ทัวร์กรุ๊ป 24เม.ย.-5พ.ค.68 เรือสำราญ Allure of the Seas ล่องเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บิน EK เมษายน พฤษภาคม 2568 :Mediterranean Royal Caribbea
รหัสสินค้า : CTX-EH001-ALLURE OF THE SEAS
ราคา |
175,900.00 ฿ 179,900.00 ฿ (-2%) |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 175,900.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
ทัวร์กรุ๊ป : ล่องเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Allure of the Seas
สเปน•ฝรั่งเศส•อิตาลี•สเปน 12วัน 9คืน
ราคา:เริ่มต้น 179,900.-บาท
โปรโมชั่นจองภายใน31 ต.ค.67ลดท่านละ 4,000.-บาท
สายการบิน : Emirates (EK)
เส้นทาง : บาร์เซโลนา•ฌิโรนา •ปัลมา เดอ มาจอร์กา • โซลเลอร์ • พอร์ต เดอ โซเลอร์ • มาร์เซบ • ลา สปีเซีย • หมู่บ้านซิงเคว เตร์เร • โรม • วาติกัน • เนเปิลล์ • Blue Grotto
รวม : ที่พักโรงแรม2 คืน บนเรือ 7 คืน ,ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศตามเส้นทาง,รถรับส่งระหว่างสนามบิน-ท่าเรือ,ทัวร์บนฝั่งตามที่ระบุ,ภาษีท่าเรือ,ค่าทิปพนักงานบนเรือ, อาหารบนเรือทุกมื้อ,กิจกรรมตามที่ระบุในตั๋วเรือ ,ค่าทิปไกด์ ,**มีหัวหน้าทัวร์ร่วมเดินทาง
ไม่รวม : ค่าวีซ่าเชงเก้น ประมาณ 5,000 บาท,ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
>>ขอสงวนสิทธิ์หากเรือมีการปรับเปลี่ยนท่าเทียบเรือ ซึ่งทางบริษัทจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าต่อไป ,โปรแกรมการท่องเที่ยว Shore Excursion ของเรือ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับการเข้าออกของตารางเดินทางเรือ
**หมายเหตุ:ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริง ที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น ,กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
เดินทาง : 24 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2568
#เรือสำราญ #ROYAL CARIBBEAN #ALLURE OF THE SEAS
(พฤ) 24 เม.ย. 2568 กรุงเทพฯ
23.00 น.เจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ต้อนรับที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 9 แถว T เคาน์เตอร์เช็กอินสายการบินเอมิเรตส์ (EK)
(ศ) 25 เม.ย. 2568 กรุงเทพฯ - ดูไบ - บาร์เซโลนา - ฌิโรนา
02.25 น. บินสู่ สนามบินดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 377
06.00 น. ถึง สนามบินดูไบ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน
08.15 น. บินสู่ สนามบินบาร์เซโลนา-เอล แปรต โดยเที่ยวบิน EK 185
13.25 น. ถึง สนามบินบาร์เซโลนา-เอล แปรต
= ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร =
บ่าย เดินทางสู่ เมืองฌิโรนา (Girona) (ระยะทางประมาณ 100 กม.) หนึ่งในเมืองสำคัญของแคว้นคาตาลุญญา ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ปัจจุบันเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลากสีสันที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำออนญา (Onyar River) เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของซีรีย์ชื่อดัง Game of Thrones ทำให้กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองฌิโรนา เช่น วิหารซานต้ามาเรียแห่งฌิโรนา (Cathedral of Santa Maria de Girona)โบสถ์โรมันคาทอลิกโบราณ ก่อสร้างตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 11 สไตล์โรมาเนสก์ มีการต่อเติมหลายยุคสมัย เช่น สไตล์กอทิกในช่วงศตวรรษที่ 13 และสไตล์บาโรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ก่อนจะเสร็จสิ้นเมื่อศตวรรษที่ 18 ทำให้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลายที่มีความสวยงามอย่างลงตัว โบสถ์นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ Game of Thrones, โบสถ์แห่งเซนต์เฟลิกส์ (Basilica de Sant Feliu) โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สองของเมืองฌิโรนา ก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 12-17 ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวิหารซานต้ามาเรีย, ถนน Bisbe Cartaña ถนนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในฉากของซีรีย์ Game of Thrones ในฉากที่อาร์ย่า สตาร์ค ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่สูญเสียดวงตา, Pujada Sant Domenec ขั้นบันไดสไตล์บาโรก-นีโอคลาสสิก ใจกลางย่านเมืองเก่า ที่รายล้อมด้วยร้านอาหารและร้านค้าและยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Perfume: Story of a Murderer
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
ที่พัก CarlemanyGirona Hotel 4* หรือเทียบเท่า
(ส) 26 เม.ย. 2568 ฌิโรนา – ช้อปปิ้งเอาต์เลต – บาร์เซโลนา
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ La Roca Village (ระยะทางประมาณ 70 กม.) เอาต์เลตที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 100 ร้านค้า เช่น ARMANI, BURBERRY, COACH, GUCCI, GEOX, GUESS, LACOSTE, LONGCHAMP, MICHAEL KORS, PANDORA, POLO RALPH LAUREN, SAMSONITE, THE NORTH FACE, TOD’S, TUMI, และอื่นๆ อีกมากมาย
***อิสระรับประทานอาหารตามอัธยาศัย
บ่าย เดินทางกลับสู่ เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona)(ระยะทางประมาณ 40 กม.) เมืองท่าสำคัญที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายประกอบกับการวางผังเมืองที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ที่โดดเด่นที่สุดคือศิลปะแบบอาร์ตนูโวจากศิลปินชื่อดังอย่าง Antoni Gaudi ที่ทำให้เมืองมีชีวิตชีวามากขึ้น จนทำให้เมืองบาร์เซโลนาได้รับฉายาว่า “City of Gaudi”
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองบาร์เซโลนา เช่น บ้านของตระกูลมิร่า (Casa Mila) เรือนหอพร้อม อพาร์ทเมนต์ของ Pere Mila นักธุรกิจและนักกฎหมายที่ออกแบบโดยเกาดี ในปี ค.ศ. 1906 อาคารสูง 6 ชั้นที่มีแนวคิดการออกแบบมาจากคลื่นทะเล จึงทำให้อาคารมีรูปร่างแปลกตาและมีความล้ำสมัย ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCOแต่ก็ยังมีผู้เช่าอาศัยอยู่ที่แห่งนี้, บ้านของตระกูลบัตโล่ (Casa Batllo) สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 ต่อมาเจ้าของบ้านได้ให้เกาดีมาปรับปรุงและออกแบบใหม่ดังรูปลักษณ์ที่เห็นในปัจจุบัน สิ่งที่โดดเด่นคือหลังคาบ้านที่ออกแบบให้ดูคล้ายกับหลังของมังกรโดยใช้กระเบื้องปูไล่เฉดสีเป็นเกล็ดบนลำตัว, Palau de la Música Catalanaโรงแสดงคอนเสิร์ตที่ได้รับคำชื่นชมว่าสวยงามที่สุดในโลก สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1905-1908 ด้วยศิลปะทันสมัย (Modernista) แห่งคาตาลัน ซึ่งเป็นศิลปะแบบสเปนและอาหรับ ใช้เทคนิคหลายรูปแบบทั้งอิฐ กระเบื้องเคลือบ โมเสก กระจกสี และปูนปั้น ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยความวิจิตรของงานสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายใน
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
ที่พัก Fira Congress Hotel 4* หรือเทียบเท่า
(อา) 27 เม.ย. 2568 บาร์เซโลนา – Allure of the Seas
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองบาร์เซโลนา
นั่ง Cable Car ขึ้นชมวิวเมืองบาร์เซโลนาที่ เนินมองคูอิก ที่สูงถึง 180 เมตร นอกจากจะเป็นจุดชมวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสนามกีฬาโอลิมปิก ที่จัดในปี ค.ศ. 1992 และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติคาตาลุญญาอีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย เช็กอินขึ้น เรือสำราญ ALLURE OF THE SEAS
17.30 น. เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา ... มุ่งหน้าสู่ เมืองปัลมา มาจอร์กา (สเปน)
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(จ) 28 เม.ย. 2568 ปัลมา เดอ มาจอร์กา (สเปน)
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองปัลมา เดอ มาจอร์กา (สเปน)
เดินทางสู่ เมืองโซลเลอร์ (Soller) (ระยะทางประมาณ 30 กม.) เมืองท่องเที่ยวในชนบทเล็กๆ ทางตอนเหนือของหมู่เกาะแบลีแอริก ห่างเพียง 25 กิโลเมตร จากเมืองปัลมา เดอ มาจอร์กา เมืองนี้มีประชากรอาศัยเพียง 14,000 คน เป็นหนึ่งในเมืองวินเทจที่มีเสน่ห์ย้อนยุคน่าหลงใหล
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองโซลเลอร์ เช่น จัตุรัส Plaza de la Constitucion จุดนัดพบของชาวเมืองในวันหยุดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ และคาเฟ่มากมาย, โบสถ์เซนต์บาโธมิว (Church of St Bartomeu) โบสถ์โบราณยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสแห่งนี้ ได้รับการบูรณะเมื่อปี ค.ศ. 1904 และออกแบบโดยสถาปนิกชาวคาตาลัน Joan Rubio หนึ่งในศิษย์เอกของศิลปินเอกแห่งสเปน Antoni Gaudi ภายในคงความสวยงามดั้งเดิมแบบโกธิก ในขณะที่ภายนอกออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัยแบบโมเดิร์น
เดินทางสู่ เมืองพอร์ต เดอ โซลเลอร์ (Port de Soller) (ระยะทางประมาณ 7 กม.) เมืองท่าซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวรูปเกือกม้าทางตอนเหนือของเมืองโซลเลอร์ มีประชากรอาศัยเพียงราว 3,000 คน เป็นเมืองรีสอร์ทขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาตากอากาศและต้องการความเงียบสงบไม่วุ่นวาย ซึ่งต่างจากเมืองท่าทางตอนใต้ของเกาะซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แน่นขนัด
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
ท่องเที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองพอร์ต เดอ โซเลอร์ เช่น มหาวิหารเลอซู (La Seu, Cathedral of Palma) โบสถ์สไตล์โกธิคโรมันคาทอลิกคู่บ้านคู่เมืองของเกาะมาจอร์กา สร้างขึ้นตามบัญชาของกษัตริย์เจมส์ที่ 1 แห่งอารากอนในปี ค.ศ. 1229 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1601 โดยใช้เวลาร่วม 370 ปีในการก่อสร้างและมีการปรับปรุงตามแบบฉบับของอันโตนิโอ เกาดี สถาปนิกและผู้ออกแบบผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองบาร์เซโลนาในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1901-1914 ชมความงามของสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคโรมันที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตกแต่งด้วยกระจกลายสีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
18.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองมาร์เซย (ฝรั่งเศส)
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(อ) 29 เม.ย. 2568 มาร์เซย (ฝรั่งเศส)
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
09.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองมาร์เซย (ฝรั่งเศส)
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองมาร์เซย เช่น มหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (Basilique Notre-Dame de la Garde) ตั้งอยู่บนยอดเขา มีรูปพระแม่มารีเป็นองค์ประธาน เล่ากันว่าในสมัยก่อนคนแถบนี้มักมาขอพรกับพระนางเพื่อให้การเดินเรือปลอดภัยและเมื่อเดินเรือปลอดภัยกลับมาแล้วก็มักจะนำเอาเครื่องแขวนมาเป็นของสักการะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางเทศบาลเมืองได้ปรับปรุงให้สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานอันศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองมาร์เซย, สวน The Palais Longchamp สวนสวยกลางใจเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถึงความอุดมสมบูรณ์ ภายในตัวอาคารแสดงรูปปั้นที่สื่อถึงความสมบูรณ์ เช่น รวงข้าวและพวงองุ่น ใจกลางมีน้ำพุที่สื่อถึงการมีน้ำท่าที่สมบูรณ์, มหาวิหารมาร์เซย (Marseilles Cathedral) วิหารที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ที่มีเอกลักษณ์ด้วยศิลปะแบบไบแซนไทน์ ภายในตกแต่งด้วยเรือลำเล็กๆ ไว้หลายสิบลำบนเพดานเพื่อเป็นการอวยพรให้กับนักเดินเรือที่ผ่านไป-มาที่ท่าเรือแห่งนี้
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย เดินเล่นบริเวณท่าเรือเก่า (The Old Port) ท่าเรือเก่าแก่ของเมืองมาร์เซยที่เป็นที่รู้จักกันในนาม “ประตูสู่เมดิเตอร์เรเนียน” สมัยโบราณเคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในการค้าขายระหว่างประเทศแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส เป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวที่ต้องมาชม บริเวณใกล้ๆ กันมี Shopping Street และห้างร้านรวมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าทั้งแบรนด์ดังและแบรนด์ท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
18.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองลา สปีเซีย (อิตาลี)
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(พ) 30 เม.ย. 2568 ลา สปีเซีย (อิตาลี) – หมู่บ้านซิงเคว เตร์เร - ลา สปีเซีย
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
07.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองลา สปีเซีย (อิตาลี)
นั่งรถไฟ (Hop-on Hop-off) สู่ หมู่บ้านซิงเคว เตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านสีสันน่ารักที่ตั้งอยู่ริมแนวผาเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Cinque Terre ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1997 และยังเป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีด้วย ภายในอุทยานประกอบด้วย 5 หมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน (Monterossoal Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola, Riomaggiore) ซึ่งเชื่อมโยงการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่และรถไฟที่สะดวกสบายและประหยัดเวลา
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย ท่องเที่ยวชมบรรยากาศทั้ง 5 หมู่บ้านของซิงเคว เตร์เร เช่น หมู่บ้าน Riomaggiore ที่ขึ้นชื่อเรื่องแองโชวี่ มีกิจกรรมทางน้ำทั้ง Snorkel, Scuba จุดชมวิว ร้านค้าและร้านอาหาร คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว, หมู่บ้าน Manarola ที่มีวิวพระอาทิตย์ตกสวยแห่งหนึ่ง, หมู่บ้าน Corniglia หมู่บ้านที่เงียบสงบที่สุด ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงจากทะเล, หมู่บ้าน Vernazza มีลักษณะคล้ายอ่าวโอบล้อมทะเล เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปวิวทิวทัศน์, หมู่บ้าน Monterossoal Mare เป็นหมู่บ้านเดียวที่มีชายหาดและเหมาะกับการเล่นน้ำ คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและมีร้านอาหารที่พักมากมายให้เลือก
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
20.00 น. เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี)
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(พฤ) 1 พ.ค. 2568 ชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี) - วาติกัน – โรม - ชีวีตาเวกเกีย
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
07.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี)
เดินทางสู่ นครรัฐวาติกัน (Vatican) (ระยะทางประมาณ 70 กม.) รัฐอิสระที่เล็กที่สุดและเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
เที่ยวชมบรรยากาศของ นครรัฐวาติกัน เช่น มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือ เซนต์ ปีเตอร์ส บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี (อีก 3 มหาวิหารคือ มหาวิหารเซนต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพง) อยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมและเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Catholic State Of The Vatican City ซึ่งนครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกซึ่งมีศูนย์กลางคือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ซึ่งได้รับการออกแบบโดยอัจฉริยะบุคคล Michelangelo
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย เที่ยวชมบรรยากาศของ กรุงโรม เช่น น้ำพุเทรวี่ (The Trevi Fountain) น้ำพุที่เหล่านักท่องเที่ยวนิยมมาโยนเหรียญอธิษฐานเพื่อให้ได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง, โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งจักรวรรดิโรมันและสร้างเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) สามารถจุคนกว่า 50,000 คน, โรมันฟอรัม (Roman Forum) เขตเมืองเก่าในสมัยจักรพรรดิ์ทราจัน ซีซาร์ เรืองอำนาจ ที่เคยเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและชีวิตของชาวโรมัน
เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
19.00 น. เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองเนเปิลส์ (อิตาลี)
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(ศ) 2 พ.ค. 2568 เนเปิลส์ – Blue Grotto
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
07.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองเนเปิลส์ (อิตาลี)
เดินทางสู่ เกาะคาปรี (Capri)
ชมความสวยงามของ Blue Grotto ถ้ำทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สีน้ำเงินของทะเลส่องประกายภายในความมืดมิดของถ้ำ ผจญภัยกับการนอนราบไปกับเรือเพื่อเข้าถ้ำ (ขึ้นกับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงและสภาพอากาศโดยคำนึงความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นสำคัญ ... กรณีไม่สามารถไปได้ ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนโปรแกรมเป็นท่องเที่ยวในเมืองเนเปิลส์แทน)
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย เดินทางกลับสู่ท่าเรือเพื่อเตรียมตัวกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
19.00 น.เรือล่องออกจากท่าเทียบเรือ ... มุ่งหน้าสู่ เมืองบาร์เซโลนา (สเปน)
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
(ส) 3 พ.ค. 2568 ล่องน่านน้ำ (CHILL WITH SEA & SUN )
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งช้อปปิ้งร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือหรือกิจกรรมตามจุดต่างๆ บนเรือตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก ALLURE OF THE SEAS
หมายเหตุ: ก่อนเรือกลับเทียบท่าใน เช้าวันถัดไป จะต้องดำเนินการเตรียมตัวเพื่อเช็กเอาต์ออกจากเรือดังนี้
- จัดกระเป๋า Overnight bag สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวจำเป็นที่ต้องใช้ในช่วงกลางคืนและเช้าวันถัดไป
- จัดกระเป๋าใบใหญ่และวางไว้หน้าห้อง พร้อมผูกป้ายกระเป๋าสีต่างๆ ตามที่เรือกำหนด เจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไปในช่วงกลางดึก (ป้ายกระเป๋าสีต่างๆ นี้จะเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ)
- ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะส่งให้ตรวจเช็กความถูกต้องก่อน (ชาร์จผ่านบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ตอนเช็กอินในวันแรกของการขึ้นเรือโดยอัตโนมัติ)
(อา) 4 พ.ค. 2568 บาร์เซโลนา
05.00 น. เรือจอดเทียบท่า เมืองบาร์เซโลนา (สเปน)
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
เช็กเอาต์ออกจากเรือสำราญ พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ
เที่ยวชมบรรยากาศของ เมืองบาร์เซโลนา เช่น มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia) เป็นผลงานการออกแบบสุดท้ายของ Antoni Gaudi ที่มีความแปลกตาแต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็สวยงามจนไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชม, Temple of the Sacred Heart of Jesus โบสถ์โรมันคาทอลิกศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นบน Mount Tibidabo ด้วยศิลปะความสวยงามที่โดดเด่นและยังเป็นจุดชมวิวเมืองบาร์เซโลนาแบบ Bird Eye View ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร
บ่าย เดินเล่น ถนนคนเดิน La Rambla ชื่อดังของชาวบาร์เซโลน่า ที่มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตร สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และร้านรวงต่างๆ ทั้ง ร้านดอกไม้ ร้านขายงานศิลปะ ร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงงานศิลปะและประติมากรรมมากมาย เช่น รูปปั้นของ Thomas Alva Edison นักประดิษฐ์ผู้คิดค้นหลอดไฟส่องสว่าง ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจตลอดถนนเส้นนี้
เดินทางสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับ
21.00 น. บินสู่ สนามบินดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 188
(จ) 5 พ.ค. 2568 บาร์เซโลนา
05.30 น. ถึง สนามบินดูไบ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน
09.40 น. บินสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบิน EK 372
18.55 น. ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
รายละเอียดและค่าบริการ (บาท) |
|||
Interior Cabin ห้องพักไม่มีหน้าต่าง |
พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน |
ท่านละ |
179,900 บาท |
พักห้องเดี่ยว |
ท่านละ |
229,900 บาท |
|
Balcony Cabin ห้องพักมีระเบียง |
พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน |
ท่านละ |
204,900 บาท |
พักห้องเดี่ยว |
ท่านละ |
279,900 บาท |
|
ค่าวีซ่าเชงเก้น (คิวกรุ๊ป) |
เพิ่มท่านละ |
5,000 บาท |
|
ไม่ต้องการตั๋วเครื่องบิน (BKK-DXB-BCN-DXB-BKK) |
ลดท่านละ |
32,000 บาท |
|
อัพเกรดตั๋วเครื่องบิน Business Class (BKK-DXB-BCN-DXB-BKK) |
เริ่มต้น เพิ่มท่านละ |
โปรดตรวจสอบ |
|
ค่าทิปพนักงานขับรถ, ไกด์ท้องถิ่น และ หัวหน้าทัวร์ |
|
รวมในค่าทัวร์แล้ว |
|
ภาษีน้ำมันจากสายการบิน |
|
อาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมตามประกาศของสายการบิน ณ ช่วงเวลาที่ออกตั๋วเครื่องบิน |