ทัวร์นอร์เวย์ พรีเมี่ยม Premium Norway Lofoten Tromso แกรนด์นอร์เวย์ 10 วัน 7 คืน เดินทาง มีนาคม - เมษายน 2567 | สายการบิน Emirates (EK) + Norwegian (DY)
ไม่พบสินค้า
แกรนด์นอร์เวย์ 10 วัน 7 คืน (ทรุมส์เซอ โลโฟเทน ออสโล
โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก กรุงเทพ ฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) (- / - / -)
21.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 10 บริเวณลานจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่จากทางบริษัทคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารจากนั้นนำท่านไปยังเคาร์เตอร์สายการบินเอมิเรสต์ (EK)เพื่อทำการเช็คอิน และโหลดกระเป๋าสัมภาระ (กระเป๋าจะทำการเช็คทรูจากสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงสนามบินออสโล ประเทศนอร์เวย์ น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 2 ใบ รวมกันแล้วไม่เกิน 30 กิโลกรัม น้ำหนักต่อใบไม่เกิน 20 กิโล และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
วันที่สอง สุวรรณภูมิ – ดูไบ – ออสโล – ทรุมส์เซอ (- / - / D)
01:15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินดูไบ, โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 385
05:00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบประเทศอาหรับเอมิเสต์ ทำการเปลี่ยนเครื่องบินสู่กรุงออสโล
07:30 น. ออกเดินทางสู่สนามบินออสโลโดย เอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK159
12:00 น. เดินทางถึงสนามบินออสโลเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระและการตรวจของศุลกากร (เวลาที่นอร์เวย์ ช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง แนะนำให้ท่านปรับเวลาทันทีเมื่อไปถึง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเวลานัดหมาย)
นำท่านเช็คอิน“Self-checkin”สายการบินนอร์วิเจียน สู่เมืองทรุมส์เซอ(น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 2 ใบ น้ำหนักต่อใบไม่เกิน 20 กิโลกรัม และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
15:00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินทรุมส์เซอโดยสายการบินนอร์วิเจียน เที่ยวบินที่ DY378
(เที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขอสงวนสิทธิ์ในการยืนยันอีกครั้งก่อนการเดินทาง)
16:55 น. เดินทางถึงเมืองทรุมส์เซอ “Tromsø”เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์ อยู่ในเขตมณฑลทรุมส์ ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติกเซอร์เคิล Artic Circle อีกด้วย หลังตรวจรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อย
17.40 น. นำท่านขึ้นรถโค้ชที่รอรับ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักและอิสระให้ท่านได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก RADISSON BLU, TROMSO ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
*เนื่องจากเขตเมืองทรุมเซอ และโลโฟเทน ตั้งอยู่เหนือเขตวงกลมอาร์กติก หากโชคดีอาจทำให้ที่นี่มีปรากฎการณ์แสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี่การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาว *
วันที่สาม เมืองทรุมส์เซอ – มหาวิหารอาร์คติก – มหาวิหารทรุมส์เซอ – ทรุมส์เซอซิตี้ทัวร์ – อิสระช็อปปิ้งที่ห้าง Nerstranda Senter – นั่งเคเบิ้ลคาร์ ชมวิวเมืองทรุมส์เซอ (B / L / D)
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมและถ่ายรูปที่ “มหาวิหารอาร์คติก” Arctic Cathedralมหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สร้างขึ้นในปี 1965 อีกทั้งยังมีโครงสร้างโดดเด่นซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ ในการสร้างมากจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์ ด้วยสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะจึงทำให้มหาวิหารอาร์คติกกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ควที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของเมืองทรุมส์เซอ
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านหน้า มหาวิหารทรุมส์เซอ “Tromsø Cathedral”หนึ่งในโบสถ์ไม้สไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ และเก่าแก่ที่สุดของเมืองทรุมเซอร์ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง โดยมหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปี 1861 ในสมัยของกษัตริย์ Haakon IV มีความโดดเด่นงดงามทั้งภายในและภายนอกมากแห่งหนึ่ง นำท่านชมความงดงามของสถาปัตยกรรมห้องสมุด “TromsøCity Library and Archive” และอาคารไม้โดดเด่น “Music Pavilion in Tromsø” บนพื้นที่ทาวน์สแควร์ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดทางตอนเหนือของนอร์เวย์ที่อนุรักษ์ไว้ และในส่วนของด้านหลังจะเป็นศาลาว่าการเมืองทรุมส์เซอร์ “Town hall”
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่บริเวณท่าเรือทรุมส์เซอ ซึ่งติดกับถนนคนเดิน ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามตลอดจนมีร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านขายของพื้นเมืองที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินชมเที่ยวชมเมืองทรุมส์เซอ เมืองที่มีชื่อเล่นว่า “ประตูสู่อาร์กติก”ในย่านตัวเมืองเก่าในยุค 1800 ที่บอกเรื่องราวของนักสํารวจอาร์กติกที่มีชื่อเสียง รูปปั้นอนุสรณ์สถาน สถาปัตยกรรม อาคารทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ชั้วโลก Polar Museum พิพิธภัณฑ์ Polaria Arctic Aquarium ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แต่ละที่จะบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของชาวพื้นเมืองซามิ หรือจะเดินชมบริเวณถนน Storgata ที่มีโรงผลิตเบียร์ที่อยู่เหนือสุดของโลก Macks Olbryggeri Brewery เปิดในปี 1877 โดดเด่นด้วยอาคารสีเหลือง ผสานกับความคลาสสิคของท่อส่งเบียร์สีทองแดง ห้องอาหารที่โดดเด่นอันเป็นจุดศูนย์รวมของนักธุรกิจและพ่อค้า สําหรับท่านที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งจะต้องประทับใจ ศูนย์การค้า Nerstranda Senterใจกลางเมืองทรุมส์เซอ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะเข้ามาเลือกซื้อของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึกเมือมาเยือนเมืองทรุมเซอแห่งนี้ อาทิเช่น เครื่องแก้ว หนังกวางเรนเดียร์ เบียร์ท้องถิ่น เสื้อกันหนาว ปลารมควัน และตุ๊กตาโทรลล์ และในยามเย็น ยังเป็นสถานที่ชมแสงอาทิตย์ลับยอดเขาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง ** หมายเหตุ พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ มีค่าเข้า ธรรมเนียมเข้าชมไม่รวมในรายการ**
จากนั้นนำท่านสัมผัสกับประสบการณ์การ “นั่งเคเบิ้ลคาร์” สู่ยอดเขาสโตรสไตเนินยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองทรอมโซได้อย่างชัดเจน และยังเป็นสถานที่ลุ้นชม แสงเหนือยามค่ำคืน ที่ยอดนิยมของทรุมเซอร์อีกด้วย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความงามเมืองทรุมส์เซอ จากมุมสูง
หมายเหตุ : ทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงรายการหรือเวลาขึ้นลงกระเช้า หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือเกิดเหตสุดวิสัยต่อการขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา โดยไม่สามารถแจ้งให้ทราบได้ล่
ได้เวลาอันสมควร นำท่านกลับสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก RADISSON BLU, TROMSO ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
*เนื่องจากเขตเมืองทรุมเซอ และโลโฟเทน ตั้งอยู่เหนือเขตวงกลมอาร์กติก หากโชคดีอาจทำให้ที่นี่มีปรากฎการณ์แสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี่การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาว *
วันที่สี่ ทรุมส์เซอ – แคมป์ตาม็อก – นั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ - ไอซ์โดม “Ice Domes” – ฮาร์สตัด ( B / L / D )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ แคมป์ตาม็อก(ระยะทาง 95.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาตาม็อกที่สวยงาม เมื่อถึงแคมป์ นำท่านเรียนรู้และมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ “นั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์” ยานพาหนะของซานตาครอส
ระบบขนส่งที่เก่าแก่ที่สุดของชาวซามิ ระหว่างทางไกด์ท้องถิ่นที่จะบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติวัฒนธรรม และการตั้งถิ่นฐานของชาวซามิ ชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองทรุมส์เซอ หลังจากกิจกรรมเลื่อนกวางเรนเดียร์ นำท่านป้อนอาหารกวางเรนเดียร์ด้วยมือของท่านเองและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และบริการท่านด้วยซุปอุ่นๆ ที่เรียกว่า Bidus ทำจากเนื้อสัตว์ มันฝรั่งและแครอท ใช้สำหรับในการแต่งงาน เสริฟพร้อมกับขนมปัง เครื่องดื่มร้อน (ชา กาแฟ ช็อคโกแล็ต)
จากนั้นนำท่านเข้าชมโดมน้ำแข็ง “Ice Domes”ตื่นตาไปกับประติมากรรมน้ำแข็งและการแกะสลักหิมะที่น่าทึ่ง เรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการก่อสร้างโดมและผลกระทบที่หิมะมีต่อทุกชีวิตในอาร์กติก นำท่านเดินชมอย่างสนุกสนานผ่านห้องมหัศจรรย์ เรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการก่อสร้างโดมและผลกระทบที่หิมะมีต่อทุกชีวิตในอาร์กติก มีเวลาให้ท่านได้เดินชมและถ่ายรูปบรรยากาศเป็นที่ระลึก
สิ่งที่ควรทราบล่วงหน้า: ภายในโดมน้ำแข็ง Tromsø จะรักษาอุณหภูมิ (-5)˚C ไว้ตลอดเวลาแนะนำให้สวมเสื้อผ้าให้เพียงพอเพื่อความอบอุ่นของร่ายกาย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เขต เมืองฮาร์สตัด (Harstad) (ระยะทาง 225 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเขตทรุมส์ รองจากทรุมส์เซอ ตัวเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขา
ริมชายฝั่ง และฟยอร์ดบนเกาะฮินเนยยา และมีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายรายล้อมมีถนนเชื่อมต่อกันที่นำไปสู่ท่าเรือด้านหนึ่งและที่อยู่อาศัยอีกด้านหนึ่ง อันเผยให้เห็นประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้ง โรงนาเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ และประเพณีการทำอาหารอันยาวนาน ที่นี่มีที่พักให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทาวน์เฮาส์และโรงแรมไปจนถึงจุดตั้งแคมป์แต่ที่ไม่ควรพลาดคือลองพักในสไตล์โรงนาอันเป็นเสห์ของชาวไวกิ้ง พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีและอาหารอันน่าตื่นเต้นของนอร์เวย์ โดยในช่วงเทศกาลนอร์เวย์เหนือประจำปีของฮาร์สตัดจะมีจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนมิถุนายน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก SCANDIC HARSTAD, HARSTAD ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า
*เนื่องจากเขตเมืองทรุมเซอ และโลโฟเทน ตั้งอยู่เหนือเขตวงกลมอาร์กติก ทำให้ที่นี่มีปรากฎการณ์แสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี่การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาว *
วันที่ห้า ฮาร์สตัด – หมู่เกาะลอฟโฟเทน – สโวลแวร์ – เฮนนิงวาสร์ – เลคเนส – เข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง – รีนน์ (B / L / D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองสโวลแวร์ “Svolvaer”(ระยะทาง 169 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 2ชม. 45 นาที) นำท่านเที่ยวชมเมืองสโวลแวร์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขต “หมู่เกาะลอฟโฟเทน” เขตนอร์ทแลนด์ หมู่บ้านของชาวประมงที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการหาปลาในช่วงฤดูหนาว และทำปลาตากแห้งส่งออกที่มีชื่อเสียง โด่งดังไปทั่วโลก เอกลักษณ์ที่สำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้ก็คือ กระท่อมสีแดงแบบดั้งเดิมของชาวประมง ที่กลายเป็นสีสันริมชายฝั่ง ที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนก็ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการดูแสงเหนือที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ เนื่องจากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ถูกเสกสร้างมาอย่างพิถีพิถัน มีผืนน้ำสีฟ้าคราม ท้องฟ้าสีใส ภูเขาสูงตระหง่าน แทรกแซมด้วยหมู่บ้านชาวประมงทรงสวยแปลกตา นับว่าเป็นเมืองสวยท่ามกลางธรรมชาติที่ดูคล้ายเมืองในจินตนาการมากกว่าความจริง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “เฮนนิงวาสร์” (Henningsvær)(ระยะทาง25 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงที่ปัจจุบันชาวบ้านยังคงประมงกันอยากคึกคัก เป็นอีกเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาแวะเวียน
และหนึ่งในจุดเด่นของเมืองนี้คือ สนามฟุตบอล (Henningsvaer Stadium)ที่มีภูมิทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก โดยสนามฟุตบอลแห่งนี่ถูกทางสมาคมฟุตบอลยูฟ่า (UEFA) เลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่เตะฟุตบอล 13 แห่ง ที่ไม่เหมือนใคร และปรากฏสู่สายตาชาวโลกผ่านโฆษณาในแคมเปญ #PlayAnywhere campaign ในปี ค.ศ. 2018 เพื่อโปรโมทการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดนัดชิงชนะเลิศ จากนั้นนำท่านเดินชมบรรยากาศบ้านชาวประมงสีแดง (RORBUER) ตั้งอยู่ริมทะเล มีอ่าวจอดเรือประมงเรียงราย อยู่มากมาย เป็นภาพที่สวยงามตัดกับวิวภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว ถือเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเลคเนส “Leknes”(ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง) เมืองเล็ก ๆ น่ารักอีกเมืองบนเขตหมู่เกาะลอฟโฟเทน
นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง “Lofotr Longhouse Viking Museum”ที่ใหญ่และยาวที่สุดในแสกนดิเนเวีย ซึ่งจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวไวกิ้งในอดีตที่ย้ายถิ่นฐานมาปักหลัง ณ ผืนแผ่นดินนอร์เวย์ในปัจจุบัน ท่านจะได้ชมข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนการแต่งกายของชาวไวกิ้งในอดีต
นำท่านเดินทางสู่รีนน์ “Reine”(ระยะทาง 65.8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที)ให้ท่านได้เที่ยวชม หมู่บ้านชาวประมงที่สุดแสนโรแมนติกและสวยที่สุด จนนักท่องเที่ยวต่างขนานนามว่า สวรรค์บนดินเดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ปัจจุบันมีการปรับปรุงสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวและส่วนใหญ่ที่พักจะถูกจองเต็มตลอดทั้งปี ความสวยงามของที่นี่เริ่มต้นจากภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขา และฟยอร์ด สถาปัตยกรรมบ้านไม้ชาวประมงที่สร้างขึ้นในรูปแบบเดียวกัน ดูน่ารักและเป็นระเบียบ ทาสีสันสดใสตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเล โดยที่หน้าบ้านที่พักทุกหลังจะระบุชื่อเจ้าของบ้านเดิมไว้
ท่านจะได้ชมซุ้มตากปลาคอททีมีอยู่มากมาย บนเกาะเป็นมุมถ่ายภาพสุดเก๋ และที่พลาดไม่ได้คือจุดถ่ายภาพที่มองเห็นเทือกเขา Reinebringen และ Moskenesioya และ ณ จุดนี้เป็นจุดยอดนิยมของนักถ่ายภาพระดับโลก ที่ต่างต้องมาตั้งกล้องรอเก็บภาพแสงเหนือ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวเฉพาะบริเวณที่อยู่ในเหนือเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลบริเวณใกล้ขั้วโลกรอบพร้อมกับวิวอันล้อมด้วยฟยอร์ดและเทือกเขาหิมะปกคลุม และอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่คือจะมีอากาศที่ไม่หนาวจัด เนื่องมาจากมีแนวเขาช่วยบังกระแสลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามา นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก REINE RORBURE – By Classic Norway Hotel ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
**เนื่องจากที่พักเป็นที่พักขนาดเล็กสไตล์คลาสสิค อาจไม่สะดวกสำหรับกระเป๋าใบใหญ่ควรพิจารณาแยกสัมภาระสำหรับพัก 1 คืน
*เนื่องจากเขตเมืองทรุมเซอ และโลโฟเทน ตั้งอยู่เหนือเขตวงกลมอาร์กติก ทำให้ที่นี่มีปรากฎการณ์แสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี่การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาว *
วันที่หก หมู่บ้านอ๊ะ (A) – พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง – สะพานแฮมนอยด์–หมู่บ้านชาวประมงนัสฟยอร์ด – สโวลแวร์ (B / L / D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านอ๊ะ (Å)(ระยะทาง 10 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 20 นาที)เป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดบนหมู่เกาะลอฟโฟเทน อันเป็นจุดสิ้นสุดของถนนสายหลัก E10 ซึ่งถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านชาวประมง “Norwegian Fishing Village” ซึ่งท่านจะได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะลอฟโฟเทน ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 250 ปี ในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีสถานที่ต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม อาทิ โรงงานผลิตน้ำมันตับปลาคอด, ร้านขายเบเกอรี่ และร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ให้ท่านได้เดินเล่นชมหมู่บ้าน และเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
(หมายเหตุ : ร้านค้าและโรงงานต่าง ๆ อาจปิดทำการเนื่องจากวันหยุดเทศกาล โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
นำท่านเดินทางสู่ แฮมนอยด์ (Hamnøy)(ระยะทาง 13 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ระหว่างทางแวะบันทึกภาพ ณ จุดถ่ายภาพบริเวณสะพานแฮมนอยด์Hamnøy Bridge View Point
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ “นัดส์ฟยอร์ด” Nusfjord(ระยะทาง 36 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)อีกหนึ่งเมืองเล็กๆ น่ารักๆ แห่งหมู่เกาะลอฟโฟเทน ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภูเขาสลับแม่น้ำและทะเลสาบที่สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำ นำท่านเที่ยวชม หมู่บ้านชาวประมงนัสฟยอร์ด (Nusfjord Fisherman Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งอีกแห่งของ นอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีการรังสรรค์หมู่บ้านหลากสีสัน ทั้งแดง เหลือง เขียว และยังคงอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าไว้อย่างดียิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย หรือจะนั่งเล่น จิบกาแฟ ชื่นชมกับธรรมชาติของเมืองนี้ นอกจากนี้เมืองนัสฟยอร์ดยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก “UNESCOs”ให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เขตสโวลแวร์ “Svolvær”(ระยะทาง 92 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ระหว่างทางนำท่านชมและถ่ายรูปด้านหน้า “โบสถ์โว่กันน์” Våganหรือ ที่รู้จักกันในชื่อ Lofoten Cathedral โบสถ์ไม้เก่าแก่หลังใหญ่ประจำเมือง Vagan ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Kabelvag เป็นโบสถ์ไม้สีเหลืองสร้างขึ้นใน สไตล์ไม้กางเขนในปี ค.ศ.1898 โดยสถาปนิก Carl J. Bergstrøm
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก THORN HOTEL LOFOTEN, Svolvær ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
*เนื่องจากเขตเมืองทรุมเซอ และโลโฟเทน ตั้งอยู่เหนือเขตวงกลมอาร์กติก ทำให้ที่นี่มีปรากฎการณ์แสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี่การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาว *
วันที่เจ็ด สโวลแวร์ - สนามบินเอเวเนส - สนามบินออสโล – เมืองออสโล (B / L / D)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินเอเวเนส (EVE) เมืองเอเวเนส(ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อทำการเช็คอินไฟลท์ DY365 สู่กรุงออสโล
15:40 น. ออกเดินทางสู่สนามบินออสโลโดยสายการบินนอร์วิเจียน เที่ยวบินที่ DY363 (น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 2 ใบ น้ำหนักต่อใบไม่เกิน 20 กิโลกรัม และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 10 กิโลกรัม)
17:25 น. ถึงกรุงออสโล เมืองหลวงประเทศนอร์เวย์ นำท่านขึ้นรถโค้ชที่รอรับ นำท่านสู่ภัตตาคารเพื่อรับประทานอาหารค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักให้ท่านได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ที่พัก RADISSON BLU HOTEL, Alna Oslo ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่แปด ออสโล – สวนประติมากรรมวิเกลันด์ – โอเปร่าเฮ้าส์ (B / L / -)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเที่ยวชมกรุงออสโล “Oslo”เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ในอดีตครั้งสมัยที่นอร์เวย์อยู่ในอารักขาของอาณาจักรเดนมาร์คนั้นนอร์เวย์ เคยย้ายเมืองหลวงถึงสองครั้งสองหนจากกรุงทรอนไฮม์ เป็น กรุงเบอร์เก้น จนกระทั่งมาเป็นกรุงออสโลในปัจจุบัน ที่โอ่อ่าอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังถึง 900 ปี และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ผ่านชม พระบรมมหาราชวัง ทำเนียบรัฐบาล อาคารรัฐสภา เนชั่นแนลเธียเตอร์ ศาลาเทศบาลเมืองเก่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ต่าง ๆ
นำท่านเข้าชมสวนประติมากรรมวิเกลันด์ “Vigeland Sculpture Park” สวนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวนประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะฟรอกเนอร์ เป็นที่ตั้งของรูปแกะสลักชิ้นโบว์แดงชื่อ โมโนลิทแกะสลักจากหินแกรนิตเพียงแท่งเดียวสูง 17 เมตร ใช้เวลาในการสร้างรวม 22 ปี
นำท่านถ่ายรูปด้านหน้าอาคารโอเปร่าเฮ้าส์แลนด์มาร์คสำคัญของกรุงออสโล เป็นศูนย์ วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น มีดีไซน์อันสะดุดตา ออกแบบให้ดูเหมือนธารน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และมีสะพานที่ลาดเอียงสีขาวโพลน นับเป็นภาพที่งดงามอย่างแท้จริง ท่านสามารถเดินไปตามหลังคาลาดเอียงของโอเปร่าเฮ้าส์ เพื่อชมทิวทัศน์ของกรุงออสโลจากหลังคาของอาคารแห่งนี้ได้
จากนั้นนำท่านเข้าชมไวกิ้ง แพลนเน็ตมิวเซี่ยม “The Viking Planet” เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 เป็นพิพิธภัณฑ์ Digital Viking แห่งแรกของโลกโดยใช้เทคโนโลยี VR ร่วมกับเทคโนโลยีการฉายภาพที่ดีที่สุดในปัจจุบัน HTC Vive Pro 2 ที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับใช้กับทางพิพิธภัณฑ์ที่เรียกว่า Ferd โดยเฉพาะ โดยใช้ร่วมกับอุปกรณ์ความบันเทิงแห่งอนาคตเพื่อนำเสนอประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่หลากหลาย ให้ท่านได้เรียนรู้เกี่ยวกับยุคไวกิ้งด้วยวิธีการที่สนุกสนาน โดยนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์ที่มีความยาว 12 นาที เรื่อง "The Ambush" ที่จะทำให้ท่านมีความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปกว่าพันปี เพื่อขึ้นเรือไวกิ้งและเป็นส่วนหนึ่งของการซุ่มโจมตีของชาวไวกิ้งบนชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ จนได้รับรางวัลการผลิตภาพยนต์ VR ที่ดีที่สุดประจำปี 2019
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน ชมอาคารเทศบาลเมืองเก่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ อายุ กว่า 100 ปีต่าง ๆ แนวอาร์ตเดคโคสถา ปัตยกรรมที่ดูทันสมัย ประดับไปด้วย น้ำพุ สวนและประติมากรรม เติมแต่งให้ดูกลมกลืนใกล้กันเป็น The Nobel Peace Center สถานที่ ๆ มีการจัดแสดงเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ถัดมาจะเป็นเขตท่าเรืออันคึกคักไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว
ย่านเอเคอร์ บรูค “Aker Brygge”แหล่งกินดื่มของชาวฮิบฮ็อบ มีเวลาอิสระให้ท่านชื่นชมบรรยากาศ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย
นำท่านเข้าสู่ถนนช็อปปิ้งย่าน คาร์ล โจฮันส์ เกท “Karl Johans Gate” ถนนที่เป็นเหมือนหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมือง สินค้าน่าช้อปมากมายตั้งแต่แบรนด์เนมจนถึงสินค้าท้องถิ่นไม่มีแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ “H&M” ที่มีต้นกำเนิดในแถบสแกนดิเนเวีย และกระเป๋าเป้สะพายจากสวีเดนแบรนด์ “Fjallraven” หรือที่เราคุ้นในชื่อ “Kanken“ ก็มีแบบให้เลือกมากมาย หรือแบรนด์เนม อาทิ หลุย์วิคตอง, ชาแนล ฯลฯ อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการช็อปปิ้ง เลือกซื้อของที่ระลึก เก็บภาพตามอัธยาศัย หรือจะนั่งเล่นชิลล์ๆ จิบกาแฟ ชื่นชมกับธรรมชาติของเมือง
ค่ำ อิสระอาหารค่ำ เพื่อความต่อเนื่องในการช็อปปิ้ง
ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเข้าสู่ที่พัก และอิสระให้ท่านได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
ที่พัก RADISSON BLU HOTEL, Alna Oslo ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่เก้า สนามบินออสโล – สนามบินดูไบ (B / - / -)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
10:00 น. เช็คเอาท์จากโรงแรมที่พักได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินออสโล
11.00 น. เดินทางถึงสนามบิน ออสโล เพื่อทำการเช็คอินไฟล์ท EK160
14:10 น. ออกเดินทางสู่สนามบินดูไบ โดยสายการบิน เอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK 160(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง, กระเป๋าจะทำการเช็คทรูจากสนามบินออสโล จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 2 ใบ รวมกันแล้วสูงสุดไม่เกิน 30 กิโลกรัม และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
23.55 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบประเทศอาหรับเอมิเสต์ ทำการเปลี่ยนเครื่องบินสู่กรุงเทพมหานคร
วันที่สิบ สนามบินดูไบ – สนามบินสุวรรณภูมิ, กรุงเทพฯ (- / - / -)
03.05 น. ออกเดินทางกลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK384
12.40 น. นำท่านเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
*****Travel Around the World by Chic Journey*****
หมายเหตุ : โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพลม ฟ้า อากาศ การจราจร และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทาง
อัตราค่าบริการ ต่อท่าน เป็นสกุลเงิน ไทยบาท (สำหรับคณะเดินทางขั้นต่ำ 15 ท่าน และสูงสุดไม่เกิน 25 ท่าน) |
||
วันเดินทาง |
ราคาผู้ใหญ่ ต่อท่าน พักห้องคู่ |
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม |
6 – 15 มีนาคม 2567 |
159,000 |
25,000 |
20 – 29 มีนาคม 2567 |
159,000 |
25,000 |
4 – 13 เมษายน 2567 |
162,900 |
25,000 |
กรณีมีการจองต่ำกว่า 15 ท่าน แต่ไม่น้อยกว่า 10 ท่าน แต่ยังยืนยันต้องการเดินทาง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับราคาเพิ่ม 20,000 บาทต่อท่าน ทั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้เดินทางทั้งคณะ |