ทัวร์ไอซ์แลนด์ ต.ค.67-มี.ค.68 บิน AY 10 วัน 8 คืน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม 2567 มีนาคม 2568:ICELAND PREMIUM

รหัสสินค้า : CJN-C002-KEF02-ICELAND-AY

ราคา

179,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 179,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

Gems of Iceland 

เที่ยวไอซ์แลนด์ แดนมหัศจรรย์ของพลังธรรมชาติ

ราคา:เริ่มต้น 179,900.-บาท

โดยสายการบิน : FINNAIR (AY)

สนามบินเฮลซิงกิ •วานตา •สนามบินเคฟลาวิก •กรุงเรคยาวิก•เมืองฟอสสาทูน•โทรลล์วอล์ค •บ่อน้ำพุร้อน เดลดาร์ตุงกูเวอร์ •เขาคีร์กจูเฟล •เมืองบอร์การ์เนส• วงกลมทองคำ •อุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์•น้ำพุร้อนธรรมชาติ ไกเซอร์•ขี่สโนว์โมบิลตะลุยทุ่งน้ำแข็ง•น้ำตกกุลล์ฟอสส์•เฮลลา•แหลมดีร์โฮเลย์•หาดทรายดำ•ทุ่งลาวามอสส์เอลธรอน • ฟยาดราเกลยูเฟอร์แคนยอน•สกาฟตาเฟล•ธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์สโจกุล•โจกุลซาลอน•ไดมอนด์บีช•ถ้ำน้ำแข็ง “Crystal Ice Cave”•สกาฟตาเฟล•น้ำตกสโคก้าฟอสส์ •น้ำตกแซลยาลานด์ฟอสส์•ปล่องภูเขาไฟเคริด •เรคยาวิค•โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา•ประติมากรรม “Sun Voyager”•อาคารฮาร์ปาคอนเสิร์ต•ช็อปปิ้งที่ถนนเลยการ์แวร์กูร์ •ชมวิวที่อาคารเพอร์แลนด์•บ่อน้ำแร่บลูลากูน•เคฟลาวิก•เฮลซิงกิ•อิสระช็อปปิ้งที่ Forum Shopping Center•เฮลซิงกิซิตี้ทัวร์•ช็อปปิ้งบริเวณมาร์เก็ตสแควร์

**รวมค่าวีซ่าและทิปแล้ว

เดินทาง 22-31 ตุลาคม 2567 (วันปิยะมหาราช) ,19-28 พฤศจิกายน 2567,03-12 ธันวาคม 2567 (วันพ่อแห่งชาติ),18-27 มีนาคม 2568

หมายเหตุ **รายการทัวร์ทางหน้าเว็บไซต์ เป็นการนำเสนอรายการเบื้องต้นเท่านั้น ,กรุณาเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

วันแรก   : กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – สนามบินเฮลซิงกิ  - วานตา (-/-/D)

04.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ บริเวณจุดนัดพบ ประตู 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4  สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเช็คเอกสารก่อนนำท่าน เช็คอินที่เคาร์เตอร์ S สายการบินฟินแอร์  (น้ำหนักกระเป๋าโหลดท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
07.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY142 (บริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน)
15.25 น.  เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระ และการตรวจของศุลกากร นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ (เวลาที่ฟินแลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ขอแนะนำให้ทุกท่านปรับเวลาเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อความเข้าใจเวลานัดหมายที่ตรงกัน) จากนั้นนำท่านสู่โรงแรมเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางระยะยาว
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Break Sokos Hotel Flamingo, Vantaa หรือเทียบเท่า

วันที่สอง : กรุงเฮลซิงกิ – กรุงเรคยาวิก – เมืองฟอสสาทูน – โทรลล์วอล์ค – บ่อน้ำพุร้อน เดลดาร์ตุงกูเวอร์ – เขาคีร์กจูเฟล – บอร์การ์เนส (B/L/D)

เช้า บริการอาหารเช้า แบบกล่อง (เนื่องจากต้องออกเดินทางไปสนามบินแต่เช้า)
04:30 น. นำท่านออกเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ เพื่อทำการเช็คอินสายการบินฟินแอร์  
07:10 น.ออกเดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก โดย สายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY991  ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 50 นาที
08:00 น.  ถึง สนามบินเคฟลาวิกสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระและการตรวจของศุลกากร นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ (เวลาที่ไอซ์แลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านสู่ เมืองฟอสสาทูน
(ระยะทาง 133 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที)
ให้ท่านได้เพิ่มประสบการณ์พิเศษก่อนมื้ออาหารกลางวัน ด้วยการเดินระยะสั้นๆ ในเส้นทาง โทรลล์วอล์ค Troll Walk”เรียนรู้ความเชื่อที่มีเอกลักษณ์อันน่าหลงใหลกับตำนานเอลฟ์และโทรลล์ของชาวนอร์ดิกโบราณที่ยังคงฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมและประเพณีของชาวไอซ์แลนด์  ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันงดงามของน้ําตกโทรลล์ และวงกลมภูเขาบอร์การ์ฟยอร์ดูร์
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำพุร้อนเดลดาร์ตุงกูเวอร์ “Deildartunguhver Thermal Spring”  ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นบ่อน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ไหลเร็วที่สุดในยุโรป อุณหภูมิน้ำสูงสุด 97 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูร้อนจะมีชาวบ้านมาตั้งร้านขายผัก ผลไม้ ด้วยเนื่องจากแถวๆ นี้มีเรือนเพาะชำซึ่งใช้ความร้อนจากบ่อน้ำพุแห่งนี้เพื่อให้ความอบอุ่นกับต้นไม้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาเคีร์กจูเฟล “Kirkjufell”(ระยะทาง 139 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)  ภูเขาที่คล้ายกับโบสถ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดจนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพสัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ก็ว่าได้ ตัวภูเขามีลักษณะเป็นรูปกรวยคว่ำชั้นๆ ต่างสีกัน มีความสูงประมาณ 463 เมตร ใกล้ๆ ภูเขายังมีน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงไหนของปีก็มีความงดงามตลอด โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่จะมองเห็นภูเขาเคีร์กจูเฟลปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ให้ท่านชื่นชมกับบรรยากาศและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์การ์เนส  (ระยะทาง 106 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที) 
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Hótel Vesturland, Borganes หรือเทียบเท่า
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี

วันที่สาม :บอร์การ์เนส – วงกลมทองคำ – อุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์ – น้ำพุร้อนธรรมชาติ ไกเซอร์ –ขี่สโนว์โมบิลตะลุยทุ่งน้ำแข็ง – น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – เฮลลา  (B/L/D)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทางวงกลมทองคำ ที่ซึ่งผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาด  เข้าชมเขตอุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์ “Thingvellir National Park”  (ระยะทาง 83 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกและเป็นพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับว่ามีธรรมชาติที่สวยงามแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ และนับเป็นจุดกำเนิดทางประวัติศาสตร์และทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจของโลกองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.2004 นำท่านเดินชมจุดบริเวณที่เคยเป็นสภาและสถานที่คัดเลือกผู้นำแห่งแรกของชาวไอซ์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 930 ชมรอยแตกร้าวของของโลกที่มีความลึกลงสู่ใต้ดินถึง 14  เมตร ที่เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1784 และรอยแตกนี้ก็จะขยายออกไปอีกถึงปีละ 1 เซนติเมตร
นำท่านชมน้ำพุร้อนธรรมชาติ หรือ ไกเซอร์ “Geysir Geothermal”ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า Geyser ที่ใช้กันทั่วโลก ชมสโทรคูร์ “Strokkur” อันโด่งดัง พวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7-10 นาที และยังมีสระน้ำร้อนหรือน้ำพุร้อนที่น่าตื่นตาให้ชมอีกหลายแห่ง แหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้ก็ยังมีน้ำที่ร้อนมากเกินกว่าที่จะลงไปสัมผัสได้จึงมีการล้อมรั้วกั้นไว้และมีป้ายเตือนให้ทราบว่าน้ำในนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 100°องศาเซลเซียส พลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลกและถูกขับเคลื่อนออกมาเป็นน้ำนี้ทางรัฐบาลได้แปลงความร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าส่งใช้ทั่วประเทศ
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสัมผัสประสบการณ์พิเศษยามบ่าย กับการนั่งรถจี๊ปมุ่งหน้าสู่สโนว์   โมบิลแคมป์ ที่อยู่บริเวณเชิงธารน้ำแข็งลางโจกุล Langjökull Glacier ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางที่รถวิ่งท่านจะได้เห็นวิวชนบทสวยๆ ทุ่งลาวาและหน้าผาหินซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของไอซ์แลนด์เมื่อคุณเดินทางไปถึงที่เบสแคมป์ ทัวร์มีบริการชุดกันความหนาว หมวกกันน็อก ถุงมือ รองเท้าบู๊ท ให้ท่านแต่งกายให้เหมาะสมและจะมีการแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการขี่สโนว์โมบิลด้วย  นำท่านขี่สโนว์โมบิลตะลุยทุ่งน้ำแข็ง ชมทิวทัศน์วิวภูเขาอันงดงาม กับบรรยากาศที่จะทำให้ท่านประทับใจอย่างเต็มอิ่ม 1 ชั่วโมง
หมายเหตุ : สโนว์โมบิล 1 คัน ต่อ 2 ท่าน และสำหรับท่านที่เป็นผู้ขับสโนว์โมบิล ต้องมีใบอนุญาตขับขี่โชว์เจ้าหน้าที่  ดังนั้นกรุณานำใบขับขี่รถยนต์ติดพร้อมถ่ายสำเนา 1 ชุดไปด้วย สามารถใช้ใบขับขี่ไทย ที่มีภาษาอังกฤษไปโชว์ได้
หลังจบจากการขี่สโนว์โมบิล นำท่านนั่งรถกลับไปที่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)น้ำตกที่ตกลงไปยังหุบเขาโบราณที่มีความลึกกว่า 32 เมตร ในภาษาไอซ์แลนด์ Gullfoss หมายถึงน้ำตกทองคำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ จนได้สมญานามว่า ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การยูเนสโก ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งมีความสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก
จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Stracta Hotel, Hella หรือเทียบเท่า
***ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***

วันที่สี่:  แหลมดีร์โฮเลย์ - หาดทรายดำ - ทุ่งลาวามอสส์เอลธรอน - ฟยาดราเกลยูเฟอร์ แคนยอน –สกาฟตาเฟล   (B/L/D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านชมแหลมดีร์โฮเลย์ “Dyrhólaey”เดิมเรียกว่าเคปพอร์ตแลนด์ “Cape Portland” โดยชาวอังกฤษ ดีร์โฮเลย์เป็นแหลมที่ยื่นออกมาทางชายฝั่งตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชุมชนวิค “Vik” ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่บริเวณใต้ของประเทศ เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเนินประตู “Door hill island"คำว่าประตูมาจากลักษณะที่มีซุ้มลาวาโค้งขนาดมหึมาซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและลมที่พัดผ่าน ตระหง่านอยู่กับหาดทรายสีดำ และเคยมีนักบินผาดโผนที่บินผ่านโค้งหินนี้ด้วยเครื่องบินขนาดเล็กมาแล้ว
นำท่านชม เรย์นิสฟายาร่า“Reynisfjara”หรือ หาดทรายดำ “Black Sand beach” ที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทรายสีดำที่ชายหาดแห่งนี้เป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง บริเวณนี้เป็นบริเวณที่คลื่นพัดแรง จะพัดเอาวัตถุที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าออกไป วัตถุที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะถูกพัดพาออกไปได้ช้าหรือยังคงสะสมรวมตัวกันอยู่ จนกลายเป็นชายหาดที่มีทรายสีดำ
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารกลางวันนำท่านเดินทางสู่ ฟยาดราเกลยูเฟอร์ แคนยอน ระหว่างทางแวะให้ท่านได้ชมและถ่ายรูปกับ ทุ่งลาวาเอลธรอน “Eldhraun Lava Field”ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านคีร์กจูแบจาร์เคลาส์ตูร “Kirkjubæjarklaustur” ที่นี่ถือว่านอกจากจะเป็น  ทุ่งลาวามอสส์ที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์แล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในแง่ธรณีวิทยา ซึ่งเกิดจากการปะทุขนาดใหญ่ของภูเขาไฟ Skaftáreldar นับเป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดของไอซ์แลนด์ ลาวาร้อน ๆ ไหลลงสู่ด้านล่าง หลอมละลายต้นไม้ต่าง ๆ จนเหลือแต่ซากทุ่งลาวาขนาดใหญ่ นานวันเข้าก็ถูกปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวแผ่ขยายเป็นทุ่งอันงดงาม กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ
จากนั้นนำท่านชม ฟยาดราเกลยูเฟอร์ แคนยอน “Fjaðrárgljúfur”หุบเขา  ฟยาดราเกลยูเฟอร์ อีกจุดท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อยู่ไม่ไกลจากกทางตะวันออกเฉียงใต้ของถนนวงแหวน มีลักษณะเป็นช่องเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบราณที่พยายามกัดเซาะชั้นลาวาภูเขาไฟในบริเวณนี้ จนเกิดเป็นแนวช่องแคบยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และลึก 100 เมตร เมื่อก่อนที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ จนกระทั่ง จัสติน บีเวอร์ “Justin Bieber” มาถ่ายทำมิวสิควิดีโอบริเวณนี้ จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้แวะเข้ามาเช็คอิน
จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Hótel Skaftafell หรือเทียบเท่า      
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***   

วันที่ห้า :  สกาฟตาเฟล - ธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์สโจกุล - ธารน้ำแข็งฟยาลลส์โจกุลล์ - โจกุลซาลอน - ไดมอนด์บีช - ถ้ำน้ำแข็ง “Crystal Ice Cave” (B/L/D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เขตอุทยานแห่งชาติสกาฟตาเฟล สถานที่ยอดนิยมในหมู่นักเดินป่า ช่างภาพ และผู้ที่รักความงามตามธรรมชาติที่บริสุทธิ์ แวะจุดชมวิวให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับ ธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์สโจกุล“svinafellsjokull” อีกหนึ่งในจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะเวียนมาถ่ายรูปคู่กับกลาเซีย ด้วยสีสันที่สวยงามด้วยน้ำแข็งสีฟ้าเข้ม หิมะสีขาวเป็นประกาย และเส้นเถ้าสีดำซึ่งหลงเหลือมาจากการปะทุเมื่อหลายศตวรรษก่อน ทำให้สวีนาเฟลล์สโจกุลไม่เพียงแต่ได้รับการชื่นชมจากชาวไอซ์แลนด์และผู้มาเยือนเท่านั้น ยังเข้าตาของผู้ผลิตละครซีรีย์เรื่องดัง Game of Thrones ทำให้ถูกใช้เป็นฉากที่ถ่ายทำ 'North of the Wall' ในซีซั่น 7 ระหว่างการต่อสู้สุดดราม่าในตอนสุดท้าย
นำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน ระหว่างทางแ ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์ที่น่าทึ่งพร้อมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาและรอยแยกที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ท่านยังมีโอกาศได้เห็นน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากภูเขาสู่มหาสมุทรซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชม โจกุลซาลอน ลากูน “Jökulsárlón Lagoon”ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และขยายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีจากการละลายของธารน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องแสดงจากผลกระทบของภาวะโลกร้อน แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบและธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เคียงเกิดความน่าสนใจมากขึ้น คือเมื่อภูเขาน้ำแข็งได้ แตกออกและไหลลงไปในธารน้ำแข็งและตกลงไปยังทะเลสาบ ละลายอย่างช้าๆ และถูกพัดออกไปในทะเล ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะถูกคลื่นมหาสมุทรซัดขึ้นกลับสู่ชายหาดทรายดำที่ชื่อว่า เปรียดาร์แมร์คูร์ซานดูร์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับลากูนแห่งนี้   จนเป็นเหมือนเป็นประติมากรรมน้ำแข็งขนาดเล็กที่เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ มองดูเหมือนเพชรที่ส่องประกาย จนทำให้ถูกเรียกอีกชื่อว่า ไดมอนด์บีช “Diamond Beach” มีเวลาให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ
นำท่านเดินเข้าชม ถ้ำน้ำแข็งแห่งวัจนาโจกุล ที่เรียกได้ว่าเป็นถ้ำน้ำแข็งที่สวยงามตระการตามีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์และเปิดให้เข้าชมได้ในเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ถ้ำแห่งนี้มีปากถ้ำที่เป็นปล่องน้ำแข็งสูงประมาณ 22 ฟุต แต่เนื่องจากสภาพอุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้รูปแบบของถ้ำน้ำแข็งค่อยๆมีการเปลี่ยนตลอดเวลา อิสระให้ท่านได้มีเวลาเก็บภาพความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ประกอบด้วย หิมะสีขาวเป็นประกาย ความใสดังแก้วคริสตัลของน้ำแข็งน้ำเงินเข้มและการตกกระทบของแสงอาทิตย์ทำให้เกิดถ้ำน้ำแข็งสีสันสวยงามราวกับอัญมณีไม่เหมือนกับสถานที่ใดในโลก (ในวันเดินทาง กรณีที่เข้าชมถ้ำน้ำแข็งที่ Crystal Ice Cave ไม่ได้ทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการปรับโปรแกรมเปลี่ยนเป็นนำท่านเข้าชมที่ ถ้ำน้ำแข็งไกล้เคียงแทน)
**การเข้าชมทุกท่านจะต้องปฎิบัติตามกฎความปลอดภัย สวมใส่อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีหมวกกันน็อกและรองเท้าตะปูที่สวมรอบเท้าเพื่อให้ท่านสามารถเดินบนน้ำแข็งได้อย่างมั่นคงจากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก   Hótel Skaftafell หรือเทียบเท่า      
***ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***   

วันที่หก:สกาฟตาเฟล -  น้ำตกสโคก้าฟอสส์ - น้ำตกแซลยาลานด์ฟอสส์ - ปล่องภูเขาไฟเคริด - เรคยาวิค  (B/L/D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านแวะชมความงามของ น้ำตกสโคก้าฟอสส์ “Skogafoss”(ระยะทาง 109 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที)  น้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์  มีความสูงประมาณ 60 เมตร ซึ่งไหลมาจากแม่น้ำสโคก้า มองเห็นได้ชัดเจนจากทางหลวงหมายเลข 1 และเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการแวะพักและยืดเส้นยืดสายขณะเดินทางท่องเที่ยวชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ แม่น้ำด้านล่าง Skógafoss มีปลาแซลมอนจำนวนมากจึงเป็นจุดที่โปรดปรานสำหรับชาวประมงในฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปความสวยงามอยู่ไม่ขาด มุมถ่ายรูปยอดนิยมคือ ภาพของน้ำตกสโกกาฟอสส์ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟเอยาฟยาตลาเยอคุตล์
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชม น้ำตกแซลยาลานด์ฟอสส์ “Seljalandfoss”  น้ำตกเพียงไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่สามารถเดินไปด้านหลังได้รอบ 360 องศา มีความสูงประมาณ 60 เมตร อีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงชนิดที่ว่าแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์เลย เมื่อสายน้ำจากด้านบนไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบางๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว ตัวน้ำตกนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ของธารน้ำแข็งเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ ธารน้ำแข็งขนาดเล็กที่ปกคลุมภูเขาไฟสูง 1,666 เมตร ซึ่งปะทุค่อนข้างบ่อยและได้ปะทุขึ้นครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งส่งผลให้น่านฟ้าทั่วยุโรปต้องปิดการใช้งานไปชั่วคราวในขณะนั้น
จากนั้นนำท่าน ปล่องภูเขาไฟเคริด “Kerid Crater”ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน มีความลึกประมาณ 55 เมตรกว้าง 170 เมตร เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุดในภูมิประเทศปล่องภูเขาไฟเคริด Kerid Crater เป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากเมือง Selfoss ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้ ปล่องภูเขาไฟเคริด Kerid Crater โดดเด่นคือสีสันที่สดใสและตัดกัน ผนังของปล่องภูเขาไฟแสดงเฉดสีแดง ส้ม และน้ำตาล ซึ่งเกิดจากการมีธาตุเหล็กออกซิไดซ์ในหินภูเขาไฟ สีสันที่สดใสเหล่านี้ประกอบกับน้ำสีเขียวอมฟ้าที่เติมปากปล่องภูเขาไฟ ทำให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สีสันที่ตัดกันและทะเลสาบอันเงียบสงบภายในปากปล่องภูเขาไฟ ให้ท่านได้ชื่นชมและเก็บภาพที่น่าทึ่ง ดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ แอ่งภูเขาไฟแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ กรุงเรคยาวิค เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่อยู่เหนือสุดของโลก
 ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก   Grand Hotel, Reykjavík หรือเทียบเท่า   
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***   

วันที่เจ็ด: เรยาวิค - โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา - ประติมากรรม “Sun Voyager” - อาคารฮาร์ปาคอนเสิร์ต-ช็อปปิ้งที่ถนนเลยการ์แวร์กูร์ - อาคารเพอร์แลน - บ่อน้ำแร่บลูลากูน - เคฟลาวิก   (B/L/D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมกรุงเรคยาวิค เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ชมและถ่ายรูปด้านหน้าโบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยาโบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเรคยาวิก ว่ากันว่าเราสามารถมองเห็นโบสถ์แห่งนี้ได้จากเกือบทุกที่ในตัวเมืองเรคยาวิค โบสถ์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระในศาสนาคริสต์ที่ชื่อฮาลล์กริมูร์ (Hallgrímur Pétursson)ที่เป็นทั้งนักกวี และนักประพันธ์ ผลงานที่มีชื่อและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวไอซ์แลนด์ ออกแบบโดยนายกุดโยน (Guðjón Samúelsson) ซึ่งกว่าจะได้สร้างจบแล้วเสร็จก็ใช้เวลาทั้งหมด 38 ปี โดยเริ่มในปี ค.ศ.1945 กระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ยังมี “อนุเสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน” (Leifur Eiríksson) นักเดินทางคนสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ที่สหรัฐอเมริกาได้มอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภา “Althing” ของไอซ์แลนด์
จากนั้นแวะให้ท่านถ่ายรูปกับประติมากรรม “Sun Voyager”ที่ผู้สร้างตีความหมายว่าเป็นเรือแห่งความฝันโดย ตัวประติมากรรมจะเป็นลักษณะเหมือนเรือไวกิ้งหันหน้าออกสู่ท้องทะเลของไอซ์แลนด์
ชมและเก็บภาพด้านหน้าบริเวณ อาคารฮาร์ปาคอนเสิร์ตและคอนเฟอเรนซ์ฮอลล์ “Harpa Concert and Conference Hall “ที่หรูหราตั้งอยู่ในเขตท่าเรือเก่าในเมืองเรคยาวิค
อิสระให้ท่านเดินเล่นผ่อนคลายชมบรรยากาศที่ ถนนเลยการ์แวร์กูร์ (Laugavegur) ถนนช็อปปิ้งหลักของกรุงเรคยาวิค และเชื่อมต่อถึงถนนช็อปปิ้งบานกัสไรตี เอยส์เตยสแลตี แลกจาร์กาตา และสโกลาโวแลคตีกูร์ ถนนทุกสายนี้สามารถเดินเท้าถึงกันได้ง่ายๆ จากใจกลางเมือง สำหรับท่านที่รักการช๊อปปิ้ง เราขอแนะนำร้านเสื้อผ้า แบรนด์ชั้นนำต่างๆ เช่น 66 นอร์ท ซินตามานิโซออน หรือไอซ์แวร์  ให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศ และเลือกซื้อของฝากอิสระตามอัธยาศัย
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมวิวเมืองเรคยาวิคแบบ 360 องศา ณ จุดชมวิวของอาคารเพอร์แลน “Perlan”อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง คำว่าเพอร์แลนในภาษาไอซ์แลนด์จะตรงกับคำว่า The Pearl ที่แปลว่า "ไข่มุก" อาคารเพอร์แลน เป็นพิพิธภัณฑ์และโดมกระจกหมุนได้ สร้างขึ้นบนแท็งก์น้ำ 6 ถัง โดย 4 ถังยังคงใช้เก็บน้ำร้อนส่วนใหญ่ที่ใช้ในเมืองเรคยาวิก ตั้งอยู่บนยอดเขาเอิสจูฮลิด และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมืองเรคยาวิก เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเรคยาวิค
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองกรินดาวิก สู่ บ่อน้ำแร่บลูลากูน “Blue Lagoon”หรือ ทะเลสาบน้ำแร่สีฟ้าสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลกและโด่งดังที่สุดของประเทสไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยว 95% ต่างไม่พลาด กับการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ซึ่งบ่อน้ำแร่บลูลากูนแห่งนี้ เป็นบ่อน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุมากมายและยังมีเกลือแร่ซึ่งจะช่วยให้ท่านผ่อนคลายและรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย
อิสระให้ท่านแช่น้ำแร่ธรรมชาติ สัมผัสกับความสบายตัวจากการลงแช่น้ำแร่ เพื่อการพักผ่อนตามอัธยาศัย (สำหรับการแช่น้ำแร่ในบลูลากูนกรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกคลุมผมไปด้วยติดตัวไปด้วย ทางบริษัทมีบริการผ้าขนหนูให้ท่านละ 1 ผืน พร้อมเครื่องดื่มต้อนรับท่านละ 1 แก้ว) 
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Park inn By Radisson, Keflavik หรือเทียบเท่า
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***   

วันที่แปด:  เคฟลาวิค – กรุงเฮลซิงกิ  – ช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม    (B/-/D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
07:30 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก เพื่อทำการเช็คอินไฟล์ของสายการบินฟินแอร์  (น้ำหนักกระเป๋าโหลดสูงสุด ท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม) 
10.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองเฮลซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY992(ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที)
***อิสระอาหารกลางวัน เนื่องจากอยู่ระหว่างบิน
15.30 น.  เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ และเดินทางเข้าสู่กรุงเฮลซิงกิ และ ช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม (Forum Shopping Center)ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และเก่าแก่ของเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากของที่ระลึก
ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสู่โรงแรม เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง
ที่พัก Scandic Grand Marina, Helsinki หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า: เฮลซิงกิซิตี้ทัวร์ - ช็อปปิ้งบริเวณมาร์เก็ตสแควร์ - สนามบินเฮลซิงกิ  (B/-/-)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมเมืองเฮลซิงกิ “Helsinki” เมืองหลวงของฟินแลนด์ ชมและถ่ายรูปกับมหาวิหารอุสเปนสกี้ “Uspenski Church”มหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์รัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 ถึง ค.ศ. 1868  ชมโบสถ์เทมเปลิโอคิโอ “Temppeliaukio Church”หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" หรือ "โบสถ์แห่งความรัก" สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดมา  อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส “Sibelius Monument” สร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลก  ชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนด์เดีย เพลงปลุกใจชาวฟินแลนด์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย
ชมเซเนท สแควร์ (Senate Square)จัตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า หรือเลือกช้อปปิ้งบริเวณมาร์เก็ต สแควร์ ซึ่งมีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านขนมอบเนื้อแบบฟินแลนด์ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่หวานอร่อย  ไอศกรีมเนื้อเนียนรสชาติดี หรือลิ้มลองอาหารอื่นๆ ที่ชาวฟินแลนด์นิยมรับประทานไม่ว่าจะเป็น ปลาแฮร์ริง (Herring) ปลา Vendace ทอด ชีส และอื่นๆ อีกมากมายได้จากที่นี่เช่นกัน
***อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ เพื่อทำการเช็คอินไฟล์ของสายการบินฟินแอร์ กลับสู่กรุงเทพ
20.50 น.  ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY143

อัตราค่าบริการ ต่อท่าน เป็นสกุลเงิน ไทยบาท
สำหรับคณะผู้เดินทาง 25 ท่าน ขั้นต่ำ 15 ท่านออกเดินทาง

วันเดินทาง

ราคาผู้ใหญ่ ต่อท่าน
พักห้องคู่

พักเดี่ยว
จ่ายเพิ่ม

22-31 ตุลาคม 2567
วันปิยะมหาราช

179,900

35,000

19-28 พฤศจิกายน 2567

179,900

35,000

03-12 ธันวาคม 2567
วันพ่อแห่งชาติ

189,900

35,000

18-27 มีนาคม 2568

179,900

35,000

  • ราคารวมทิป คนขับรถ ไกด์ท้องถิ่น หัวหน้าทัวร์ และค่าวีซ่าแล้ว  
  • กรุ๊ปการันตีขั้นต่ำ 15 ท่าน ออกเดินทาง กรณีที่คณะต่ำกว่า 15 ท่าน แต่ไม่น้อยกว่า 10 ท่าน และยืนยันจะเดินทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บเพิ่มและต้องได้รับความยินยอมจากทุกท่านที่ร่วมเดินทางเท่านั้น
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 - 4 ปี ราคาพักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน ลด 2,500 บาท / เด็กอายุ 5 ขึ้นไป ราคาเท่าผู้ใหญ่ปกติ
Visitors: 149,754