ทัวร์กรุ๊ป 1-11 พ.ค.68 COSTA DELIZIOSA ล่องเรือสำราญ เที่ยวอิตาลี โครเอเชีย กรีซ มอนเตเนโกร บิน TK : Costa Cruise Europe

รหัสสินค้า : CTX-EH001-COSTA-DELIZIOSA-TK

ราคา

151,900.00 ฿


155,900.00 ฿

 (-3%)
จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 151,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ทัวร์กรุ๊ป:เที่ยวเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก 11วัน 8คืน

ราคา : เริ่มต้น155,900.-บาท 

โปรโมชั่น!!จองภายใน พ.ย.67 ลด 4,000บาท

สายการบิน : Turkish Airlines ( TK )

รวม : ที่พัก โรงแรม 1 คืน - บนเรือ7คืน , ตั๋วเครื่องบินไปกลับตามเส้นทาง ,รถรับส่งระหว่างสนามบิน-ท่าเรือ พร้อมทัวร์บนฝั่งตามที่ระบุ,ภาษีท่าเรือ,อาหารบนเรือทุกมื้อ,กิจกรรมตามที่ระบุในตั๋วเรือ,ค่าทิปบนเรือ (Service Fee),พร้อมหัวหน้าทัวร์ร่วมเดินทาง

ไม่รวม : ค่าวีซ่าเชงเก้น,ค่าอาหารสั่งพิเศษ,ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ

>>ขอสงวนสิทธิ์หากเรือมีการปรับเปลี่ยนท่าเทียบเรือ ซึ่งทางบริษัทจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าต่อไป,โปรแกรมการท่องเที่ยว Shore Excursion ของเรือ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับการเข้าออกของตารางเดินทางเรือ

**หมายเหตุ:ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริง ที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น ,กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

เดินทาง : 1 - 11 พฤษภาคม 2568

(พฤ) 01 .. 68 : กรุงเทพฯ

20.00 น.หัวหน้าทัวร์รอต้อนรับที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 9  แถว Uเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (TK) 
23.05 น.บินสู่ สนามบินอิสตัลบูล โดยเที่ยวบิน TK 069

(ศ) 02 พ.ค. 68 : อิสตัลบูล (ตุรเกีย) – เวนิส - เวโรน่า (อิตาลี)

05.20 น.ถึง สนามบินอิสตัลบูล เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน
07.00 น.บินสู่ สนามบินเวนิส โดยเที่ยวบิน TK 1867
08.30 น.ถึง สนามบินเวนิส
= ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร =
เดินทางสู่ เมืองเวโรนา (Province of Verona) แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ชั้นดีในการตั้งถิ่นฐานสมัยโบราณ ชนเผ่าดั้งเดิมในอิตาลีอย่างยูกาไน (Euganei) และเซโนมานี (Cenomani) จึงผลัดกันยึดครองเวโรนาระหว่าง 500 ปีจนถึง 300 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งปีที่ 89 ก่อนคริสตกาลที่เมืองนี้ตกอยู่ใต้การปกครองของสาธารณรัฐโรมัน (Roman Republic) และกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของโรมนับแต่นั้น ภายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในคริสต์ศตวรรษที่ 5 เวโรนาก็กลายมาเป็นเมืองในปกครองของชาวกอธ (Goths) เผ่าต่างๆ จนกระทั่งเมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดยุคกลางในคริสต์ศตวรรษที่ 15 จึงถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของนครรัฐเวเนเซียและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลีในเวลาต่อมา เวโรนาเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยโบราณสถานน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน โบสถ์วิหารเก่าแก่ หรือแม้แต่บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและหิน ด้วยเหตุนี้ใน ปี ค.. 2000 UNESCO จึงประกาศให้เวโรนาเป็นมรดกโลก 
เที่ยวชมบรรยากาศใน เมืองเวโรนา เช่น บ้านเกิดของจูเลียต เป็นอาคารซ้อนชั้นก่อด้วยหินที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เจ้าของเดิมคือตระกูลคาเปลโล(Capello) ผู้ดีเก่าในเมืองเวโรนา พวกคาเปลโลดัดแปลงบ้านให้เป็นสถานที่พักแรมสำหรับขุนนางต่างถิ่นที่มาเยือนอิตาลีจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1597 เมื่อบทละครโรมิโอและจูเลียตของเช็กสเปียร์ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกผลงานชั้นครูที่ทำให้ชื่อของเช็กสเปียร์โด่งดังไปทั่วยุโรป บรรดานักอ่านต่างพากันมาเยือนเวโรนาเพื่อตามหาบ้านเกิดของจูเลียต ถึงจะไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าเช็กสเปียร์เคยมาเยือนสถานที่จริงในเวโรนาหรือไม่ แต่ผู้คนก็พากันเชื่อมโยงบ้านของตระกูลคาเปลโลว่าเป็นบ้านจูเลียตในบทละคร เนื่องจากชื่อคาเปลโลสามารถเขียนได้อีกอย่างว่า “คัปเปลเลตติ (Cappelletti)” ซึ่งเมื่อแปลงเป็นการออกเสียงภาษาอังกฤษก็จะเป็น คาปูเลต์นามสกุลของจูเลียตเมื่อเจ้าของเห็นว่าคนต่างถิ่นพากันมาเยือนบ้านของตน จึงเปลี่ยนที่พักแรมให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและในปี ค.ศ. 1968 เนรีโอ คอนสแตนตินี (Nereo Constantini) ศิลปินชาวเวโรนาก็ได้สร้างรูปหล่อจูเลียตขึ้นมาที่สวนหน้าบ้านคาเปลโล จากนั้นต่อเติมระเบียงที่สามารถมองลงมาเห็นสวนด้านล่างตามในบทละครตอนที่จูเลียตลอบพบกับโรมิโอบนระเบียงห้องนอนบ้านคาเปลโลจึงถูกเปลี่ยนเป็นบ้านของจูเลียตในโศกนาฏกรรมรักอย่างสมบูรณ์และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรนา เชื่อว่าหากได้สัมผัสรูปหล่อจูเลียตสักครั้งคำอธิษฐานรักจะเป็นจริงซึ่งจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่อย่างไรคงต้องมาพิสูจน์กัน, Arena di Verona อัฒจันทร์โรมันที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 เพื่อชมการต่อสู้ของเหล่ากลาดิเอเตอร์ ปัจจุบันยังคงใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโอเปร่า คอนเสิร์ตและงานอีเวนท์ต่างๆ ในช่วงฤดูร้อน
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่ายเดินทางสู่ เมืองเวนิส หรือ เวเน็ตเซีย เป็นเมืองหลักของแคว้นเวเนโต ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเอเดรียติก อดีตเวนิสเคยเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเวนิสเป็นเวลาเกือบหนึ่งพันปี ตั้งแต่ ค.ศ. 810 ถึง ค.ศ. 1797 เป็นมหาอำนาจทางการเงินและการเดินเรือที่สำคัญในช่วงยุคกลางและยุคเรอเนซองส์ เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญโดยเฉพาะผ้าไหม ธัญพืช เครื่องเทศและงานศิลปะตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงปลายศตวรรษที่ 17 นครรัฐเวนิสถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศที่แท้จริงแห่งแรก เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 9 และมีความโดดเด่นมากที่สุดในศตวรรษที่ 14 ทำให้เวนิสเป็นเมืองที่ร่ำรวยตลอดในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ค่ำ รับประทาน ณ ร้านอาหาร (จีน)
ที่พัก LEONARDO ROYAL HOTEL VENICE MESTRE 4* หรือเทียบเท่า

(ส) 03 พ.ค. 68 : เวนิส - เปียซซา เฟอร์เรตโต (อิตาลี)

เช้ารับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองเวนิส เช่น จัตุรัส เปียซซา เฟอร์เรตโต (Piazza Ferretto) ศูนย์กลางของเมสเตรและเป็นสถานที่นัดพบปะของชาวเมือง ยังรวมถึงการจัดงานเทศกาลคริสต์มาส เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเบเกอรี่ ของที่ระลึก จุดแลนด์มาร์กของจัตุรัสนี้คือ หอนาฬิกา Torre Civica di Mestre, Fort Marghera ป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่แถบนี้ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 แต่ยังไม่ทันเสร็จก็ถูกฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสได้สร้างต่อจนเสร็จ ซึ่งรูปร่างของป้อมมีลักษณะเป็นรูปดาว ปัจจุบันเป็นสถานที่ใช้จัดงานและเทศกาลสำคัญๆ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่ายเช็กอินขึ้น เรือสำราญ  COSTA DELIZIOSA
17.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ มาร์เกรา... มุ่งหน้าสู่ เมืองบารี (อิตาลี)
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

(อา) 04 พ.ค. 68 : บารี (อิตาลี)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งช้อปปิ้งร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือหรือกิจกรรมตามจุดต่างๆ บนเรือตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
14.00 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองบารี (อิตาลี) เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่บนชายฝั่งเอเดรียติกและเป็นเมืองหลวงของแคว้นปูลยาของอิตาลี ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของบารีตั้งอยู่บนแหลมที่มองเห็นทะเลเอเดรียติก พื้นที่นี้สร้างขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
เที่ยวชมบรรยากาศ เมืองบารี เช่น ถนนเวคเคีย บารี ที่อยู่ใกล้กับโบสถ์และมีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ จำนวนมาก อีกด้านหนึ่งของโบสถ์เป็นทางเดินสบายๆ เลียบกำแพงเมืองเก่า ซึ่งมองเห็นถนนที่ทอดไปสู่ทะเล,จัตุรัสสาธารณะที่น่ารื่นรมย์สองแห่ง Piazza del Ferrarese และ Piazza Mercantile เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารกลางวันหรือดื่มเครื่องดื่ม พร้อมด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีโต๊ะกลางแจ้ง จัตุรัสสวยงามและเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
20.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองดูบรอฟนิก (โครเอเชีย) 
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

() 05 .. 68 : ดูบรอฟนิก (โครเอเชีย)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองดูบรอฟนิก (โครเอเชีย) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก เป็นเมืองท่าเก่าแก่ ทางตอนใต้ของโครเอเชีย (Croatia) มีความสวยงามของภูมิทัศน์และเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณทำให้ที่นี่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากที่สุดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ในปี .. 1979 ได้รับการประกาศจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองดูบรอฟนิก เช่น ย่านเมืองเก่า (Old Town) ถูกขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก”, กำแพงเมืองเก่าดูบรอฟนิก (The Old City Walls) นอกจากจะเป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำซีรีส์แล้ว ที่นี่ยังเป็นกำแพงเมืองโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 และมีการสร้างเสริมต่อเติมอีกครั้งเมื่อศตวรรษที่ 13 และ 14 ด้วยความสูงราว 6 เมตร ความหนา 6 เมตร และความยาวถึง 1,940 เมตร ทำให้กำแพงนี้มีสามารถโอบล้อมชุมชนได้อย่างแน่นหนาและมีความแข็งแรงคงทนเพียงพอที่จะต้านศึกสงครามในสมัยนั้น
นั่งกระเช้า ขึ้นชมวิวสวยๆ บน ภูเขา Mount Srd  ใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็จะอยู่บนยอดเขาขนาดย่อมที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 412 เมตร สามารถชมวิวเมืองที่ติดฝั่งชายทะเลได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันเป็นจุดชมวิวสวยๆ ของตัวเมืองและชายทะเล
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองดูบรอฟนิก เช่น พระราชวังเร็กเตอร์ส (Rector’s Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ Game of Thrones เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคนรักศิลปะและงานสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1435 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบกอธิกตอนปลายและเรเนซองส์ตอนต้น ทำให้องค์ประกอบของที่นี่ดูวิจิตรงดงาม ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมืองที่มีงานศิลปะแขนงต่างๆ จัดแสดงกว่า 15,000 ชิ้น, ย่าน Stradun หรือที่รู้จัก Placa Street เป็นถนนสายหลักและทางเดินในย่านเมืองเก่าแก่ ซึ่งถนนมีความยาวประมาณ 300 เมตร เป็นถนนคนเดินที่ปูด้วยหินปูนที่ทอดยาวจากประตู Pile Gate ซึ่งเป็นทางเข้าด้านตะวันตกไปยัง Old Town ทอดยาวไปจนถึง Old Harbour ทางทิศตะวันออก ซึ่งในปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
17.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองคอร์ฟู (กรีซ) 
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

() 06 .. 68 : คอร์ฟู (กรีซ)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
09.00 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองคอร์ฟู เป็นเมืองเกาะเล็กๆ มีพื้นที่เพียง 593 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกของแอลเบเนีย (Albania) และกรีซ ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.. 2007 ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามน่าทึ่งของคอร์ฟูเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างเรื่องราวโดยเชคสเปียร์และโฮเมอร์ ในปัจจุบันชายหาดที่สวยงามราวกับภาพวาดและทิวทัศน์สุดตระการตายังคงดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวชม บนเนินเขาเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนสีขาวโพลน มี โบสถ์ไบแซนไทน์ และซากป้อมปราการสไตล์เวนิส เดินเล่นไปตามถนนโบราณของหมู่บ้าน Kassiopi ของชาวโรมัน หรือชมจัตุรัส Esplanade ใจกลางเมืองคอร์ฟูที่ตั้งตามชื่อเทพธิดากรีซ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองคอร์ฟู เช่น Corfu Old Fortress ป้อมปราการเก่าแห่งคอร์ฟูเป็นภาพแรกของเกาะคอร์ฟูสำหรับผู้มาเยือนทุกคนที่เดินทางมาโดยเรือ การก่อสร้างเริ่มต้นจากไบเซนไทน์ แต่เมื่อคอร์ฟูถูกยึดครองจากเวนิสเมื่อปลายศตวรรษที่ 14 ชาวเวนิสได้เสริมกำลังป้อมปราการด้วยการปรับป้อมปราการสำหรับปืนใหญ่ และการก่อสร้างของพวกเขารวมถึงร่องลึกคล้ายคูน้ำ "คอนทรา ฟอสซา" ซึ่งแยกออกจากกัน, Corfu New Fortress ป้อมปราการใหม่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยชาวเวนิสเพื่อตอบสนองต่อการปิดล้อมโดยพวกเติร์กในปี ค.ศ. 1571 แม้ว่าบุคคลสำคัญๆ ของคอร์ฟูจะรอดชีวิตจากการถูกล้อมโดยการลี้ภัยในป้อมปราการเก่า แต่ชาวเมืองก็ไม่มีที่ไปและถูกสังหาร เมื่อเมืองถูกโจมตีและเผาจนราบคาบ มิเคเล ซันมิเชลีเสนอให้สร้างป้อมปราการเพิ่มเติม และเฟรันต์ เอ วิเตลลี สถาปนิกด้านการทหารผู้มีชื่อเสียงเป็นผู้ร่างแผน การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1576 และป้อมปราการใหม่แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1588 ป้อมปราการได้รับการต่อเติมเพิ่มเติมในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เมื่อมีการเพิ่มกำแพงเพิ่มเติมด้านนอกทางด้านตะวันตก พิสูจน์คุณค่าของมันในปี ค.ศ. 1716 เมื่อตุรกีโจมตีเมืองอีกครั้ง แต่ต้องขอบคุณแผนการป้องกันของกัปตันชาวเวนิสแห่งคอร์ฟู-เคานต์โยฮัน มัทธีอัส ฟอน เดอร์ ชูเลนเบิร์ก-พวกเติร์กพ่ายแพ้ในช่วงที่อังกฤษยึดครองคอร์ฟู ป้อมปราการใหม่ได้รับการออกแบบใหม่ และสิ่งที่เรียกว่าค่ายทหารอังกฤษได้ถูกสร้างขึ้นเสร็จในปี ค.ศ. 1842 สิบหกปีก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งกลับไปยังกรีซ
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
18.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองคาตาโกลอน (กรีซ) 
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

() 07 .. 68 : คาตาโกลอน (กรีซ)

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
07.30 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองคาตาโกลอน (กรีซ) เมืองท่าฝั่งทะเลเอเดรียติกที่สําคัญของประเทศอิตาลี เป็นเมืองเก่าแก่และมีความหลากหลายของความงดงามด้านศิลปะสถาปัตยกรรมในสไตล์กรีก, ไบเซนไทน์, บาโรกและโรมาเนสก์ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอิตาลี  
เดินทางสู่ เมืองโอลิมเปีย (Olympia) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสําคัญทางด้านประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกแห่งหนึ่งของกรีซ หากย้อนเวลากลับไปประมาณ 776 ปีก่อนคริสตกาล เมืองแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดโอลิมปิกเกมส์เป็นที่แรกเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เทพเจ้าโอลิมเปียเซอุส ซึ่งมีการแข่งขันกีฬา เช่น วิ่ง มวยปลํ้า ชกมวย ทุ่มนํ้าหนัก กระโดดไกล ขี่ม้า ขับรถม้า แข่งขันการประพันธ์ การแต่งกลอน และการอ่านประวัติศาสตร์ จะจัดสําหรับผู้ชายชาวกรีซและโรมันเท่านั้น โดยมีขึ้นทุกๆ 4 ปีและห้ามผู้หญิงเข้าชมอีกด้วย
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
13.30 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ โคเตอร์ (โครเอเชีย)
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งช้อปปิ้งร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือหรือกิจกรรมตามจุดต่างๆ บนเรือตามประกาศของเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

(พฤ) 08 .. 68 : โคเตอร์ (มอนเตเนโกร)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
10.00 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองโคเตอร์ (มอนเตเนโกร) เมืองเก่ากว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับการค้าในย่านคาบสมุทรบอลข่านมานานจนถึงปัจจุบัน และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่
เที่ยวชมบรรยากาศใน เมืองโคเตอร์ เช่น ย่านเมืองเก่า ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ทางด้านธรรมชาติและด้านวัฒนธรรม-ประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด แม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1979
กลาง วันรับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารพื้นเมือง
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองโคเตอร์ เช่น St. Tryphon’s Cathedral ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า คาดการณ์ว่าโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1166 แต่ถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวมาหลายครั้ง จนล่าสุดในปี ค.ศ. 1979 จึงมีการบูรณะใหม่โดยยังพยายามคงสภาพเดิมให้มากที่สุด อิสระดื่มด่ำกับบรรยากาศและเลือกซื้อของที่ระลึก
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
19.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ สปริท (โครเอเชีย)
ที่พัก COSTA DELIZIOSA

() 09 .. 68 : สปริท (โครเอเชีย)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น.เรือจอดเทียบท่า เมืองสปริท Split เป็นเมืองท่าสำคัญของโครเอเชียและเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
เข้าชม พระราชวังไดโอคลีเชียน พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน คริสต์ศตวรรษที่ 4 ทรงสร้างพระราชวังขนาดมหึมาเพื่อเตรียมตัวที่จะใช้เป็นสถานที่สำหรับปลดเกษียณในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 305 พระราชวังตั้งอยู่ที่บนแหลมสั้นๆ ทางด้านใต้ของอ่าวของฝั่งทะเลดาลเมเชีย ราว 4 ไมล์จากโซลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดโรมันดาลเมเชีย
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร (จีน)
บ่ายเที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองสปริท เช่น อาสนวิหารเซนต์ดอมนิอุส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sveti Dujam หรือเรียกขานว่า Sveti Duje เป็นอาสนวิหารคาทอลิกและเป็นที่ตั้งของอัครสังฆมณฑล Split-Makarska ซึ่งปัจจุบันนำโดยอาร์ชบิชอป Zdenko Križić, Temple of Jupiter วิหารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อเฉลิมฉลองการบูชาเทพเจ้าจูปิเตอร์ ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมยุตเรเนสซองค์ตอนต้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิหารที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
17.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ มาร์เกรา (อิตาลี)
ที่พัก COSTA DELIZIOSA
หมายเหตุ:ก่อนเรือกลับเทียบท่าใน เช้าวันถัดไป จะต้องดำเนินการเตรียมตัวเพื่อเช็กเอาต์ออกจากเรือดังนี้
1. จัดกระเป๋าใบเล็ก สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่ต้องใช้ในช่วงกลางคืนและเช้าวันถัดไป 
2. จัดกระเป๋าใบใหญ่และวางไว้หน้าห้อง พร้อมผูกป้ายกระเป๋าสีต่างๆ ตามที่เรือกำหนด เจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไปในช่วงกลางดึก (ป้ายกระเป๋าสีต่างๆ นี้จะเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ)
3. ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะส่งให้ตรวจเช็กความถูกต้องก่อน (ชาร์จผ่านบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ตอนเช็กอินในวันแรกของการขึ้นเรือโดยอัตโนมัติ  หรือในกรณีที่ไม่มีบัตรเครดิต สามารถชำระด้วยเงินสดได้ โดยทางเรือจะเรียกเก็บมัดจำไว้ล่วงหน้าในวันแรกของการขึ้นเรือ ตามข้อกำหนดของเรือ)

(ส) 10 พ.ค. 68 : เกาะเวนิส - มหาวิหารซานมาร์โค (อิตาลี) - อิสตัลบูล (ตุรเกีย)

เช้ารับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
09.00 น.เรือจอดเทียบท่า มาร์เกรา เวนิส เมสเตร
เช็กเอาต์ออกจากเรือสำราญ พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ
เดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเชสโต ลงเรือข้ามฝั่งไปที่ เกาะซานมาร์โค เพื่อเที่ยวชมบรรยากาศ เช่น มหาวิหารซานมาร์โค มหาวิหารประจำเขตเวนิส รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบกอธิก ประตูซุ้มโค้ง 5 แห่งคล้ายกับศิลปะโรมัน เดิมตัวโบสถ์เป็นโบสถ์น้อยของประมุขผู้ครองเวนิส ตกแต่งด้วยประติมากรรมต่างๆ ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส รวมถึงสมบัติมากมายจากสงครามครูเสด ภายในมหาวิหารเซนต์มาร์กมีกระเบื้องโมเสกที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8, สะพานสะอื้น (Bridge of Sighs) หรือ สะพานถอนหายใจสร้างขึ้นศตวรรษที่ 17 ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อระหว่างห้องสอบสวนของวังดยุกกับเรือนจำ เมื่อนักโทษที่เดินข้ามไปยังเรือนจำมักจะถอนหายใจเนื่องจากพวกเขาจะได้เห็นเมืองผ่านหน้าต่างเป็นครั้งสุดท้าย, แกรนด์คาเนล ดื่มด่ำบรรยากาศบนเกาะเวนิส ก่อนเดินทางกลับสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร (จีน)
บ่ายอิสระช้อปปิ้ง Designer Outlet Noventa di Piav สินค้าแบรนด์ดัง
16.00 น.เดินทางสู่สนามบินเวนิส
20.10 น.บินสู่ สนามบินอิสตัลบูล โดยเที่ยวบิน TK 1870
23.40 น.ถึง สนามบินอิสตัลบูล เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน

(อา) 11 .. 68 : กรุงเทพฯ

01.35 น.บินสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบิน TK 068
15.25 น.ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

 

รายละเอียดและค่าบริการ (บาท)

Interior Cabin
ห้องพักไม่มีหน้าต่าง

พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

ท่านละ

155,900 บาท

 

พักห้องเดี่ยว

ท่านละ

181,900 บาท

Balcony Cabin
ห้องพักมีระเบียง

พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

ท่านละ

170,900 บาท

 

พักห้องเดี่ยว

ท่านละ

211,900 บาท

ค่าวีซ่าเชงเก้น (คิวกรุ๊ป)

เพิ่มท่านละ

5,000 บาท

ไม่ใช้ตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะ
(BKK-IST-VCE-IST-BKK)

ลดท่านละ

32,000 บาท

อัพเกรดตั๋วเครื่องบิน Business Class
(BKK-IST-VCE-IST-BKK)

เริ่มต้น
เพิ่มท่านละ

โปรดตรวจสอบ
สามารถยืนยันราคาที่แน่นอนได้เมื่อทำการจองและที่นั่ง Confirm แล้วเท่านั้น

ค่าทิปพนักงานขับรถ, ไกด์ท้องถิ่น และ หัวหน้าทัวร์

 

รวมในค่าทัวร์แล้ว

ภาษีน้ำมันจากสายการบิน
คำนวณ ณ วันที่ 21 ต.ค. 2567

 

อาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมตามประกาศของสายการบิน ณ ช่วงเวลาที่ออกตั๋วเครื่องบิน

Visitors: 153,163