบิน หม่าเช่าหลงเซี่ย สูง 35 ซ.ม. ยาว 45 ซ.ม. หนัก 7 กก. ปัจจุบันสัญลักษณ์ “ม้าเหิน” ได้ถูกใช้เป็นโลโก้ LOGO ของการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนรูปหล่อม้าเหินเหล่านี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลกานซู่เมืองหลันโจว

19.30 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พักเมืองหวู่เวย HATG· TIANMA PEARL HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่าOpened: 2023

วันที่ห้า พฤหัส 31 ส.ค. 67  หวู่เวย-จางเย่-วัดต้าฝอซื่อ-ภูเขาสายรุ้ง+รถอุทยาน         

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

เดินทางต่อสู่เมืองจางเย่ Zhangye 张掖เมืองค่ายทหารที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเส้นทางสายไหม ก่อตั้งเมื่อ 121 ปีก่อนคริสตกาล เมืองจางเย่ Zhangye เดิมชื่อ Changyeh หรือที่รู้จักในชื่อ Kanchow เป็นเมืองระดับจังหวัดในมณฑลกานซูตอนกลางในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพรมแดนติดกับมองโกเลียในทางทิศเหนือ และเมืองชิงไห่ทางทิศใต้ เขตศูนย์กลางคือ Ganzhou ซึ่งเดิมเป็นเมืองของ Western Xia และเป็นหนึ่งในด่านหน้า เป็นจุดยุทศาสตร์การทหารที่สำคัญที่สุดของจีนตะวันตก (243 กม. / 3 ชั่วโมง)

11.30 น.  นำชมวัดต้าฝอซื่อ Dafo Temple 大佛寺เป็นวัดพุทธในเมืองจางเย่ มณฑลกานซู ประเทศจีน มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดมหึมา สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1100 ในสมัยเซี่ยตะวันตก มีผู้มาเยี่ยมชมมากมายหลายศตวรรษที่ผ่านมา เพื่อชมพระพุทธไสยาสน์卧佛寺ในร่มที่ยาวที่สุดในประเทศจีน (ยาว 34.5 เมตร, สูง 7.5 เมตร วัดระหว่างไหล่บน-ล่าง) วัดพระพุทธไสยาสน์ ชื่อปัจจุบันของ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวต้นศตวรรษที่ 12 ระหว่างสมัยเซี่ยตะวันตก (ค.ศ. 1038–1227)

ในปี 1028 ชาวทิเบต-พม่า Tangut ได้เข้ายึด Zhangye (Ganzhou Uyghur) ไม่กี่ปีต่อมาพวกเขาก่อตั้ง Western Xia และควบคุมพื้นที่บริเวณระเบียงเหอซี Hexi Corridor ทั้งหมด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และประกาศอำนาจการยึดครองพื้นที่ Xia จึงได้สร้างวัดและสั่งให้แปลพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนา นำท่านชมเจดีย์ไม้โบราณ ย่ามู่ถะ สร้างสมัยราชวงศ์ถัง สูง 8 ชั้น 6 ชั้นแรกสร้างแบบก่ออิฐถือปูน ส่วน 2 ชั้นบนสุดเป็นเครื่องไม้

13.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารในเมืองจางเย่

เดินทางเข้าสู่ อุทยานธรณีแห่งชาติจางเย่ Zhangye National Geopark 张掖国家地质公园 ตั้งอยู่ในเทศมณฑลซูหนาน จังหวัดจางเย่ มณฑลกานซู่ ประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่ 322 ตารางกิโลเมตร (124 ตารางไมล์) พื้นที่ดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็น "อุทยานธรณีแห่งชาติจางเย่ Zhangye Danxia Geopark" เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เป็นที่รู้จักจากแนวภภูเขาหินหลากสีสัน ได้รับการโหวตจากสื่อจีนให้เป็นภูมิประเทศที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจีน และได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานธรณีโลกของ UNESCO ในปี 2019

นำท่านเข้าชมเขตภูมิทัศน์จางเย่ ฉีเหลียนซานตันเสียตี้เม่า หรือ ภูเขาสายรุ้ง (Zhangye Danxia Lanscape) จัดเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์มหัศจรรย์ของจีนอันงดงามแปลกตา ตั้งอยู่ในเขตภูเขาฉีเหลียนซาน ห่างจากตัวเมืองจางเย่ 40 กม. ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 300 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่บนระดับความสูง 2,000-3,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในทางธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า มีอายุมานานกว่า 2 ล้านปี ผ่านการถูกกัดกร่อนของสายลม แสงแดด และความแห้งแล้งของภูมิประเทศ จึงเผยให้เห็นถึงชั้นของแร่ธาตุใต้ดิน ที่บ้างเป็นริ้วเลื่อมลายหลากสีสันพาดผ่านทั้งเนินภูแลซับซ้อน บ้างเป็นหุบโตรกลึกชัน บ้างคล้ายดั่งปราสาทในดินแดนเทพนิยาย เกิดสีสันหลากสี เช่น ขาว เหลือง น้ำตาล เทา ส้ม ชมพู แดง ดูสวยงามน่าชม ทำให้เกิดจินตนาการอันหลากหลาย (รวมรถแบตตารี่)

20.00 น.  รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคารในเมืองจางเย่

ที่พักเมืองจางเย่ QILIAN PEARL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว Opened: 2020

หรือ ZHANGYE SHANGJING HOLIDAY HOTEL หรือ เทียบเท่า 4 ดาว #2 of 4-star Select Hotels in Zhangye / Opened: 2022

หรือ ZHANGYE MINGJIALE INTERNATIONAL HOTEL หรือ เทียบเท่า 4 ดาว  Opened: 2022

วันที่หก ศุกร์ 1 ก.ย. 67  จางเย่-หุบเขาผิงซานหู+รถอุทยาน-เจียยวี่กวน-ด่านเจียยวี่กวน+รถกอล์ฟ

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

สู่การค้นพบครั้งใหม่บนเส้นทางสายไหม จางเย่ผิงซานเลคแกรนด์แคนยอน Pingshan Lake Valley Grand Canyon平山湖大峡谷 (56 กม. / 1.20 ชั่วโมง) แกรนด์แคนย่อนแสนสวยลึกลับที่ถูกลืม เพราะความยากลำบากในการเข้าถึง เมื่อรัฐบาลได้ปรับถนนใหม่ โตรกผาสูง งดงามลึกลับแห่งนี้ จึ้งได้มีโอกาสอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมอีกครั้ง

Pingshan Grand Canyon โตรกหินส่วนใหญ่ จะดูเหมือนรูปกรวย หรือเสาทรงกลมสีแดง จากด้านล่างจนถึงด้านบนของหุบเขา มีการก่อตัวของชั้นหินที่แตกต่างกันตั้งแต่ Cambrian (ธรณีกาลยุคแรกของมหายุคพาลีโอโซอิก อยู่ในช่วง 542 ล้านปีมาแล้ว) ไปจนถึง Cenozoic (มหายุคซีโนโซอิก โดยนับอายุช่วง 66 ล้านปีก่อนถึงปัจจุบัน) ชั้นหินต่างๆ สีจะต่างกันดูชัดเจน และหินเหล่านี้ประกอบด้วยฟอสซิลทางชีวภาพ ที่เป็นตัวแทนจากยุคทางธรณีวิทยาต่างๆ

แกรนด์แคนยอนทะเลสาบจางเย่ผิงซาน  อุทยานทิวทัศน์ภูมิทัศน์จางเย่แกรนด์วิว หนึ่งในภูมิประเทศที่สวยงามระดับโลก! นิตยสาร China Geographic ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา และนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ยกย่องว่า! เป็นการค้นพบครั้งใหม่ของเส้นทางสายไหม ความสวยงามของแคนย่อน "เทียบได้กับจางเจียเจี้ย" และ "เทียบได้กับแกรนด์แคนยอนแห่งโคโลราโด"

แกรนด์แคนยอนทะเลสาบจางเย่ผิงซาน ลักษณะเด่นคือมีหุบเหวภูเขาที่มีระดับต่ำ ในทางธรณีวิทยา มันถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการการอัดของแผ่นเปลือกโลก การผุกร่อนตามธรรมชาติ การไหลของน้ำ การกัดเซาะของลม และอื่นๆ ลมและฝนหลายร้อยล้านปีแกะสลักภูเขาหลากสีสัน ให้กลายเป็นภาพวาดทิวทัศน์ที่น่าทึ่งและไม่มีใครเทียบได้

เดินขึ้นบันไดไปบนหุบเขา เพื่อสำรวจทิวทัศน์ที่ไม่ซ้ำใคร จะพบต้นสนชิงไห่ ต้นไซเปรสฉีเหลียน ต้นแอสเพน สัตว์ป่าและนกมากกว่า 80 สายพันธุ์ หากโชคดีอาจพบกับกวางแดงกานซู แกะสีน้ำเงิน ไก่หิมะหิมาลัย ละมั่งซับกุตทูโรซา อาร์กาลี ฯลฯ

ค้นหาวิวที่ชาวโลกประทับใจ Jiulong Huihai, Canyon Wonders, ยอดเขาคู่รัก, Yixiantian, ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์, คางคกทองเหวินเทียน, หอคอยมนุษย์, ป่าหิน ฯลฯ

12.00 น  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

เดินทางๆไปเจียยวี่กวาน (270 กม. / 3.30 ชั่วโมง) กำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันตกบนเส้นทางสายไหม “ด่านเจียยวี่ (Jiayu Pass/嘉峪關)” เป็นที่ตั้งของ “ป้อมปราการเจียยวี่กวน (Jiayuguan Fort)” ตั้งอยู่ในบริเวณแหล่งโบราณสถานเชิงวัฒนธรรมเจียยวี่กวน Jiayuguan Cultural Relics Scenic Area เมืองเจียยวี่กวน Jiayuguan/嘉峪關市 มณฑลกานซู่ Gansu/甘肃 ประเทศจีน

ชมด่านเจียยวี่กวาน Jiayuguan Pass 嘉峪關 ด่านที่สูงตระหง่าน ปราการที่แข็งแรง และสำคัญที่สุดในภาคตะวันตก เป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนโบราณ ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง (1368-1644) เป็นโครงการป้องกันทางทหารที่สำคัญที่สุด ในการปกป้องพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ณ จุดที่แคบที่สุดของส่วนตะวันตกของระเบียงเหอซี ซึ่งเป็นแนวป้องกันที่สำคัญตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ก่อนคริสตศักราช 202–220) Jiayuguan Pass ยังทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงสำคัญของเส้นทางสายไหมโบราณอีกด้วย นักเดินทางและพ่อค้าชาวต่างชาติมาจากยุโรป เอเชียกลาง ผ่าน Jiayuguan Pass เข้าสู่ดินแดนชั้นในของประเทศจีน ในขณะที่สินค้าของจีนถูกขนส่งไปยังเอเชียกลางและยุโรปด้วยเส้นทางนี้ด้วย ก่อให้เกิดการค้ากับต่างประเทศแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างศาสนา ศิลปะ และประเพณีอีกด้วย

เรื่องเล่ามา ตำนานชื่นชมช่างฝีมือโบราณใน Jiayuguan เมื่อสร้างด่านเจียหยี่กวานในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) เนื่องจากความลำบากในการขนส่งวัศดุสิ่งก่อสร้าง หัวหน้าคนงานที่ควบคุมงานสร้าง จำเป็นต้องคำนวณปริมาณวัสดุล่วงหน้า โดยได้รับความช่วยเหลือจากช่างฝีมือ เมื่อหัวหน้าคนงานปฏิบัติงานลุล่วงตามงานที่ได้รับมอบหมาย การสร้างกำแพงแล้วเสร็จ อัศจรรย์เมื่อปรากฎว่าวัศดุที่จัดเตรียมไว้เหลือเพียงอิฐเพียงก้อนเดียว! และอิฐก้อนสุดท้ายนี้ได้จัดแสดงไว้ที่ กำแพงป้อมปราการทางทิซตะวันตก มีนักท่องเที่ยวมาชมเป็นจำนวนมาก ต่างกล่าวชื่นชมยกย่องความชาญฉลาดและฝีมือของช่างจีนโบราณ

ชมป้อมปราการที่ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล  เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1372 แล้วเสร็จภายหลังสถาปนาราชวงศ์หมิง ชมลานจัตุรัสของป้อมปราการด้านใน ที่มีกำแพงรายล้อม ส่วนบนของกำแพงสูง 10 เมตร ยาว 640 เมตร เป็นที่ตั้งของหอระวังภัย ซึ่งสร้างขึ้นในปลายราชวงศ์หมิงถึงต้นราชวงศ์ชิง ด้านหนึ่งทอดไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้สู่เทือกเขาฉีเหลียนซาน และอีกด้านหนึ่งทอดไปทางทิศเหนือสู่เทือกเขาเป่ยซาน ชมอนุสาวรีย์ด้านนอกของประตูตะวันตกสร้างขึ้นในราวปีที่ 14 ของจักรพรรดิเฉียนหลง มีคำจารึกว่า “ป้อมปราการที่แข็งแรงที่สุดในโลก” ชมกำแพงเมืองจีนด่านสุดท้าย “เสียนปี้ฉางเฉิง” ที่สร้างขึ้นตามยอดภูเขาสูงชัน (รวมค่ารถแบตตารี่) 

20.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พักเจียยวี่กวาน JIAYUGUAN NUOJIN INTERNATIONAL HOTEL 5 ดาว  หรือเทียบเท่า Top 3 Premium Hotels in Jiayuguan–2024  / #1 of Premium Hotels in Jiayuguan

วันที่เจ็ด เสาร์ 2 ก.ย. 67  เจียยวี่กวน-ต้าตี้จือจื่อ-ตุนหวง-Dunhuang Museum-    ขี่อูฐหมิงซาซาน-ทะเลสาบเสี้ยวจันทรา

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

เดินทางเข้าสู่แนวเขตโกบี เทศมณฑลกวาโจว มณฑลกานซู่ แวะเช็คอินถ่ายรูปกับ The Son of The Earth บุตรแห่งโลก (274 กม. / 3.30 ชั่วโมง) ต้าตี้จือจื่อ ประติมากรรมเด็ก 3 มิติขนาดยักษ์ ทารกน้อยนอนหลับอย่างอ่อนโยนท่ามกลางเส้นขอบฟ้าที่เป็นผืนทราย ประติมากรรมนี้มีความยาว 15 เมตร สูง 4.3 เมตร กว้าง 9 เมตร เป็นงานศิลปะที่ซ่อนอยู่กลางทะเลทรายโกบีในเมืองตุนหวง ผลงานนี้สร้างสรรค์โดยศาสตราจารย์ตงซูปิง ผู้อำนวยการฝ่ายประติมากรรมแห่งมหาวิทยาลัยซิงหัว โดยมีความหวังว่ามนุษยชาติจะสามารถโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน เช่น เดียวกับที่ทารกน้อยนอนหลับอย่างอ่อนโยนท่ามกลางเส้นขอบฟ้าที่เป็นผืนทราย

ออกเดินทางต่อไปตุนหวง Dunhuang (敦煌) เป็นเมืองระดับเทศมณฑล ในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นจุดแวะพักหลักบนเส้นทางสายไหมโบราณ คำว่า “ตุน” ในภาษาจีนมีความหมายว่า  ใหญ่  คำว่า “หวง” มีความหมายว่า  รุ่งโรจน์ เมืองตุนหวง เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์ของจีน (122 กม. / 1.45 ชั่วโมง)

14.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารในตัวเมืองตุนหวง

ตัวเมือง Dunhuang เป็นลักษณะโอเอซิสกลางทะเลทราย เคยเป็นศูนย์กลางนักเดินทางหลักในเส้นทางสายไหมโบราณ เส้นทางการคมนาคมสำคัญจากจีนไปยังเอเชียกลาง ยุโรป และแอฟริกา มีประติมากรรมและจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำโมเกาและถ้ำยูหลิน นับเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า โดยฝีมือของนักประดิษฐ์นิรนาม ปัจจุบันผู้ที่หลงใหลสถาปัตยกรรมสวยงามและงานศิลปะแห่งพุทธศาสนาทั่วโลกปราถนามาเยือน

15.30 น.  นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ตุนหวง Dunhuang Museum 敦煌博物館 พิพิธภัณฑ์ตุนหวงสร้างขึ้นในปี 2011 โดยมีพื้นที่ 16,000 ตร.ม. รูปลักษณ์ของอาคาร รวมสถาปัตยกรรมผสมผสานสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมหลายอย่างเข้าด้วยกัน เช่น กำแพงเมืองจีน หอสัญญาณ และปราสาทโบราณ ก่อให้เกิดรูปแบบที่สวยงามเคร่งขรึม จัดแสดงวัตถุโบราณมากกว่า 10,000 ในเส้นสายประวัติศาสตร์ของตุนหวง ที่ยาวนานกว่า 2,000 ปี รู้จักตุนหวงและเส้นทางสายไหมได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีการจำลองจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามในถ้ำโมเกาให้ชม รัฐบาลไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในถ้ำโมเกาคู แต่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมชัดๆ และถ่ายรูปที่นี่แทนได้

ห้องนิทรรศการ 1 - ตุนหวง ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – คริสตศักราช 220) จานจำนวนมากและโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่ขุดพบ ความเจริญรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้ถูกแสดงออกมา สามารถเพลิดเพลินกับฉากการค้าผ้าไหมอันงดงาม และเข้าใจพัฒนาการของการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมในตุนหวงในสมัยราชวงศ์ฮั่น เป็นตัวแทนวิถีชีวิตของชาวตุนหวงในขณะนั้นอย่างแท้จริง และยังแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาเข้ามาสู่ตะวันออกได้อย่างไร

ห้องนิทรรศการ 2 - ตุนหวงใน Wei, Jin, ราชวงศ์ใต้และเหนือ (ค.ศ. 220 - 589) ราชวงศ์เว่ย จิน ราชวงศ์ใต้ และเหนือ เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่สำคัญของตุนหวง วัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองสะท้อนให้เห็นได้จากกระเบื้องที่ขุดพบ เครื่องใช้ของทหาร และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน สิ่งที่ขุดพบในช่วงนี้มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น โถใส่ศพที่ประณีตและมีเอกลักษณ์ เตาหัวไก่สีสันสดใส เครื่องหน้าไม้ทองสัมฤทธิ์ที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่และทหารชายแดนโบราณ โกดังเครื่องปั้นดินเผาที่สะท้อนสภาพชีวิตจริงในสมัยโบราณ และผ้าไหมที่งดงาม

ห้องนิทรรศการ 3 - ตุนหวงในราชวงศ์สุยและถัง (ค.ศ. 581 - 907) ราชวงศ์ซุย (ค.ศ. 581 - 618) และราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - 907) เป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของตุนหวง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมถึงจุดสูงสุด ตุนหวงได้กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญระหว่างจีนและชาติตะวันตก โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ขุดพบ เช่น ลูกปัด วัสดุเว่ยฉี หยก เครื่องปั้นดินเผา และตุ๊กตาอูฐ แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของตุนหวง ในฐานะเมืองธุรกิจที่สำคัญและตลาดการค้ากับต่างประเทศได้ครบถ้วน

ห้องนิทรรศการ 4 - ตุนหวงจากห้าราชวงศ์ถึงหมิง (ค.ศ. 907 - 1644) มุ่งเน้นไปที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเซี่ยตะวันตก (ค.ศ. 1038 - 1227) ซึ่งมีรูปแบบโดดเด่นหลังจากราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960 - 1279) ด้วยความเสื่อมโทรมของเส้นทางสายไหม เศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองของตุนหวงก็ถดถอยเช่นกัน แต่ในสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271 - 1368) ตุนหวง ประตูสู่ภาคตะวันตกได้เปิดออกอีกครั้ง ที่นี่คุณสามารถดูสิ่งของบางอย่างในยุคนั้นได้ เช่น Hauberk และ ไก่กระเบื้องตัวผู้

ห้องนิทรรศการ 5 - ตุนหวง ในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644 - 1911) ห้องนี้เล่าเรื่องพัฒนาการของตุนหวงและการค้นพบถ้ำพระสูตรในถ้ำโมเกาในสมัยราชวงศ์ชิง มุ่งเน้นไปที่การรวบรวมคัมภีร์ตุนหวงเพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นถึงเสน่ห์ทางศิลปะของการศึกษาตุนหวง

17.030 น.  นำท่านสู่เนินทราย “หมิงซาซาน” เทือกเขาทะเลทรายที่มีความยาว 40 ก.ม. สูงประมาณ 250 เมตร ทรายมีสีสันต่างกัน 5 สี คือ สีแดง เหลือง เขียว ขาว ดำ เมื่อท่านขึ้นถึงยอดเนินเขาทราย  ท่านสามารถไถลลื่น ลงมาสู่เชิงเขาด้านล่างอย่างสนุกสนาน หากโอกาสเหมาะท่านอาจได้ยินเสียงกลองรบ เสียงม้าร้อง และเสียงสู้รบ ตามตำนานเล่าว่า เคยมีกองทัพถูกพายุทรายพัดกระหน่ำและถูกฝังทั้งเป็นทั้งกองทัพอยู่ใต้ภูเขาทราย

สานฝันขี่อูฐท่องทะเลทราย จูงตามกันเป็นแถวไปตามสันทรายที่โค้งไปมา ภูเขาทรายดูเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ตัดกับฟ้าสวยสีครามใสที่ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม (รวมค่ารถแบตตารี่ และ รวมค่าขี่อูฐ 30 นาทีแล้ว)

นำท่านย่ำทะเลทรายไปชมสระน้ำวงพระจันทร์ บ่อน้ำผุดรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ไม่เคยเหือดแห้งแม้จะอยู่กลางทะเลทราย มีความลึกเฉลี่ย 6 เมตรเท่านั้น

21.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร เมนู “ความลับทะเลทราย”

ที่พักตุนหวง DONGTING INTERNATIONAL HOTEL 4 ดาว+หรือเทียบเท่า Opened in 2023

วันที่แปด อาทิตย์ 3 ก.ย. 67  ตุนหวง-ตานเสียนครแห่งสายลม-ซากกำแพงเมืองจีนราชวงศ์ฮั่น-ด่านประตูหยก-ตลาดกลางคืนซาโจว

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

เดินทางสู่หย่าตัน นครแห่งสายลม อุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติหย่าตัน 敦煌雅丹

หย่าตัน Yadan National Geologic Park Devil City ตั้งอยู่ห่างจากเมืองตุนหวงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 164 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 398 ตารางกิโลเมตร เป็นเขตลมแรงที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก พลังลมพัดกร่อนภูผาหินทรายเกิดเป็นโตรกผารูปร่างอัศจรรย์ ดูพิเศษยิ่งใหญ่อลังการ งดงามบนพื้นที่กว้างใหญ่ ของเขตทะเลทรายโกบี ดูเสมือนนครลึกลับกลางทะเลทราย

ในปี พ.ศ. 2549 สำนักงานการท่องเที่ยวของจีน ได้กำหนดให้อุทยานธรณีวิทยา Yadan อยู่ในพื้นที่ชมวิวระดับ 4A จากนั้นจึงกลายเป็นฐานวิทยาศาสตร์ ฐานการศึกษา และมรดกทางธรณีวิทยา เนื่องจากมีภูมิประเทศที่โดดเด่น ฉากภาพยนตร์และโฆษณาหลายเรื่องจึงถูกถ่ายทำที่นี่ ทิวทัศน์ทะเลทรายโกบีที่กว้างใหญ่ ผสมผสานกับภูมิประเทศอันมหัศจรรย์ของ Yardan ทำให้อุทยานแห่งนี้กลายเป็นแหล่งการเผยแพร่ความรู้ทางธรณีวิทยา การสำรวจ และการท่องเที่ยว

อุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติหย่าตัน เมื่อใช้จินตนาการ จะได้เห็นหินที่มีรูปร่างต่างๆ เป็นเอกลักษณ์ เช่น มองโกเลียเปา นกหิน นกยูงรำแพน และอื่นๆ อาจพบหินที่มีขนาดจิ๋วคล้ายกับสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น พระราชวังโปตาลาในทิเบต หอฟ้าในปักกิ่ง หรืออย่างอื่น

เมื่อรถจอดที่จุดแรก อาจสงสัยว่าเราหลุดโลกเข้ามาอยู่ที่ดาวดวงอื่น แม่นแล้ว!!! หินที่โดดเด่นที่สุดในที่นี้คือ A Golden Lion Greeting ผลงานจาการกัดเซาะของน้ำและแรงลมมาเป็นเวลายาวนาน จนในที่สุดมันก็กลายเป็นรูปร่างเหมือนสิงโต ที่ดักทักทายคนมาเยี่ยมเยือนจากระยะไกล

จุดที่สอง สฟิงซ์ เมื่อมองจากระยะไกลจะพบว่าหินก้อนนี้ มีลักษณะคล้ายสิงโตหมอบ และมีหน้าเหมือนมนุษย์จริงๆ

จุดที่สาม นกยูงรำแพน เกิดจากการแรงลมเหลาเสาหินจนกลายโครงสร้าง รูปร่างดูเหมือนนกยูงแพนหางเธอเชิด ดูเริด ดูภาคภูมิใจในความงามของเธอ

จุดที่สี่ Armada เป็นจุดสุดท้ายที่โครงสร้างดูเหมือนกองเรือลอยอยู่ในทะเลทรายอันไร้ขอบเขต ดูเหมือนทะเลอันยิ่งใหญ่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ประทับใจเป็นพิเศษให้โอกาสตัวเองเดินเข้าไปในกองเรือเหล่านี้ เพื่อชื่นชมผลงานอันแปลกประหลาดของธรรมชาติ

ขอบอก...คุณต้องเดินเข้าไป มันอลังมากๆ

12.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำชมซากกำแพงราชวงศ์ฮั่น Dunhuang Han Dynasty Great Wall กำแพงเมืองจีนห่งราชวงศ์ฮั่น สร้างขึ้นเมื่อ 1,300 ปีก่อน เป็นการวางระบบทางทหารเพื่อการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าเร่ร่อนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ก่อให้เกิดความสำเร็จในการปกป้องพื้นที่ชายแดน เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ เพื่อเป็นการเปิดและพัฒนา "เส้นทางสายไหม" โบราณ

นำชมด่านประตูหยก 玉門關 YUMENGUAN Yumen Pass หรือ Jade Gate ถือเป็นช่องผ่านทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในทางเดินทางไปสู่ประเทศตะวันตกในสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นช่องทางนำเข้าหยกจากภูมิภาคตะวันตก ช่องเขายูเหมินเคยเป็นพรมแดนระหว่างจีนตอนกลาง และภูมิภาคตะวันตกเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว มีบทบาทสำคัญใน "เส้นทางสายไหม" เช่นเดียวกับที่ช่องหยางกวน (ด่านพระอาทิตย์) ปัจจุบันซากปรักหักพังได้รับการยอมรับว่าจะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกบน "เส้นทางสายไหม"

19.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

นำท่านเที่ยวชมตลาดกลางคืนซาโจว Dunhuang Shazhou Night Market 敦煌夜市ตั้งอยู่ในถนน East Yangguan เป็นหนึ่งในตลาดกลางคืนที่น่าสนใจที่สุดในประเทศจีน ด้วยการปรับปรุงบริการที่เยี่ยมยอด ทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ตกกลางคืนแสงไฟทุกดวงจะสว่างขึ้น ตลาดเรียงรายด้วยแผงขายขนม ขายของที่ระลึก มีงานฝีมือของชาวอุยกูร์ซินเจียง มีร้านกาแฟ มีแผงขายปิ้งย่างบาร์บีคิวกลางแจ้ง พ่อค้าแม่ค้าทุกร้านส่งเสียงเรียก เชิญชวนลูกค้าให้มานั่งเก้าอี้ที่ร้านของเขา เพิ่อสั่งเนื้อแกะปิ้งย่างมาชิมและดื่มน้ำแอปริคอทคั้นสดรสอร่อย

ที่พักตุนหวง DONGTING INTERNATIONAL HOTEL 4 ดาว+หรือเทียบเท่า  Opened in 2023

วันที่เก้า จันทร์ 4 ก.ย. 67  ตุนหวง-โม่เกาคู-หลิวหยวน-รถไฟความเร็วสูง-ทูรูพาน

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

ชมถ้ำโม่เกา มรดกโลกที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก “โม่เกา” เป็นถ้ำที่มีคูหาใหญ่น้อยถึง 495 คูหา มีภาพวาดสีบนผนังสวยงาม มีพระพุทธรูปแกะสลัก และองค์เจ้าแม่กวนอิม ในคูหาต้นๆเป็นผลงานการบุกเบิกของพระสงฆ์เล่อจุนในปี ค.ศ. 366 ส่วนคูหาสุดท้ายขุดเมื่อยุคที่มองโกลมีชัยชนะเหนืออาณาจักรจีนในปี ค.ศ. 1277 ดังนั้นประติมากรรมหรือจิตรกรรมที่ท่านจะได้ชมที่ถ้ำโมเกาแห่งนี้ เกิดจากความเพียรพยายามของจิตรกรและช่างหลากยุคหลายสมัย ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่นับเนื่องยาวนานเกือบ 1,000 ปี  นำชมภาพยนตร์ 3 มิติ แสดงที่มาของถ้ำโม่เกา (ค่าทัวร์รวม รถแตตารี่+ค่าเข้าชม+ค่าดูหนัง 3 มิติ)

12.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร แล้วเดินทางไปสถานีรถไฟหลิวหยวน

16.32 น.  โดยรถไฟความเร็วสูง DONGCHE ขบวนที่ D575 หรือ D2701(16.57-20.20)นำท่านเดินทางสู่เมืองทูรูพาน              

19.56 น.  เดินทางถึงทูรูพาน

21.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

เมืองทูรูพาน เมืองโอเอซีสอีกแห่งบนเส้นทางสายไหม เป็นเมือง 3 ที่สุดในเขตซินเกียง (1. ต่ำที่สุดในจีน ต่ำจากระดับน้ำทะเล 154.43 เมตร  2. ร้อนและแห้งที่สุดในจีน อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส เคยร้อนสูงสุดถึง 49 องศาเซลเซียส  3. ลมแรงสุด จึงมีโรงงานไฟฟ้าพลังลมหลายแห่ง)

ที่พักทูรูพาน HAMPTON By HILTON HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว  เปิดบริการ: 2022

วันที่สิบ อังคาร 5 ก.ย. 67  ทูรูพาน-ถ้ำพระพุทธรูปพันองค์-เมืองเกาชาง+รถกอล์ฟ-ภูเขาเปลวไฟ-บ่อน้ำคานเอ๋อจิ่ง-บ้านเผ่าอุยกูร์-อูรุมฉี

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

08.10 น.  นำท่านไปชมเชียนฝอต้ง หรือ ถ้ำพระพันองค์ ซึ่งเป็นมรดกโลกของจีนโบราณที่มีชื่อในวงการศิลปกรรมโลก ประกอบด้วยถ้ำน้อยใหญ่กว่า 490 ถ้ำ เจาะตามผนังเขา มีภาพเขียนและรูปปั้นเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก เฉพาะที่เขียนด้วยสีอย่างงดงามตระการตามีมากถึง 45,000 ตารางเมตร ชมรูปปั้น 2,000 องค์ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เว่ยถังหยวน ชมภาพบนกำแพงที่แกะสลักเป็นรูปหุ่น 500 กว่าตัวที่มีชื่อเสียงและได้รับการดูแลรักษาอย่างดีตลอดมา

ชมซากเมืองโบราณเกาชาง (รวมรถแบตตารี่) ภาษาอุยกูร์เรียก DUHU CITY มีความหมายว่า “เมืองกษัตริย์” สร้างโดยหน่วยทหารที่ถูกส่งมาพัฒนาพื้นที่ในยุคอาณาจักร CHESHI ซึ่งขณะนั้นตรงกับสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล) ที่นี่ถูกเรียกว่ากำแพงเกาชางหรือด่านเกาชางในปลายราชวงศ์ฮั่นถึงราชวงศ์เว่ยและราชวงศ์จิ้น ส่วนกลางได้ส่งทหารและเจ้าหน้าที่ส่วนปกครองจากเมืองหลวง เข้ามาดูแลพื้นที่และคอยป้องกันการรุกรานของเผ่าเซียงหนู  เมืองเกาชางสิ้นสุด และถูกทำลายยับเยินเพราะสงครามในปลายศตวรรษที่ 13 บนพื้นที่ 2 ตารางกิโลเมตร เมืองเกาชางสร้างจากดินอัดแน่น แบ่งออกเป็น เมืองชั้นนอก ชั้นใน และเขตพระราชวัง กำแพงเมืองชั้นนอกนั้นสูงและหนาประมาณ 12 เมตร ความยาวโดยรอบ 5.4 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมกำแพงไว้อีกชั้น ประตูเมืองของกำแพงชั้นนอกมี 9 แห่ง ทิศละ 2 แต่ทางใต้มี 3 แห่ง ประตูทางฝั่งตะวันตกมีความสมบูรณ์กว่าด้านอื่น

14.00 น.  รับประทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคาร

นำท่านไปชมคานเอ๋อจิ่ง ระบบชลประทานใต้ดินของทูรูพาน ซึ่งมีการต่อท่อเพื่อนำน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งบนภูเขาสูงลงมายังที่ราบแถบโอเอซีส โดยการขุดท่อใต้ดินเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำในฤดูร้อน

นำท่านไปชม ฝอเยี่ยนซาน หรือ ภูเขาเปลวไฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่กล่าวถึงในนวนิยายไซอิ๋ว ตอนที่ซุนหงอคงไปยืมพัดกายสิทธิ์จากองค์หญิงพัดเหล็กมาดับไฟในภูเขาเปลวไฟ เพื่อให้พระถังซำจั๋งได้เดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียต่อ ภูเขาเปลวไฟมีลักษณะเป็นเขาหินสีอิฐแดงทั้งลูก ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเลย มองแต่ไกลจะเห็นเป็นสีเพลิงคล้ายไฟกำลังลุกไหม

นำท่านชมหมู่บ้านอุยกูร์ เป็นชนเผ่าเก่าแก่ของภาคเหนือของจีน คำว่าอุยกูร์มีความหมายว่าสามัคคีกันและร่วมกัน ชาวอุยกูร์ใช้ชีวิตอาศัยอยู่ทั่วซินเจียงแล้วเดินทางสู่อูรุมฉี นครอูรูมูฉี  เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง ตั้งอยู่แถบเทือกเขาเทียนซานที่ความสูง 900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีประชากรประมาณเกือบ 6 ล้านคน เป็นเขตปกครองตนเองที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากที่สุด ประชากรทั้งมณฑลมีประมาณ 26 ล้านคน พลเมืองกว่า 70 % นับถือศาสนาอิสลาม มีภาษาหนังสือท้องถิ่นเป็นของตนเอง ในอูรูมูฉีจึงมีป้ายบอกชื่อสถานที่ต่างๆ 2 ภาษา คือภาษาท้องถิ่น (ภาษาเว่ยอู๋เอ่อร์) และภาษาจีนกลาง

20.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

พักที่อูรุมฉี YAXIN INTERNATIONAL HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 5 ดาว  Opened in 2023

วันที่สิบเอ็ด พุธ 6 ก.ย. 67  อูรุมฉี-พิพิธภัณฑ์ซินเกียง-เทียนซานเทียนฉือ-เทียนฉือ (รถอุทยาน+รถกอล์ฟ+ล่องเรือ)-ตลาดบาซาร์ต้าปาจา                                                     

07.00 น.  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม (บุฟเฟ่อาหารเช้าเปิดบริการ 07.00-10.00 น.)

08.10 น.  นำชมพิพิธภัณฑ์ซินเจียง Xinjiang Region Museum 新疆自治区博物馆 ชมหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นได้ทั่วมณฑลซินเจียง ชมการจำลองบ้านเรือน เครื่องมือ เครื่องใช้ขนาดเท่าของจริง ของชนกลุ่มน้อยทุกเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในเขตนี้ ที่น่าสนใจแบบเหลือเชื่อคือการขุดพบขนมไหว้พระจันทร์โบราณ Bao Xiang 宝相花纹月饼 ค้นพบจากหลุมฝังศพอัสตานาในเมืองทูรูฟาน เมื่อปี พ. ศ. 2515 ซึ่งผลิตขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง (618-907 AD) มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.5 ซม ใช้แป้งข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบ อัดใส่พิมพ์ทรงกลม ลวดลายประณีตเป็นดอกเบญจมาศ อบจนมีสีเหลือง สะท้อนให้เห็นถึงเทคนิคการทำขนมอบที่ยอดเยี่ยมของผู้คนในสมัยนั้น อีกจุดเด่นที่ต้องไม่พลาดชมคือมัมมี่ซากมนุษย์โบราณ อายุเก่าแก่ 2,800-3,800 ปี อันดับ 1 (หมายเลข 1) คือ Loulan Beauty “โฉมงามโหลวหลาน” ที่เป็นบรรพบุรุษของชาวยุโรปที่ขุดพบในซินเจียง มีอายุกว่า 3,800 ปี

แจ้งทุกท่านไว้ล่วงหน้า ว่าโฉมงานโหลวหลานออนทัวร์ตลอด เธอถูกเชิญไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ต่างประเทศอยู่เสมอ ทางพิพิธภัณฑ์ซินเจียงได้จำลองรูปลักษณ์ที่น่าจะใช่เธอในอดีตกาลไว้ให้ท่านชม  ถ้าไม่พบเธอ ท่านยังสามารถชมร่างมัมมี่อื่น ๆ ที่อยู่ในยุค 2,800-3,800 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่แพ้กัน (พิพิธภัณฑ์ปิดวันจันทร์)

เดินทางสู่เทือกเขาเทียนซาน Tianshan 天山 ەڭرىاغرايونى ตั้งอยู่ที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีความสูง 5,445 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองอูรุมฉี่ นักเดินทางทุกคนไม่พลาดที่จะมาเยือน

เทือกเขาเทียนซาน หรือเทือกเขาสวรรค์ เป็นแนวเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ทอดยาวผ่าน 4 ประเทศ (จีน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และอุซเบกิสถาน) โดยมีความยาว 2,500 กิโลเมตร จากตะวันออกไปตะวันตก ด้วยโครงสร้างทางธรณีวิทยาเฉพาะและภูมิทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ภูเขานี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2013

เทือกเขาเทียนซานในส่วนที่อยู่ใสเขตซินเจียง มีความยาว 1,760 กิโลเมตร ผ่านคัชการ์ อักซู อิลี บอร์ตาลา ปาหยิงโกลิน ฉางจี อุรุมชี ทูร์ปัน และคูมุล ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของซินเจียง เรียกว่า 'ภูเขาสามลูกตัดสองแอ่ง' เนื่องจากเทือกเขาอัลไตอยู่ทางเหนือ เทือกเขาคุนหลุนอยู่ทางทิศใต้ และมีเทือกเขาเทียนซานที่อยู่ตรงกลาง จึงเป็นเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ตามธรรมชาติ ระหว่างแอ่งจุงการ์และแอ่งทาริม ดังนั้นซินเจียงจึงสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน – คือซินเจียงตอนใต้ และซินเจียงตอนเหนือ ยอดเขาที่สูงที่สุดจองเทือกเขาเทียนซาน คือ ยอดเขาโปเบดา มีความสูง 7,435.3 เมตร (24,394 ฟุต) ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตลอดทั้งปี

สิ่งที่ทำให้เทือกเขาเทียนซานโดดเด่น คือ ทะเลสาบบนภูเขาสูง – ทะเลสาบเทียนฉือ Heavenly Lake of Tianshan ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ห่างจากอุรุมชีประมาณ 110 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ความสูง 1,943 เมตร น้ำที่ละลายในทะเลสาบนั้นใสและเงียบสงบเหมือนกระจกซึ่งสวยงามมาก ด้วยเงาสะท้อนของยอดเขาหิมะและต้นสนสีเขียวหยก

14.00 น.  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร ก่อนขี้นเขา

ชมทะเลสาบเทียนฉือ Heavenly Lake of Tianshan天池 เป็นทะเลสาบบนเทือกเขาเทียนซานในซินเจียง 天池 หมายถึงทะเลสาบสวรรค์ เดิมชื่อเหยาฉือ (ทะเลสาบหยก) ได้รับการตั้งชื่อว่าเทียนฉือในปี พ.ศ. 2326 โดยหมิงเหลียง ผู้บัญชาการราชวงศ์ชิงแห่งกองบัญชาการอุรุมฉี ทะเลสาบเทียนฉืออยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,943 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4.9 ตารางกิโลเมตร จุดที่ลึกที่สุดลึก 105 เมตร นำท่านล่องเรือในทะเลสาบสรวงสวรรค์ ชมความงามธรรมชาติของป่าสนภูเขาหิมะสูงชัน ทะเลสาบสรวงสวรรค์ ล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะทั้ง 4 ทิศ โดยมียอดเขาที่ถูกปกคลุม ด้วยหิมะอันขาวโพลนตลอดทั้งปีกว่าพันยอด (รวมรถอุทยาน+รถกอล์ฟ+ล่องเรือแล้ว)

18.30 น.  เข้าชมตลาดนัดขายสินค้าพื้นเมืองต้าปาจา Xinjiang International Grand Bazaar  新疆国际大巴扎เพื่อชมชีวิตวิถีการค้าขายของชาวบ้านและเลือกซื้อของที่ระลึก เช่น ผ้าพันคอสีสวย เครื่องเงินแบบอาหรับ ผลไม้อบแห้ง เช่น องุ่น แอปริคอด กีวี อินทผาลัม เลือกซื้อเมล็ดอัลมอนอบแห้ง เมล็ดวอลนัตอบแห้ง และถั่วอบแห้งชนิดต่างๆ

แนะนำ 1. เครื่องดื่ม-น้ำทับทิมคั้นสด ยืนรอซื้อเลยค่ะ * ไม่แนะนำให้ซื้อน้ำหรือผลทับทิมสดไปทานที่ห้องพัก เพราะถ้าหยดลงบนเฟอร์นิเจอร์ผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ใดๆ จะซักไม่ออกคร้า ดังนั้นโรงแรมจะให้ท่านซื้อขาด สิ่งที่เปื้อนแม้เพียงเล็กน้อยชิ้นนั้นกลับไปด้วย 2. ชวนซื้อของทานเล่นที่ชอบติดตัวไปกันหน่อย เพราะจากวันนี้ไปเราจะวิ่งรถทางไกลทุกวันค่ะ

20.00 น.  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

หลังอาหารอิสระเดินเที่ยวตลาดกลางคืนที่อูรูมูฉี มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ มีแผงลอยขายอาหารผัดย่างปิ้งริมถนนมากมาย

พักที่อูรุมฉี YAXIN INTERNATIONAL HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 5 ดาว  Opened in 2023

วันที่สิบสอง พฤหัส 7 ก.ย. 67  อูรุมฉี-กวางเจา-สุวรรณภูมิ                                                                   

รับประทานอาหารเช้า (แบบกล่องที่โรงแรมจัดให้) ขณะเดินทางไปสนามบิน

10.45 น.  โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ6895 นำท่านเดินทางกลับเมืองกวางเจา (สายการบิน Full Service บริการอาหารกลางวันบนเครื่อง)

16.00 น.  ถึงสนามบินกวางเจา ต่อเครื่องเปลี่ยนเที่ยวบินเดินทางกลับประเทศไทย (ไม่ออกนอกสนามบิน)

(รับเงินสด 100 หยวนจีน / ท่าน เป็นค่าอาหารกลางวัน ฝากไว้ที่หัวหน้าทัวร์ แล้วเลือกซื้อรับประทานอาหารเย็นในสนามบินเองตามอัธยาศัย

20.15 น.  โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ361 นำท่านเดินทางกลับกรุงเทพฯ

22.00 น.  กลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพฯ

 

*****Travel Around the World by Chic Journey****                                                                                                                

รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

เดินทาง  27 ส.ค.-7 ก.ย. 2567        

ราคา 99,900 บาท                              

พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม 18,000 บาท

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เดินทางพร้อมผู้ใหญ่ มีเตียง ราคาเท่าผู้ใหญ่

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เดินทางพร้อมผู้ใหญ่ 2 ท่าน ไม่ใช้เตียง ลด 2,000 บาท

Visitors: 138,584